ครึ่งชั่วโมงต่อมา...เมลิสสานั่งมองกล่องชุดเครื่องเพชร 10 ชุดไม่รวมสร้อยจี้เพชรตัวตัว C ที่คอและแหวนเพชรขนาดสามกะรัตที่อยู่บนนิ้วของเธออย่างรู้สึกอึ้งกับราคาที่ชาตินี้ทั้งชาติเธอคงไม่มีทางจะซื้อใส่อย่างแน่นอน แต่เขากลับซื้อมันราวกับว่าเป็นของใช้ในร้านสะดวกซื้อ ที่ถูกใจปุ๊บ! ก็หยิบใส่ตะกร้าแล้วเดินมาจ่ายเงินที่หน้าเคาน์เตอร์
“ตอนเย็นดิฉันจะจัดส่งไปให้ที่คฤหาสน์นะคะ” พนักงานสาวรับเช็คค่าเครื่องเพชรและทิปเงินสดจากเจ้าพ่อคนดังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณมากครับ” คาเรนเทียขานรับก่อนจะหันมาเอ่ยชวนสาวเจ้าที่เงียบไปพักใหญ่ “เราไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“ค่ะ” เมลิสสารับคำ แล้วเดินตามร่างสูงไปยังห้องอาหารที่อยู่ถัดไปอีกสองล็อก
ห้องอาหารชื่อดัง...ทันทีที่เข้าไปด้านในร้านเมลิสสาก็เห็นเดือนนภา อันนา ไมย่าและแอนดรูนั่งรออยู่
“สั่งอาหารกันหรือยังครับ” คาเรนเทียเอ่ยถามเดือนนภาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆ แม่กระต่ายน้อย
“สั่งแล้วค่ะคุณคาเรน” เดือนนภายิ้มตอบ พลางจ้องมองแหวนเพชรเม็ดใหญ่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของสาวเจ้า “ว้าว! แหวนสวยจังเลยนะคะคุณมิรา”
“ขะ...ขอบคุณค่ะ” เมลิสสารู้สึกร้อนผ่านที่ใบหน้ามาขึ้นมาทันทีทันใดที่ทุกคนในโต๊ะพากันหันมามองที่นิ้วของเธอ
“วงนี้ผมเลือกให้เองครับ ถ้าให้มิราเลือก เธอจะเลือกแหวนที่ไม่มีเพชร” คาเรนเทียบอกอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“กะ...ก็มันแพงนี่คะ ตอนที่ใส่เดินออกร้านมาหนูต้องเอามืออีกข้างรองไว้ เพราะกลัวว่าเพชรจะหลุดออก” คนที่ไม่เคยได้ใส่เพชรมาก่อนบอกอย่างจิตตก
“คิกๆๆ/หึๆๆ” อันนา ไมย่า และแอนดรูพากันหัวเราะเบาๆ กับท่าทางตื่นๆ ของเมลิสสา
“มันไม่หลุดง่ายๆ แบบนั้นหรอกมิรา” คาเรนเทียบอกพร้อมกับถอนหายใจอย่างเพลียๆ
“กะ...ก็หนูกลัวนี่” เมลิสสาบอกเสียงสั่น
“ถ้ามันหลุด! ฉันจะซื้อให้ใหม่โอเค้” คาเรนเทียรีบบอกเพราะกลัวว่าสาวเจ้าจะร้องไห้ออกมา
“ไม่โอเคค่ะ ฮึก...” เมลิสสาก้มหน้าแล้วยกมือขึ้นปาดหยดน้ำตาออกอย่างกลัวว่าใครจะเห็น
“เฮ้อ...ผมจะทำยังไงกับมิราดีครับคุณเดือน” คาเรนเทียดึงร่างบางเข้ามากอดปลอบ พร้อมกับลูบหลังให้เบาๆ รู้ดีว่าสาวเจ้าไม่ได้แกล้งดราม่าหรือแอ๊บจริตจะก้านอย่างใด แต่เป็นเพราะราคาของแหวนที่ทำให้เธอกังวลและ สติแตกนิดๆ
“เอ่อ...มันไม่หลุดหรอกค่ะคุณมิรา ใส่เถอะนะคะ เดือนว่ามันสวยแล้วก็เข้ากับคุณมิรามากๆ เลย จริงไหม อันนา ไมย่า” เดือนนภามองร่างบางที่สั่นเทาอย่างรู้สึกสงสาร ก่อนจะหันไปขอกำลังเสริมที่นั่งหน้าเหวอไปตามๆ กัน
“จริงค่ะ” อันนารีบสมทบอย่างรู้สึกผิดนิดๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอไมย่า และแอนดรูหัวเราะหรือเปล่า เลยทำให้เมลิสสาน้อยใจ แต่พอมองๆ ไปก็ไม่น่าจะใช่ เพราะสาวเจ้าหน้าเจื่อนๆ ตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว
“ไมย่าจะคอยเดินตามหลังให้ค่ะ ถ้าเพชรมันหลุดออกไมย่าจะเก็บให้ค่ะ” ด้านคนที่ซื่อไม่แพ้สาวขี้แยบอกอย่างหวังดี
“ขอบใจนะไมย่า” คาเรนเทียบอกสาวใช้ที่อายุน้อยที่สุดในคฤหาสน์
“ฮึก...ขะ...ขอบคุณค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ทุกคนรู้สึกแย่ไปด้วย” เมลิสสาเช็ดน้ำตาออกอย่างรู้สึกอาย
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องคิดมาก” อันนาบอกพร้อมแตะที่ข้อมือบางของคนรักผู้เป็นนายเบาๆ ขณะที่ไมย่า เดือนนภาและแอนดรูต่างพากันส่งยิ้มให้
“กินข้าวกันดีกว่านะ” คาเรนเทียบอกเสียงอบอุ่น
“ค่ะ” เมลิสสาตอบก่อนจะส่งยิ้มไปให้อีกฝ่าย
“ว้าว! อาหารมาพอดีครับ” แอนดรูบอกเมื่อเห็นพนักงานเสิร์ฟ สามคนยกถาดใส่อาหารเดินมาที่โต๊ะ
จากนั้นบรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อสี่สาวต่างพากันให้ความสนใจกับรสชาติของอาหารแต่ละเมนู พร้อมกับแลกเปลี่ยนเกร็ดความรู้ในการทำอาหาร ทำเอาสองหนุ่มทานไปฟังไปอย่างเพลิดเพลิน
พอทานอาหารเสร็จ คาเรนเทียก็พาสี่สาวและคนสนิทเดินไปยัง มหาวิหารเซนต์ไอแซค (St.Isaac’s Cathedral) ที่สร้างขึ้นในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นโบสถ์หลักประจำเมือง ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นคือยอดโดมทำจากทองคำแผ่นที่มีน้ำหนักรวมถึง 100 กิโลกรัม
“ว้าว! สวยมากๆ เลยค่ะ” เมลิสสาเงยหน้ามองไปรอบๆ กับความงดงามของศิลปะที่ชวนตื่นตาตื่นใจ
“ที่นี่มีมหาวิหารที่สวยงามอีกหลายแห่ง รวมไปถึงราชวังเก่าแก่ที่ยังคงความงดงามให้ได้เห็นถึงความรุ่งเรืองในยุคก่อน” คาเรนเทียทำหน้าที่เป็นไกด์พาทัวร์บรรยายถึงความเป็นมาให้ฟัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์)