“คะ...ค่ะ” อันนาขานรับก่อนจะเร่งมือจัดโต๊ะ
“ท่าน!” เมลิสสาอยากจะมุดหายลงไปอยู่ใต้เตียงซะให้รู้แล้วรู้รอด ‘บ้าจริง! แล้วแบบนี้เราจะมองหน้าคุณอันนายังไงกัน’
“ถ้าไม่อายก็ลุกขึ้นมาสิ” คาเรนเทียกระซิบบอก
“หนูโป๊อยู่” เมลิสสากัดฟันตอบ
“อ้าว! จริงเหรอ ไหนขอดูหน่อยสิ” คาเรนเทียรีบสอดมือเข้าไป หวังจะดึงผ้าห่มออก แต่กลับถูกเจ้าสาวตีเข้าที่แขนอย่างจัง
เพียะ!
“คนบ้า!” เมลิสสาต่อว่าอย่างรู้โกรธขึ้นมานิดๆ
“หึๆ” คาเรนเทียหัวเราะจนตัวสั่นที่ได้แกล้ง
“ขะ...ขาดเหลืออะไรก็เรียกได้เลยนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ” อันนาบอกก่อนจะรีบเดินตรงไปที่ประตู
ทันทีที่แม่บ้านออกไป คาเรนเทียก็สะกิดคนที่นอนมุดอยู่ใต้ผ้าห่มให้ลุกขึ้น “เสื้อคลุมของเธออยู่นี่ จริงๆ ไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้นะ”
“หนูจะใส่ค่ะ” เมลิสสาขยับตัวแล้วดึงผ้าห่มออก แล้วคว้าเสื้อคลุมที่อีกฝ่ายส่งให้มาสวมอย่างรวดเร็ว
“ไปทานข้าวกัน” คาเรนเทียชวนพร้อมกับทำทีจะเข้าไปอุ้ม
“หนูเดินเองได้ค่ะ” เมลิสสาขยับตัวหนี
“ไหวจริงเหรอ? เมื่อกี้ฉันเห็นขาเธอยังสั่นอยู่เลย” คาเรนเทียเอ่ยแซว
“ไหวค่ะ” เมลิสสามองค้อนคนมักมากก่อนจะรีบขยับลงจากเตียงไปนั่งรออีกฝ่ายที่โต๊ะอาหารอย่างรู้สึกหิว
“อืม! ฉันก็ไหวนะ ให้ทำทั้งวันทั้งคืนยังได้เลย” คนหื่นตามไปนั่งข้างๆ อย่างอารมณ์ดี
“อะ...อะไรคะ” เมลิสสารู้สึกมึนงงกับคำบอกเมื่อครู่
“ไม่รู้จริงเหรอมิรา?” คาเรนเทียถามก่อนจะหยิบไข่ลวกที่ยังอุ่นนิดๆ มาตอกใส่แก้วกาแฟใบใหญ่
“มะ...ไม่แน่ใจว่าท่านหมายถึงอะไรมากกว่าค่ะ”
“เธอรู้! แต่ไม่ยอมรับว่ารู้” คาเรนเทียหันไปหยิบพริกไทยและเกลือมาปรุง
“หนูหิวแล้วค่ะ” เมลิสสาเปลี่ยนเรื่องคุย จิตใจจดจ่ออยู่ที่แก้วกาแฟใบใหญ่ ที่หากเธอนับไม่ผิด อีกฝ่ายตอกไข่ลวกลงไปในแก้วแล้วห้าฟอง
“ก็กินสิ” คาเรนเทียบอกก่อนจะยกแก้วที่มีไข่ลวกขึ้นดื่ม
“...” เมลิสสามองตาค้าง รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งเนื้อทั้งตัว
“เลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีแถอะมิรา! ฉันต้องบำรุง เธอก็เหมือนกัน”คาเรนเทียบอกก่อนจะตอกไข่ลวกสามฟองลงในแก้วชา พร้อมกับหยิบเกลือและพริกไทยมาปรุง จากนั้นก็ยื่นแก้วไปให้กับสาวเจ้า
“เอ่อ...หนูไม่...” เมลิสสาพยายามจะปฏิเสธ แต่ก็ถูกขัดขึ้นเสียก่อน
“มันไม่คาวหรอกน่า ฉันปรุงให้แล้ว” คาเรนเทียยัดแก้วชาใส่มือบาง
“กะ...ก็ได้ค่ะ” เธอถอนหายใจ ก่อนจะจ้องมองไข่ลวกในแก้วชา แล้วกลั้นใจยกขึ้นดื่ม ทั้งๆ ที่ไม่ชอบเอาเสียเลย
“เป็นไง พอทานได้ไหม?”
“ค่ะ” เมลิสสาพยักหน้าเบาๆ จริงๆ รสชาติมันก็ไม่ได้เลวร้าย สักเท่าไหร่ เพียงแต่เธอไม่ชอบไข่ที่ยังไม่สุก ก็เลยไม่เคยทานเลยสักครั้ง
“เอาอีกหรือเปล่า?” คาเรนเทียเลิกคิ้วถาม
“พอแล้วค่ะ” เมลิสสาตอบก่อนจะยกเมนูอื่นมาทาน
ชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่เมลิสสาทานอาหารเสร็จก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วตรงไปหาเดือนนภาที่ห้องครัวใหญ่ โดยไม่สนใจสายตา ขุ่นเคือง ที่เอาแต่มองตามไปทุกหนทุกแห่งจนกระทั่งเธอออกจากห้อง
คาเรนเทียมองประตูห้องที่ปิดลงอย่างรู้สึกหงุดหงิดหัวใจ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเมินเขาอย่างที่เมลิสสาทำมาก่อน ใจหนึ่งก็อยากจะตามไปกระชากกลับมาถามให้หายข้องใจว่าหลายวันที่ผ่านมา เธอไม่รู้สึกรู้สาอะไรบ้างเลยเหรอที่มีหนุ่มหล่อร้อนแรงอย่างเขามานอนกกกอด แถมยังมาจับผิดเรื่องหมออีก โอ้พระเจ้า! แล้วพรุ่งนี้เขาจะหาใครมารับบทเป็นหมอดี?
