ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์) นิยาย บท 21

ครึ่งชั่วโมงต่อมา...

เมลิสสายืนมองสิ่งที่พ่อเทพบุตรสุดหล่อเรียกว่า ‘กระท่อม’ บอกอย่างรู้สึกอึ้ง เพราะสำหรับเธอมันคือบ้านสองชั้นสไตล์โมเดิร์น ขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยป่าที่สมบูรณ์

“เราขนของเข้าข้างในกันเถอะ” คาเรนเทียเอ่ยชวนเมื่อเห็นสาวเจ้ายืนนิ่งอยู่กับที่

“ค่ะ” เมลิสสาขานรับก่อนจะหิ้วถุงผ้าที่ใส่ของต่างๆ เดินตามร่างสูงไปอย่างรู้สึกตื่นเต้น

ทันทีที่ได้เข้าไปเห็นบรรยากาศภายในบ้าน เมลิสสาก็รู้สึกหลงรักอย่างบอกไม่ถูก เหมือนยกเอาความสะดวกสบายมาไว้ที่ใจกลางป่า เพราะมีไฟฟ้า และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เหมือนกับที่คฤหาสน์ทุกอย่าง ทั้งห้องเครื่องครัว เฟอร์นิเจอร์

ทั้งสองใช้เวลาในการจัดของใช้ต่างๆ เกือบหนึ่งชั่วโมง คาเรนเทียเปิดเพลงทำนอง Acoustic ที่ชอบเบาๆ ก่อนจะเดินไปหาสาวเจ้าที่ในห้องครัว

“เธอทำอาหารสำหรับมื้อเที่ยงรอนะมิรา ฉันจะออกไปตกปลาที่ ลำธาร” คนที่เตรียมอุปกรณ์พร้อม บอกยิ้มๆ

“ได้ค่ะ” เมลิสสาพยักหน้ารับเบาๆ

“อ้อ! นี่รหัสที่ปลดล็อกประตู” คาเรนเทียบอกพร้อมกับส่งกระดาษที่มีรหัสไปให้

“ขอบคุณค่ะ” เมลิสสาหยิบมาดู แล้วใส่ลงในกระเป๋าของผ้ากันเปื้อน

“เธออยู่ได้ใช่ไหม?” คาเรนเทียถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“อยู่ได้ค่ะ” เมลิสสาฉีกยิ้มให้อีกฝ่ายคลายกังวล

“โทรศัพท์เครื่องนี้ต่อตรงไปยังคฤหาสน์ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินหรืออยากจะคุยกับอันนา ส่วนในมือถือของเธอมีเบอร์ของฉันแล้ว”

“รับทราบค่ะ” เมลิสสาขานรับ

“งั้นฉันไปก่อนนะ” คนที่อยากจะโชว์ฝีมือตกปลาเอาใจสาว บอกก่อนจะเดินออกไปด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

สองชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่เมลิสสาทำอาหารใกล้จะเสร็จ ก็หยิบมือถือมาเตรียมจะกดโทร. หาพ่อเทพบุตรสุดหล่อ แต่ทว่า...กลับเห็นอีกฝ่ายเดินหิ้วปลาตัวใหญ่เข้ามาในครัวซะก่อน

“ว้าว! เธอทำอะไรกินเหรอมิรา กลิ่นหอมสุดๆ เลย” คาเรนเทียวางปลาลงในอ่างล้าง แล้วเริ่มถอดเกล็ดและทำความสะอาดทันที

“เอ่อ...มีสปาเก็ตตี้คาโบนาล่า สตูว์เนื้อ กับสลัดปลาแซลมอนรมควันค่ะ” เมลิสสาบอกยิ้มๆ

“พระเจ้า! ฉันหิวสุดๆ เลย” คาเรนเทียบอกพร้อมกับเร่งมือจัดการปลาตัวใหญ่

“งั้นหนูตั้งโต๊ะรอเลยนะคะ”

“เยี่ยมไปเลยคนดี”

“เอ่อ...คะ...คุณตกปลาเก่งจังเลยนะคะ” คนที่กำลังจะเดินไปตักอาหารใส่ชาม หันมาบอกอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเอ่ยชมพ่อเทพบุตรสุดหล่อไป

“อืม...จริงๆ ฉันไม่ได้ตกปลาเก่งอย่างเดียวนะ อย่างอื่นฉันก็เก่งเหมือนกัน” คาเรนเทียบอกพลางยักคิ้วกวนๆ ส่งให้สาวเจ้า

“บ้า!” เมลิสสามองค้อนคนทะลึ่ง ก่อนจะยกอาหารและของต่างๆ ไปตั้งโต๊ะรอที่ด้านนอก

ยี่สิบนาทีต่อมา...เมลิสสามองพ่อเทพบุตรสุดหล่อทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ก็อดอมยิ้มไม่ได้

