ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์) นิยาย บท 31

Cris_Barlentine : พี่ถูกตัดออกจากกองมรดก เลยหนีมาซบอกน้องเชอร์รีอยู่กลางป่า

Dante_Barlentine : พระเจ้า! กดเลื่อนหาเบอร์โทร. ของทนายจนมือไม้สั่นไปหมด #ว่าจะเปลี่ยนชื่อคนรับมรดกซะหน่อย

Cris_Barlentine : โธ่! ผมแค่โพสต์ขำๆ ครับพ่อ

Dante_Barlentine : ? เก็บ ???? มาฝากแม่เยอะๆ แล้วชื่อของลูกจะยังคงอยู่ในพินัยกรรมต่อไป

Cris_Barlentine : จัดให้ครับ เดี๋ยวแถมปลาแซลมอนให้อีกสองตัว

Dante_Barlentine : จะได้กินวันนี้ใช่ไหม?

Cris_Barlentine : แหม...ผมปลาตกได้สามตัวแล้วครับ ตอนนี้กำลังให้การ์ดช่วยกันเก็บเชอร์รีให้ อีก 40 นาทีแม่ได้กินแน่นอนครับ

Dante_Barlentine : โอเค! งั้นจับเวลาเลยนะ

พอคาเรนเทียได้เห็นรูปและคอมเมนต์ต่างๆ ก็ถึงกับกระจ่างในความแคลงใจว่าจริงๆ แล้ววันนั้นญาติผู้น้องคงจะไปเดินสำรวจป่าใกล้ๆ ลำธาร แล้วบังเอิญเห็นมิรากับอันนา ก็เลยตามมาทานมื้อค่ำที่กระท่อมกลางป่า หวังจะแกล้งหยอกเขา แต่มันกลับทำให้เขาโกรธคิดว่าอีกฝ่ายอยากจะตีท้ายครัว บวกกับที่นอยด์มิราเป็นทุนเดิม จึงพาลโกรธทุกคนอย่างไม่มีเหตุผล

PD Casino...13:47 น.

หลังทานอาหารเสร็จคาเรนเทียก็เอ่ยลามารดา แล้วรีบขับรถตรงไปกาสิโนพร้อมกับคริสเตียนโน่ที่อาสาจะเซ็นเป็นพยานให้

“สวัสดีครับคุณคาเรน คุณคริส ผมซิมสัน สวอน ทนายของคุณแพททริกสันครับ” ทนายวัย 53 ปี เอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“สวัสดีครับ รบกวนช่วยอ่านข้อตกลงคร่าวๆ ให้ฟังได้ไหมครับ”คาเรนเทียส่งมือไปจับ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวใหญ่พร้อมกับญาติผู้น้อง

“ได้ครับ” ซิมสันเริ่มอ่านรายละเอียดต่างๆ ให้สองหนุ่มคนดังฟัง ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคริสเตียนโน่ที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ กับข้อตกลงที่สุดแสนจะฮาของพี่ใหญ่แห่งโรคาซานเดอร์

คาเรนเทียทั้งกลอกตาและถอนหายใจอย่างเพลียๆ กับความคิดของแพททริกสันที่สั่งห้ามนู่นนั่นนี่มากมายจนน่าเวียนหัว

ยี่สิบนาทีต่อมา...หลังจากที่เซ็นสัญญาเสร็จ ทนายของแพททริกสันก็เอ่ยขอตัวกลับ ส่วนคริสเตียนโน่ที่ร่วมเซ็นเป็นพยานก็ขอตัวไปสำรวจกาสิโน เพื่อจะเสี่ยงโชคตามประสาคนชอบวัดดวง

คาเรนเทียจึงขอแยกตัว แล้วขับรถวนไปกลับจอดที่ด้านหลัง ตรงวิลล่าของตน จากนั้นก็โทร. ไปสอบถามเดเมียนเกี่ยวความเป็นไปของเมลิสสา ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบส่งรูปถ่ายของสาวเจ้าที่ทำงานไปยิ้มไปมาให้ดู แต่กระนั้นก็สังเกตเห็นสายตาของเชฟคนหนึ่ง ที่เหลือบมองแม่กระต่ายน้อยของตนด้วยสายตาที่หวานซึ้ง ในหลายๆ รูป มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

ห้องครัวใหญ่...14:01 น.

“ลิซ่า ไปพักเบรกได้ นี่มื้อกลางวันของคุณ” เชฟใหญ่เดินมาบอกพร้อมกับยื่นกล่องอาหารของพนักงานให้

“ขอบคุณค่ะเชฟ” เมลิสสาถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วหันมารับกล่องข้าวด้วยสีหน้ายิ้มๆ

“นายก็ไปพักได้แล้วทีที” เชฟใหญ่ส่งกล่องอาหารให้กับผู้ช่วยเชฟคนใหม่

“ขอบคุณครับเชฟ” แทนไทหนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษวัย 23 ปี ที่เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ขานรับก่อนจะหยิบกล่องข้าว แล้วเดินตามสาวลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ที่สวยจนทำให้ตนตกหลุมรักเข้าอย่างจัง “ลิซ่า! คุณจะไปทานที่ไหนเหรอครับ?”

