วันต่อมา...เมลิสสาตื่นขึ้นมาในเช้ามืดของอีกวันก็เห็นว่าจอมมารร้ายยังคงหลับอยู่ เธอค่อยๆ ลุกจากที่นอนไปหาเสื้อผ้าใส่ จากนั้นก็ค่อยๆ ย่องออกจากห้อง แล้วเดินตรงดิ่งไปที่ประตูด้านหน้าของบ้าน สมองคิดอยู่อย่างเดียวคือต้องไปจากที่นี่ให้ได้
เธอกดใส่รหัสที่อันนาบอกเมื่อวาน ทันทีที่ประตูเปิดออกก็รีบวิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิต แต่ทว่า...เธอออกวิ่งไปได้ไม่ถึงสิบก้าว ก็ถูกมือหนากระชากแขนให้หมุนกลับ
“จะไปไหน” คาเรนเทียที่ใส่กางเกงบ๊อกเซอร์วิ่งตามลงมาเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ปล่อยนะ! ปล่อย!” เมลิสสาสะบัดมือหนาออกอย่างบ้าคลั่ง
“ฉันถามว่าเธอจะไปไหน” คาเรนเทียตะคอกถามเสียงดัง เมื่อมองสำรวจชุดที่สาวเจ้าใส่ก็ทำให้โกรธขึ้นมาอีกเท่าตัว
“ฮือๆๆ ก็จะไปจากที่นี่ยังไงล่ะ ปล่อย!” เมลิสสาปล่อยโฮออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ
“เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” คาเรนเทียบอกด้วยสีหน้าบึ้งตึง ‘พระเจ้า! นี่เธอคิดจะหนีทั้งๆ ที่ใส่แค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวเนี่ยนะ’
“ได้สิ! เพราะคุณไม่ใช่เจ้าชีวิตของหนู” เมลิสสาตอกกลับอย่าง ไม่ยอม
“ใช่! ฉันไม่ใช่เจ้าชีวิตของเธอ แต่ฉันเป็นยิ่งกว่านั้น!” คาเรนเทียตอกย้ำสถานะก่อนจะลากร่างบางกลับเข้ามาในบ้าน
“ฮือๆๆๆ” เมลิสสาทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างคนที่สิ้นหวัง โอกาสจะหนีไปจากที่นี่เท่ากับศูนย์ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกดป้อนรหัสใหม่เข้าไปในแป้นพิมพ์
“ลุกขึ้น!” คาเรนเทียดึงแขนสาวเจ้าให้ลุกขึ้น
“ปล่อยหนูไปเถอะนะ! ได้โปรด...ฮือๆๆ” เมลิสสารีบยกมือขึ้น พนมไหว้เพื่อขอความเห็นใจ
“ไม่มีทาง! ต่อให้ต้องล่ามโซ่เธอเอาไว้ ฉันก็จะทำ” คาเรนเทียบอกด้วยน้ำเสียงเดือดดาลกับการกระทำของสาวตรงหน้า
“กรี๊ดดดด” เมลิสสากรีดร้องเมื่อจอมมารก้มลงช้อนอุ้มตัวเธอขึ้น แล้วเดินตรงไปยังบันได
“อยู่นิ่งๆ” คาเรนเทียบอกคนที่ทั้งทุบหน้าและหัวของตนไปมาจ้าละหวั่น
“กรี๊ดดด ปล่อยหนูสิไอ้คน...”
“โอ้พระเจ้า! มิรา มิรา” คาเรนเทียตกใจเมื่อเห็นสาวเจ้าวูบหมดสติไป จึงรีบพากลับไปนอนที่เตียงอย่างเป็นห่วง ขณะที่ภายในใจก็เอาแต่ขบคิดถึงปัญหาต่างๆ ที่ยุ่งเหยิงจนไม่รู้จะเริ่มแก้มันจากตรงไหนดี
เวลา 13:13 น. เมลิสสากระพริบตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสายก่อนจะตกใจเมื่อเห็นโซ่เส้นขนาดเท่ากับตะเกียบหนึ่งข้างคล้องอยู่ตรงข้อเท้า ซึ่งยาวพอให้เธอเดินไปห้องน้ำและทานอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะได้
“ไอ้คนบ้า! ฮือๆๆๆ” เธอปล่อยโฮออกมาอย่างรู้สึกเจ็บใจ ไม่คิดว่า คาเรนเทียจะทำอย่างที่พูดจริงๆ ตลอดเวลาเธอคิดเสมอว่าเขาเป็นคนจิตใจดี แต่สุดท้ายกลับทำราวกับว่าเธอเป็นสัตว์เลี้ยงที่ต้องล่ามโซ่เอาไว้
เมลิสสาฟุบหน้ากับหมอนแล้วร้องไห้จนตัวสั่น เธอเคยผ่านเรื่องแย่ๆ มามากมาย แต่ครั้งนี้ เธอไม่รู้จะผ่านมันได้ยังไง จะหนีก็หนีไม่ได้ หรือต่อให้หนีไปได้ ก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปที่ไหน เพราะป่าที่กว้างใหญ่แห่งนี้...เป็นของเขา
ด้านคริสเตียนโน่ที่ถูกอันนาโทร. ไปเตือน ทำให้อีกฝ่ายร้อนใจ อยู่เฉยไม่ได้ เพราะไม่อยากให้ญาติผู้พี่เข้าใจผิด จึงรีบขับรถตรงมาที่กระท่อมกลางป่าเพื่อจะขอเคลียร์เรื่องทั้งหมด
คาเรนเทียที่นั่งดื่มเหล้าไปจนเกือบจะหมดขวด พอได้เยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้ากระท่อม จึงหันไปมอง พอเห็นว่าใครมาก็รีบลุกเดินตรงไปเปิดประตูด้วยสีหน้าตึงๆ
“แกนัดกินมื้อเที่ยงกับเมียฉันเอาไว้เหรอคริส?” คนขี้หึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“พระเจ้า! นี่พี่โกรธที่ผมแวะมาหาลิซ่าใช่ไหม” คริสเตียนโน่ถามอย่างรู้สึกแย่ ที่พี่ชายสุดที่รักเข้าใจผิด
“ใช่!” คาเรนเทียตอบด้วยสีหน้าเฉยชา
“ให้ตายสิ! ไม่อยากจะเชื่อ ผมเป็นน้องพี่นะ” คริสเตียนโน่เจ็บจี๊ดไปถึงขั้วหัวใจทันทีที่ได้ยินคำตอบ
“ขอบคุณที่แกยังจำได้ว่าเป็นน้องของฉัน แต่ควรจำเพิ่มเอาไว้อีกอย่างนะว่ามิราไม่ใช่ผู้หญิงที่นายจะแอบมาหา ตอนที่ฉันไม่อยู่” คนที่กำลังโกรธเรื่องนั้นผสมเรื่องนี้ จับมายำรวมกันจนก่อให้เกิดเป็นความคิดฟุ้งซ่าน หวาดระแวง กลัวว่าจะมีใครมาแย่งหญิงสาวไปจากตน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์)