10 นาทีต่อมา...หลังจากที่แยกย้ายกับแมร์รี่ เมลิสสาก็รีบเดินตรงกลับห้องพัก เพราะแอบคิดไปว่าพ่อเทพบุตรสุดหล่ออาจจะโทร. มาซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ไม่มีผิด
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
สายวิดีโอคอลดังอยู่สาม-สี่ ครั้ง เมลิสสารีบกดรับ พร้อมกับเปิดกล้องแล้วโบกมือทักทายหนุ่มหล่อที่กำลังหรี่ตามองมาราวกับจะจับผิดอย่างรู้สึกขำๆ
[สวัสดีค่ะ]
[กลับถึงห้องแล้วสินะ] คาเรนเทียเอ่ยถามก่อนจะเข้าไปนั่งในรถสปอร์ตคู่ใจ แล้วกดเปิดสปีกเกอร์โฟน พร้อมกับวางมือถือลงตรงช่องเสียบใกล้ๆ กับพวงมาลัย เพื่อให้สาวเจ้าได้เห็นหน้าตนชัดๆ
[ค่ะ] เมลิสสาจ้องบรรยายากาศรอบๆ ก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะขับรถกลับคฤหาสน์
[เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับเลย เอาแต่คิดถึงเธอทั้งคืน] คนที่เก็บกดความรู้สึกมาทั้งวันบอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
[เหรอคะ แต่หนูนอนหลับสนิทเลยนะ] เมลิสสาบอกยิ้มๆ
[ไม่คิดถึงฉันบ้างเลยเหรอ?] คาเรนเทียถามก่อนจะกดสตาร์ทเครื่องยนต์
[คิดนิดหน่อยค่ะ] เมลิสสาแอบไขว้นิ้วเอาไว้ด้านหลัง จริงๆ เธอก็ แทบจะนอนไม่หลับเพราะเอาแต่คิดถึงอ้อมกอดและสัมผัสของเขาที่คลอเคลียแนบชิดกันไม่ห่างตลอด 7 วันที่ผ่านมา มันเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ดีมากๆ สำหรับเธอ
[ผู้หญิงอะไร ใจร้ายสุดๆ] คาเรนเทียต่อว่าก่อนจะค่อยๆ ขับรถออกไปตามทาง ท่ามกลางรถของบอดี้การ์ดที่ขับนำหน้า 1 คันตามหลังอีก 2 คัน
[เย็นนี้คุณจะทานอะไรเหรอคะ]
[อืม...ไม่รู้สิ เธอทานอะไรล่ะ]
[หนูทานแซนด์วิชไปชิ้นหนึ่งค่ะ] เมลิสสาอดขำไม่ได้เมื่อนึกไปถึงผู้ช่วยเชฟสาวใหญ่ วัย 45 ปี ที่บังคับให้กินแซนด์วิชที่อีกฝ่ายทำให้ก่อนกลับ 1 ชิ้นใหญ่ สาเหตุเพราะเห็นหุ่นไซซ์เอสของเธอแล้วรู้สึกขัดตาขัดใจ ทำเอาเชฟใหญ่และผู้ช่วยเชฟคนอื่นๆ ต่างพากันหัวเราะไม่หยุด
[งั้นฉันก็จะทานแซนด์วิชเหมือนเธอ] คาเรนเทียบอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
[ทำไมต้องทานเหมือนหนูด้วยล่ะคะ] เมลิสสาถามอย่างไม่เข้าใจ
[ไม่บอก! เอาเป็นว่าอีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะโทรไปใหม่แล้วกัน]
[ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ]
[ครับคุณมิรา อย่าเพิ่งหลับไปก่อนล่ะ] คาเรนเทียรีบดัก เพราะกลัวว่าสาวเจ้าจะงีบหลับไปซะก่อน
[จะพยายามค่ะ]
[ถ้าเธอนอนก่อนล่ะก็...ฉันจะนั่งเครื่องไปตีก้นงอนๆ ของเธอให้ช้ำเลยคอยดู] คาเรนเทียคาดโทษ
[หะ...โหดจัง] เมลิสสามองค้อนจอมบงการ ขณะที่ภายในใจก็อดหวั่นไหวกับคำขู่ไม่ได้
[หึๆ งั้นก็อย่าเพิ่งนอนสิโอเค้?] คาเรนเทียหัวเราะเบาๆ พร้อมกับ โบกมือให้
[โอเคค่ะ] เมลิสสาขานรับก่อนจะกดวางสายไปอย่างรู้สึกเขินอาย และสุขล้นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมลิสสาก็ขยับขึ้นไปนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง เปิดอ่านข่าวเจ้าพ่อคนดังของมอสโกกับสาวปริศนาก่อนจะสะดุ้งเบาๆ เมื่อมีสายวิดีโอคอลเรียกเข้าจากอีกฝ่าย จึงรีบกดรับ
[ถึงบ้านแล้วเหรอคะ] เมลิสสาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่นอนยิ้มร่าอยู่บนเตียงอย่างขำๆ
[ใช่! นึกว่าเธอจะไม่รับสายแล้วซะอีก] คนที่รีบขับรถกลับคฤหาสน์ แล้วตรงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะออกมาทานแซนด์วิชที่อันนาทำเอาไว้รอ จากนั้นก็รีบกดต่อสายหาแม่กระต่ายน้อย
[ก็อยากอยู่ค่ะ แต่กลัวก้นช้ำ] เมลิสสาบอกอย่างอายๆ
[ไม่ใช่เฉพาะก้นนะ อย่างอื่นก็อาจจะช้ำด้วย] คนหื่นบอกด้วยสายตาลุกวาว
[เอ่อ...คุณทานข้าวแล้วเหรอคะ] เมลิสสารีบเปลี่ยนเรื่องคุย
[อืม...ทานแซนด์วิชไปสองชิ้น]
[อร่อยไหมคะ] เมลิสสาหัวเราะเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายเบี่ยงกล้องไปให้ดูแซนด์วิชที่เหลืออยู่อีก 1 ชิ้นในจาน ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ
[เธอทำอร่อยกว่า] คาเรนเทียรีบอ้อน
[ฝันดีนะคะ] เมลิสสารู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้ากับสายตาที่กำลังจ้องมองมา
[บ้า! เพิ่งจะได้คุยกันเอง] คาเรนเทียบอกอย่างไม่ยอม
[วันนี้คุณทำอะไรบ้างคะ?] เมลิสสาเอ่ยถามเสียงอ่อน
[ก็ประชุมตั้งแต่เช้าจนเย็นเลย]
[งานเป็นไงบ้างคะ]
[ใช่ ฉันหมายถึง...]