“เอ่อ...ที่ม้าหินอ่อนตรงสวนด้านหลังค่ะ พนักงานชอบไปนั่งทานกันตรงนั้น” เมลิสสาหันไปตอบยิ้มๆ

“ผมไปทานด้วยได้ไหม?” แทนไทรีบบอก

“ดะ...ได้ค่ะ” คนที่ตั้งใจจะนั่งทานเงียบๆ จำต้องขานรับอย่างไม่รู้จะเลี่ยงยังไง

“ขอบคุณครับ คุณพูดไทยได้ไหมลิซ่า” แทนไทเอ่ยถามด้วยภาษาไทย

“ได้ค่ะ” เมลิสสาตอบกลับเป็นภาษาไทยเช่นกัน

“ว้าว! เยี่ยมเลย ผมได้ข่าวว่าคุณไปเที่ยวไทยมาอย่างงั้นเหรอ?” ไทแทนถามต่ออย่างสนใจ

“คะ...ค่ะ” เมลิสสาอึกอักขึ้นมาทันใด

“คุณไปที่ไหนมาบ้างครับ” แทนไทรีบเดินไปวางกล่องใส่อาหารกับน้ำดื่มลงบนยังโต๊ะที่ว่างอยู่

“มะ...ไม่ได้ไปไหนค่ะ แค่พักผ่อนที่บ้านญาติก็เท่านั้น” เมลิสสานั่งตาม ก่อนจะทำทีเป็นสนใจอาหารในกล่อง

“คุณชอบอาหารไทยหรือเปล่าครับ?”

“ชอบค่ะ”

“วันหลังไปกินข้าวที่บ้านของผมนะ คุณแม่ผมทำอาหารไทยบ่อยมาก บ่อยจนพ่อของผมแทบจะกลายเป็นคนไทยไปแล้ว”

“ได้ค่ะ” เมลิสสาหัวเราะเบาๆ กับคารมของหนุ่มตรงหน้า

“เยี่ยมไปเลย วันเสาร์หน้าเป็นไง” แทนไทรีบนัด

“อืม...ขอคิดดูก่อนนะคะ” เมลิสสาบอกยิ้มๆ

“ได้ครับ ยังไงก็ได้ ว่าแต่คุณอายุเท่าไหร่เหรอครับ?” คนที่เคยแต่ถูกสาวๆ ในมหาลัยตามจีบจนรู้สึกเบื่อ พอได้ลองเป็นคนจีบดูบ้าง กลับรู้สึก เก้อเขินอย่างบอกไม่ถูก

“เอ่อ...20 ปีกับอีกสามเดือนค่ะ” เมลิสสาบอกก่อนจะลงมือกินเบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่อย่างรู้สึกหิว

“ว้าว! ผมแก่กว่าคุณสามปี” แทนไทบอกอย่างรู้สึกอึ้งนิด เพราะคิดว่าสาวตรงหน้าอายุ 18-19

“อืม...งั้นก็ต้องเรียกว่าพี่...” เมลิสสาเอ่ยยังไม่ทันจบก็ถูกขัดขึ้นซะก่อน

“แทนครับ” หนุ่มฮอตประจำมหาลัยดังรีบบอก

“ค่ะพี่แทน เรียกหนูว่า เอ่อ...มิราก็ได้ค่ะ” เมลิสสาบอกอย่างรู้สึกอายนิดๆ ดูเหมือนเธอและเขาจะสนิทกันเร็วแบบมึนๆ อย่างไรไม่รู้

“มิรา?” แทนไทเอ่ยทวนอย่างสงสัย เพราะคิดว่าสาวเจ้าชื่อลิซ่า

“ใช่ค่ะ แต่ทุกคนที่นี่ชอบเรียกว่า ลิซ่า ซึ่งย่อมาจาก...เมลิซ่า ผิดเพี้ยนจากชื่อจริง...เมลิสสา” เธออธิบายถึงที่ไปที่มาให้อีกฝ่ายฟัง

“ว้าว! แต่พี่ได้ยินผู้จัดการเรียกมิราว่า...เมดูซ่า ชะ...ใช่ไหม?” ไทแทนถามอย่างไม่หายสงสัย

“ใช่ค่ะ! คุณเดเมียนแค่ล้อเล่นเท่านั้น”

“แหม....เข้าใจล้อนะครับ” ไทแทนกลอกตาอย่างเซ็งๆ เพราะเกือบจะเรียกสาวตรงหน้าว่าเมดูซ่าตามเดเมียนแล้ว

เมลิสสาหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของหนุ่มตรงหน้า

ทางออกด้านหลังของ PDC เวลา 20:03 น.