“มันอร่อยมากๆ เลย” คาเรนเทียส่งยิ้มให้สาวเจ้าอย่างเต็มไปด้วยความสุข ไม่คิดว่านอกจากความสวยที่โดดเด่นแล้ว สาวตรงหน้ายังมีรสมือที่ไม่ธรรมดา ขนาดเขาเคยทานแต่ร้านดังๆ โรงแรมใหญ่ๆ รสชาติยังไม่ออกมาดีแบบนี้เลย

“หนูดีใจค่ะที่คุณชอบ” เมลิสสาบอกพลางตักสตูว์เนื้อเพิ่มให้อีกฝ่าย

“ขอบคุณ ทานเสร็จแล้วฉันว่าจะพาเธอไปเดินเล่น”

“เยี่ยมเลยค่ะ” คนที่อยากจะไปเดินป่าเต็มแก่ยิ้มร่าอย่างดีใจ

“ตอนไปตกปลา ฉันเห็นลูกราสเบอร์รี่กับบลูเบอร์รี่ออกเต็มเลย”

“ว้าว! หนูจะเก็บมันจนเกลี้ยงป่าเลยค่ะ” เมลิสสาบอกอย่างดีใจ เพราะนี่คือสิ่งที่เฝ้าฝันมานาน

“หึๆ” คาเรนเทียหัวเราะอย่างขำๆ ปกติสาวอื่นเขามีแต่ชอบความสุขสบาย แต่สาวตรงหน้ากลับชอบเข้าป่าซะงั้น

ชั่วโมงต่อมา...คาเรนเทียก็พาสาวเจ้าไปเก็บผลไม้ตามจุดต่างๆ ที่ตนเห็นตอนที่ไปตกปลา

“ว้าว! ไม่น่าเชื่อนะคะว่าจะออกเยอะขนาดนี้” เมลิสสาหันมองไปรอบๆ ตัวอย่างรู้สึกตื่นเต้น

“ใช่ เธอนั่งเก็บตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันจะเดินไปดูต้นเชอร์รี่ว่าออกลูกไหม”

“ค่ะ” เมลิสสาขานรับก่อนจะฮัมเพลงเบาๆ แล้วนั่งลงใช้กรรไกรตัดผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ที่ไม่ว่าจะหันไปทางซ้ายหรือขวาก็ออกเต็มไปหมด

“โอ้พระเจ้า!” คนที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว แล้วยกกล้องส่องทางไกลขึ้นดู ก็ถึงกับอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่คิดว่าตนและสาวเจ้าจะโชคดี ที่มาได้โอกาสเหมาะเจาะแบบนี้

“มีอะไรหรือคะ” คนที่กำลังตัดผลไม้อย่างเพลิดเพลิน เงยหน้าขึ้นถามอย่างตกใจนิดๆ

“ฉันเห็นต้นเชอร์รีที่อยู่ทางฝั่งซ้ายออกลูกดกเต็มต้นเลย ส่วนทางขวาก็มีแอปเปิ้ลสุกเต็มต้นเช่นกัน” คาเรนเทียบอกพร้อมกับชี้ไปยังจุดที่อยู่ห่างไปไม่ไกลให้สาวเจ้าดู

“ว้าว! สุดยอดเลยค่ะ” เมลิสสาลุกขึ้นมองตามอย่างดีใจ

“งั้นฉันไปเก็บแอปเปิ้ลให้ก่อน แล้วค่อยมารับเธอไปเก็บเชอร์รีด้วยกัน” คาเรนเทียบอกยิ้มๆ

“ค่ะ” เมลิสสาขานรับ

“อ้อ! นี่วิทยุสื่อสารเข้ารหัสเฉพาะเรา เปิดมันทิ้งไว้ฉันจะได้รู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่”

“ค่ะ” เมลิสสารับวิทยุสื่อสารมาวางไว้ในตะกร้า แล้วโบกมือให้พ่อเทพบุตรสุดหล่อที่กำลังจะออกเดินไปเก็บแอปเปิ้ล

ห้านาทีต่อมา...คนที่เดินไปเกือบจะถึงต้นแอปเปิ้ลอุทานขึ้นอีกครั้ง เมื่อเจอเห็ดผึ้งออกตามทาง

“มิรา! ฉันเจอเห็ดด้วยล่ะ” คาเรนเทียรีบบอกผ่านวิทยุสื่อสาร

“เรื่องก่อนที่จะมาทำงานในกาสิโน”

“อืม...พอเรียนจบไฮสคูล พ่อกับแม่ของหนูท่านก็เสีย หลังพิธีฝังศพผ่านไปได้สามวัน บ้านก็ถูกธนาคารยึด หนูอาศัยอยู่กับเพื่อนบ้านที่ชื่อชาร์ลอทได้ไม่ถึงเดือน ชาร์ลอทก็ฝากงานในครัวที่กาสิโนให้ หนูเลยขอย้ายออกมาอยู่ห้องเช่า เพราะเกรงใจหลานสาวของชาร์ลอทที่ย้ายมาอยู่ด้วย และอีกหนึ่งปีต่อมา...ชาร์ลอทก็จากไป”

“ฉันเสียใจด้วยนะ ทั้งเรื่องของพ่อกับแม่ แล้วก็เรื่องของชาร์ลอท”