[นอนหลับฝันดีนะคะ] เมลิสสารีบตัดบทแล้วกดวางสายอย่างใจคอ ไม่ดี
“ให้ตายสิ! ยัยเด็กบ้าเอ้ย!” คาเรนเทียสบถอย่างหัวเสีย เมื่อถูกสาวเจ้ากดวางสายหนีไปดื้อๆ ทั้งที่ตนอุตส่าห์รวบรวมความกล้าเพื่อจะพูดเรื่องสำคัญ
เมลิสสายกมือขึ้นลูบที่หน้าอกเบาๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยทำนองคล้ายๆ กับจะขอเธอแต่งงานผ่านทางวิดีโอคอล ซึ่งต่อให้มันจะไม่ใช่อย่างที่คิด แต่เธอก็ตื่นเต้นจนไม่อาจจะทนฟังจนจบได้ “คนบ้า! ”
หญิงสาวนอนกระสับกระส่ายไปมา ความคิดมากมายวิ่งผ่านเข้ามาในหัว ทั้งเรื่องแต่งงาน เรื่องการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน การรับมือกับความเอาแต่ใจของพ่อเทพบุตรสุดหื่นในเวอร์ชั่นต่างๆ ซึ่งเธอเริ่มจะคุ้นและคิดว่าตัวเองมีอำนาจพอที่จะยับยั้งอีกฝ่ายได้ แต่ทว่า...ความป่าเถื่อนที่พบเจอก่อนหน้า ก็เตือนสติให้ต้องใจเย็น แล้วรอดูท่าทีไปยาวๆ เพราะไม่อย่างงั้น วันหนึ่งเขาอาจจะลุกขึ้นมาทำแบบเดิมกับเธออีก
เช้าวันต่อมา...คาเรนเทียเดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานของบริษัท ฮอลลี ตามคำเชิญของเดซี และถือโอกาสไปตรวจเช็กสินค้าที่กำลังจะส่งไปยังบริษัทของตน
“สวัสดีค่ะคาเรน” หญิงสาวเอ่ยทักทายพร้อมกับส่งยิ้มหวานๆ ไปให้กับหนุ่มหล่อที่แอบหวังว่าวันหนึ่งเธอจะได้ครอบครอง
“สวัสดีครับเดซี รบกวนพาผมเดินชมการคัดวัตถุดิบหน่อยครับ” คาเรนเทียฝืนใจยิ้มทักทาย เพราะอยากให้งานทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
“ได้ค่ะ ว่าแต่คุณไปอังกฤษมาเหรอคะ” คนที่แอบให้คนตามสืบเรื่องราวของสาวปริศนา เอ่ยถามอย่างลืมตัว
“ใช่! มีอะไรงั้นเหรอ?” คาเรนเทียที่กำลังจะออกเดิน หันมาเอ่ยถาม
“เปล่าค่ะ แค่เห็นข่าวของคุณก็เลยอดสงสัยไม่ได้ว่าใช่เรื่องจริงหรือเปล่า?” เดซีรีบหยิบยกข่าวขึ้นมาอ้าง
“เรื่องจริงอะไรเหรอครับ” ด้านคนที่ไม่ทราบว่าตัวเองตกเป็นข่าวดังเมื่อช่วงหนึ่งอาทิตย์ก่อน ถามกลับอย่างมึนงง
“ก็เรื่องที่คุณไปเหมาห้องเสื้อเอาใจสาวยังไงคะ” เดซีฝืนยิ้มทั้งที่ในใจเจ็บจนแทบจะกระอักเลือดตาย
“อ๋อ! ใช่ครับ” คาเรนเทียพยักหน้ารับก่อนจะเดินดูงานต่อ
“ใครเหรอค่ะ ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น”
“ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผยตัวตนเธอในตอนนี้ครับ แต่กับคนในครอบครัว ผมพาไปทำความรู้จักมาแล้ว” คาเรนเทียเอ่ยตอบอย่างใจเย็น เพราะไม่ชอบให้ใครมาละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว
“ว้าว! ยะ...ยินด้วยนะคะ” เดซีถึงกับสะอึกจนไปต่อไม่ถูก
“ขอบคุณครับ” คาเรนเทียก้มหัวลงนิดๆ ก่อนจะเดินไปดูแผนกต่างๆ พร้อมกับเลขาและคนสนิทที่เดินตามหลังมาอย่างเงียบๆ
แอนดรูและไชน่ารีบพากันเบือนหน้าหนีไปคนละทิศละทางเพราะกลัวจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆ ของเดซี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์)