คนที่กำลังคิดไม่ตกนั่งถอนหายใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดต่อสายหาตัวเลือกสุดท้ายบนโลก
[ว่าไงคาเรน?] แดเนียล เสกสรร ร็อฟเวลล์ ที่กำลังขับตรวจงานตามจุดต่างๆ ในไร่สิรันยากรณ์ (เชียงใหม่, ประเทศไทย) เอ่ยถามทันทีที่กดรับสาย
[นายทำอะไรอยู่?]
[ทำงานสิถามได้!]
[คือ...ฉันมีเรื่องให้ช่วยนิดหน่อยน่ะ]
[เรื่องอะไร?]
[เรื่อง...] คนที่ตั้งใจจะขอความช่วยเหลือ แต่ขณะเดียวกันก็กระอักกระอ่วนใจเกินจะเอ่ยปาก
[อะไร? อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ] แดเนียลถามกลับอย่างรู้สึกรำคาญนิดๆ เพราะกำลังจะขับรถไปตรวจดูงานที่สวนองุ่นต่อ
[สัญญามาก่อนว่าจะไม่บอกใคร] คนหน้าบางขอคำมั่น
[พระเจ้า! เรื่องอะไรวะ] แดเนียลสบถถามอย่างหัวเสีย ‘แดดร้อน ก็ร้อน เดี๋ยวพ่อก็กดวางสายใส่ซะเลย’
[สัญญามาก่อนสิ]
[ให้ตายเถอะคาเรน!]
“อ้าว! คุณคาเรนมาเมื่อไหร่คะเนี่ย” เดือนนภาเอ่ยถามอย่างมึนงง เพราะไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของชายหนุ่มเดินเข้ามา
“ผมเพิ่งมาครับ” คาเรนเทียเหลือบมองสีหน้าที่บูดบึ้งของสาวเจ้าแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้
“พอดีเดือนกำลังจะสอนคุณมิรา แล้วก็คนอื่นๆ ทำน้ำจิ้มสุกี้ค่ะ” เดือนนภาบอกยิ้มๆ
“ว้าว! น่าสนใจนะครับ” คาเรนเทียยิ้มก่อนจะหันไปมองใบหน้างามอีกครั้ง ก็เห็นสาวเจ้าส่งค้อนวงใหญ่มาให้
“อืม...อีกสักประมาณหนึ่งชั่วโมงก็น่าจะเตรียมของเสร็จค่ะ”
“งั้นผมขอนั่งดูอยู่ในนี้ได้ไหมครับ” คาเรนเทียบอกพร้อมกับนั่งเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ แม่กระต่ายน้อย
“เอ่อ...ดะ...ได้ค่ะ” เดือนนภาเอ่ยรับอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อเห็นลูกศิษย์คนสวยเหลือบมองคาเรนเทียด้วยสีหน้าตึงๆ
“ท่านไม่มีอะไรทำเหรอคะ?” เมลิสสาถามอย่างทนไม่ไหวที่อีกฝ่ายมานั่งจ้องหน้าเธออยู่แบบนี้
“ไม่! เพราะสิ่งที่ต้องทำ มันทำคนเดียวไม่ได้ เว้นซะแต่ว่า...เธอจะว่าง แล้วไปช่วยฉันทำ” คาเรนเทียยิ้มยั่วอย่างนึกสนุก
“หนูไม่ว่างค่ะ” เมลิสสาพยายามข่มใจให้เย็น
“ก็...เห็นอยู่ ฉันเลยนั่งรอยังไงล่ะ มันเกะกะสายตาของเธออย่างนั้นเหรอ?” คาเรนเทียถามกลับอย่างกวนๆ
“ถ้าตอบตามมารยาทก็ไม่ค่ะ แต่ถ้าตอบตามตรงคือ...ใช่ค่ะ” คนที่เพิ่งจะหายใจโล่งได้ไม่ถึงชั่วโมง ก็ถูกก่อกวนด้วยสายตาหื่นๆ ที่เห็นแล้วเธอรู้สึกอายเดือนนภาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ฮ่าๆๆ ฉันไม่สน” คาเรนเทียบอกพลางยักไหล่ทั้งสองข้างขึ้นนิดๆ
“หึ! หนูก็คิดอยู่แล้ว ว่าท่านคงไม่สน” เมลิสสาเอ่ยเยาะ
“ให้ตายสิ! นี่เธอโกรธอะไรฉันอย่างนั้นเหรอมิรา” คาเรนเทียถามอย่างไม่เข้าใจ
“หนูไม่ได้โกรธค่ะ”
“ไม่จริง! ก็เห็นๆ อยู่ว่าเธอโกรธ”
“หนูจะรู้สึกยังไง ท่านสนด้วยเหรอคะ”
“สะ...สนสิ” คาเรนเทียยอมรับด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“งั้นก็รู้ไว้ว่าหนูไม่ชอบให้ใครมายืนมองด้วยสายแบบนั้น”
“แบบไหน?”
“แบบที่คนทั่วๆ ไปเขาไม่ทำกัน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์)