“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้หนูโอเคขึ้นแล้ว”

“แล้ว...เธอไม่ได้กลับไปเรียนต่อเหรอ?” คาเรนเทียถามอย่างสงสัย

“ไม่ค่ะ หนูไม่มีเงินพอจะกลับไปเรียน ก็เลยต้องทำงานเก็บเงินคิดว่า...หากสักวันมีเงินมากพอจะกลับไปเรียนต่อ แต่การได้เป็นผู้ช่วยเชฟอยู่ในครัว ทำให้หนูค้นพบความสุขของตัวเองในแบบที่คาดไม่ถึง หนูหลงรักการทำอาหาร แล้วทุกคนในครัวก็เป็นเหมือนครอบครัวใหม่ที่ทำให้ชีวิตของหนู มีความหมายอีกครั้ง ก็เลยอยากจะทำงานอยู่ที่นั่นไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีกำหนดค่ะ” คนที่ก้าวผ่านจุดเศร้าของชีวิตมาได้พักใหญ่ บอกด้วยรอยยิ้ม

“แล้วทำไมวันนั้นถึงมาเสิร์ฟอาหารให้ฉันล่ะ” คาเรนเทียถามขณะที่หลายๆ อย่างแล่นขึ้นมาจุกที่หน้าอก

“พอดีหนูกำลังจะกลับบ้าน แต่ผู้จัดการขอให้เอาอาหารไปเสิร์ฟให้คุณก่อน แล้วก็...” เมลิสสาบอกก่อนจะก้มหน้าลง เมื่อนึกย้อนไปถึงค่ำคืนที่เปลี่ยนชีวิตของเธอให้มายืนอยู่ ณ. สถานที่แห่งนี้

“รู้อะไรไหม...มีคนเคยบอกกับฉันว่า การที่คนเราได้มาพบและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ล้วนแต่เป็นผลพวงมาจากภพชาติก่อน” คาเรนเทียบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“คะ...คุณเชื่อแบบนั้นเหรอคะ?” คนที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองโชคร้ายหรือว่าดี เงยหน้าขึ้นถามอย่างสงสัย

“เมื่อก่อนไม่! แต่...ตอนนี้ฉันเชื่อจนหมดใจเลย”

เมลิสสายืนนิ่งไปราวกับถูกสาป กับคำพูดที่เหมือนกับคำสารภาพรัก แต่พลัน! สายตาของเธอก็ดันเหลือบไปเห็นบางอย่างเข้าอย่างจัง “โอ้พระเจ้า! มีต้นเชอร์รีเป็นสิบต้นเลยค่ะ”

“ให้ตายเถอะมิรา! เธอนี่เห็นเชอร์รีดีกว่าฉันอย่างนั้นเหรอ?” คนที่กำลังทำซึ้งสบถอย่างหัวเสีย เมื่อเห็นสาวตรงหน้าหันไปดี๊ด๊ากับผลไม้

“เอ่อ...ขะ...ขอโทษค่ะ เอาไว้ค่อยคุยกันได้ไหมคะ หนูขอไปเก็บเชอร์รีก่อน” เมลิสสาบอกก่อนจะวิ่งตรงไปยังต้นเชอร์รีที่ออกลูกดกมากที่สุด

“เฮ้อ...” คาเรนเทียถอนหายใจอย่างเพลียๆ ก่อนจะเดินตามไปด้วย สีหน้าเซ็งๆ

“ว้าว! ต้นนี้จะหวานหรือเปล่านะ” เมลิสสาอุทานเบาๆ ก่อนจะเก็บเชอร์รีสีม่วงทึบๆ มาลองชิม

“เป็นไง?” คาเรนเทียถามก่อนจะเดินไปเก็บตาม

“หอมแล้วก็หวานสุดๆ ไปเลยค่ะ” เมลิสสาทำหน้าเคลิ้มๆ หลังจากได้ลิ้มลองรสชาติ

คาเรนเทียโน้มกิ่งลงมาใกล้ๆ แล้วเด็ดลูกเชอร์รีมาชิม ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ อย่างรู้สึกฟินตาม “อื้ม...จริงด้วย”

“หนูอยากจะยกทั้งต้นไปไว้ที่ห้องนอน หรือไม่ก็เอาเต็นท์มากางแล้วนอนเฝ้าที่นี่ไปเลยค่ะ” คนที่เพิ่งจะเคยเก็บสดๆ จากต้นเป็นครั้งแรกบอกด้วย สีหน้าจริงจัง

“ฮ่าๆๆ พรุ่งนี้เราค่อยมาเก็บอีกก็ได้” คาเรนเทียหัวเราะออกมาอย่างรู้สึกขำกับความคิดของสาวเจ้า

“จริงนะคะ” เมลิสสาถามย้ำอย่างดีใจ

“จริงสิ!” คาเรนเทียตอบก่อนจะลงมือเก็บเชอร์รีใส่ตะกร้าให้แม่กระต่ายน้อย ที่กำลังเดินไปเด็ดชิมต้นอื่นๆ ด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์)