“พี่ไปส่งไหมมิรา” แทนไทเอ่ยถามหลังจากที่เห็นสาวเดินสะพายกระเป๋าเป้ออกมาจากห้องครัว

“เอ่อ...ไม่เป็นไรคะ” เมลิสสาสะดุ้งนิดๆ เมื่อเห็นหนุ่มมาดดีดักรออยู่ตรงทางออก

“เถอะน่า! ผู้หญิงเดินคนเดียวตอนกลางคืนมันอันตรายนะ” แทนไทตื๊อต่ออย่างมีความหวัง

“คือว่า...หนูกลับกับคุณแมร์รี่ค่ะ” เมลิสสารีบบอกเมื่อเห็นแมร์รี่ แม่บ้านวัย 54 ปีที่เดินกลับหอพักด้วยกันทุกวัน กำลังเดินตรงมาหาเธอด้วย สีหน้ายิ้มแย้ม

“ไม่ต้องห่วงจ้ะพ่อหนุ่ม ฉันมีที่ชอร์ตไฟฟ้า ส่วนลิซ่าก็มีสเปรย์พริกไทย” แมร์รี่มองหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่อย่างจับสังเกต

“คะ...ครับ งั้นพรุ่งนี้เจอกัน” แทนไทยิ้มก่อนจะเดินตรงไปยังบิกไบค์คันใหญ่ที่จอดอยู่ใกล้ๆ

“เดินทางปลอดภัยนะคะ” เมลิสสาโบกมือให้คนที่ขับรถออกไป จากนั้นก็หันมาส่งยิ้มหวานให้แม่บ้านวัย 54 ปี ที่รักและเคารพอย่างอายๆ

“แหม...ใครกันน่ะพ่อหนุ่มคนเมื่อกี้” แมร์รี่หรี่ตามองสาวน้อยตรงหน้าอย่างหยอกเย้า

“เป็นผู้ช่วยเชฟคนใหม่ค่ะ ลูกครึ่งไทย-อังกฤษเหมือนกับหนูก็เลยคุยกันถูกคอ” เมลิสสารีบบอก

“แค่นั้นเหรอลิซ่า?” แมร์รี่ถามอย่างไม่เชื่อ

“แค่นั้นจริงๆ ค่ะ” เมลิสสายืนยันเสียงหนักแน่น

“แล้วไปเที่ยวไทยมาเป็นไงบ้างจ้ะ”

“เอ่อ...มิราอยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปไหนค่ะ แค่อยู่กับญาติๆ ที่บ้านขอโทษเรื่องของฝากด้วยนะคะ พอดีต้องกลับกะทันหันก็เลยไม่ทันได้ซื้ออะไรมาฝากคุณแมร์รี่” เมลิสสารู้สึกผิดที่ต้องเอ่ยคำโกหกกับหญิงตรงหน้า แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าโชคดีที่ไม่มีใครรู้ว่าแม่ของเธอเป็นเด็กกำพร้า และเธอก็ไม่ได้มีญาติมิตรใดๆ หลงเหลืออยู่ที่ไทยเช่นเดียวกับที่อังกฤษ เพราะบิดาของเธอเองก็เป็นเด็กกำพร้าเช่นกัน

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แค่เธอกลับมาทำงานก็ดีแล้ว” แมร์รี่บอกอย่างเข้าใจ

“คุณแมร์รี่เคยไปเที่ยวไทยไหมคะ” คนที่เคยไปประเทศไทยมาเพียงไม่กี่ครั้งเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม เพราะเธอแทบจะจำอะไรเกี่ยวกับเมืองไทยไม่ได้เลย นอกจากวัฒนธรรม ประเพณี อาหารการกิน และภาษาซึ่งมารดาได้ใช้สื่อสารกับเธอมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้เธออ่านออกเขียนได้

“ไม่เคยจ้ะ! แต่เพื่อนสนิทของฉันอยู่ที่นั่น”

“ที่ไหนเหรอคะ”

“อืม...น่าจะที่แชงลายจ้ะ”

“เชียงรายใช่ไหมคะ?”

“ใช่จ้ะๆ เป็นครูสอนอยู่ที่บนภูเขาน่ะ วันหลังฉันจะเอารูปให้ดู” แมร์รี่อมยิ้ม เมื่อนึกไปถึงเพื่อนรักที่คบหากันมาตั้งแต่เด็ก

“ค่ะ” เมลิสสาขานรับ

“อ้อ! เห็นป้ายด้านหน้ากาสิโนหรือยัง?”

“เอ่อ...ยังค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์)