[เอ่อ...สรุปว่าตอนนี้สถานะเราคืออะไรคะ?] เมลิสสาเอ่ยถาม
[ก็...คนรักไง หรือเธอคิดว่าฉันไม่ได้เป็นคนรักของเธอ] คนที่มั่นใจว่ารักยิ่งกว่ารักถามกลับอย่างกวนๆ
[ไม่กล้าคิดค่ะ แบบว่า...] เมลิสสายิ้มอย่างอายๆ เพราะไม่คิดว่าคนที่หล่อร่ำรวยจนติดอันดับอย่างเขา จะมาจริงจังกับเธอถึงขั้นนี้
[ฉันน่ารังเกียจเหรอ?] คาเรนเทียถามอย่างรู้สึกนอยด์ๆ
[ไม่ค่ะ แค่ใจร้ายเป็นบางครั้ง]
[แล้วเธอโอเคไหม กับความสัมพันธ์ของเราที่ผ่านมา]
[โอเคค่ะ เฉพาะตอนที่คุณทำตัวน่ารัก] เมลิสสาเอ่ยย้ำ
[งั้นก็แต่งงานกันนะ ฉันจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น ฉันสัญญา]คาเรนเทียให้คำมั่น
[ขอเวลาอีกสักพักได้ไหมคะ] เมลิสสาต่อรอง
[เพื่ออะไร?] คาเรนเทียถามอย่างไม่เข้าใจ
[เพื่อที่คุณและหนูจะได้มั่นใจว่าเราใช่สำหรับกันแล้วจริงๆ] เมลิสสาให้เหตุผล
[เธอใช่สำหรับฉันนะมิรา] คาเรนเทียบอกอย่างมั่นใจ
[ขอบคุณค่ะ] เมลิสสาร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า
[ฉันไม่อยากได้คำขอบคุณ แต่อยากได้ยินเธอบอกว่าฉันคือคนที่ใช่สำหรับเธอเช่นกัน] คาเรนเทียวอนขอ
[ให้หนูเวลาคิดอีกนิดนะคะ] เมลิสสาเอ่ยเสียงอ่อน เพราะเธออยากให้ทุกอย่างมันชัดเจนและมั่นใจกว่านี้
[เฮ้อ...อย่าปล่อยให้ฉันรอคำตอบไปจนแก่แล้วกัน] คนที่หัวใจกำลังว้าวุ่นบอกด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
[ไม่นานหรอกค่ะ แค่ปีสองปีเอง] เมลิสสาเอ่ยหยอก
[บ้า! เดือนหนึ่งก็พอแล้ว] คาเรนเทียมองค้อนคนท่าเยอะ
[ไตรตั้นเป็นยังไงบ้างคะ] เธอรีบเปลี่ยนไปถามถึงจอมขี้อ้อนอย่างไว
[สบายดี พรุ่งนี้จะพามาเล่นด้วย]
[ค่ะ งั้นนอนหลับฝันดีนะคะ] เมลิสสาตัดบทอย่างอายๆ
[ฝันดีครับคุณนายบาร์เลนเซนต์] คาเรนเทียหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสาวเจ้าย่นจมูกใส่แล้วกดวางสายไป
เมลิสสานอนดีดดิ้นไปมาบนเตียงอย่างรู้สึกสุขล้นในหัวใจที่ได้รู้ว่า พ่อเทพบุตรสุดหล่อขอแต่งงาน แต่ขณะเดียวกันก็แอบหวั่นใจกับการใช้ชีวิตที่ผ่านมาของอีกฝ่าย กลัวว่าหากวันหนึ่งคาเรนเทียหมดรักในตัวเธอ แล้วมีสาวคนใหม่มาเติมเต็มหรือเคียงข้างกาย เธอจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร
จากรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าเมื่อสองนาทีก่อนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความครุ่นคิด เมื่อความรักดันเดินเข้ามาทักทายพร้อมกับความกลัว
เช้าวันต่อมา...เวลา 08:12 น. Barlensent Villa
คาเรนเทียเดินลงไปที่ห้องอาหาร เห็นบิดานั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่ จึงเข้าไปกอดพร้อมกับเอ่ยทักทาย
“แหม...มาเมื่อไหร่ครับพ่อ”
“มาเมื่อห้านาทีก่อน ว่าแต่...ลูกสะใภ้ของพ่ออยู่ไหน?” วินเซ่นเอ่ยถามพร้อมกับหันมองไปรอบๆ
“เอ่อ...เธออยู่ที่อังกฤษครับ” คาเรนเทียบอกยิ้มๆ ก่อนจะเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะกับบิดา
“เกิดอะไรขึ้น” วินเซ่นวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วรอฟังคำตอบของบุตรชายอย่างตั้งใจ
“คือเธอต้องการเวลาน่ะครับ”
“แล้วลูกล่ะ?”
“ผมต้องการเธอ แต่ก็ไม่อยากจะทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังโดนบีบให้ต้องเลือกผม” คาเรนเทียบอกพลางยกกาแฟร้อนที่อันนาเอามาเสิร์ฟ ขึ้นเป่าและจิบเบาๆ
“นี่เป็นแหวนที่พ่อใช้ขอแม่แต่งงาน ตอนแรกตั้งใจจะให้ลูกเอาไปขอ มิรา แต่คิดไปคิดมา เอาวงนี้ไปดีกว่า” วินเซ่นเปิดกล่องที่ใส่แหวนเพชรเม็ดใหญ่ที่เคยใช้ขออดีตภรรยาแต่งงาน และแหวนวงใหม่ให้บุตรชายดู
“ทะ...ทำไมเหรอครับ?” คาเรนเทียถามอย่างไม่เข้าใจ เมื่อเห็นบิดาส่งกล่องใส่แหวนเพชรวงใหม่มาให้ ‘พระเจ้า! อย่าบอกนะว่าพ่อจะเอาแหวนวงที่แม่เคยสวมไปขอผู้หญิงคนอื่นแต่งงาน?’
“พ่ออยากให้ลูกมีความรักที่ดีและสมบูรณ์แบบ” วินเซ่นบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“มันไม่เกี่ยวกันหรอกครับพ่อ” คาเรนเทียบอกก่อนจะหยิบแหวนที่เคยเป็นของมารดาขึ้นมาดู
“ไม่รู้สิ! แต่ปูกับย่าก็แยกทางกันนะ” วินเซ่นให้เหตุผล
“โอเค! งั้นผมเอาวงใหม่ก็ได้ครับ” คาเรนเทียรีบวางแหวนเก่าแก่ลงในกล่องเช่นเดิม แล้วหยิบแหวนวงใหม่ที่เม็ดใหญ่และน้ำงามไม่แพ้กันมาสำรวจ
“ฮ่าๆๆ” วินเซ่นหัวเราะอย่างขบขันกับท่าทีของบุตรชาย
“ผมคุยกับแม่แล้วครับเรื่องของมิรา” คนที่โลกทั้งใบกลับมาเป็น สีชมพูอีกครั้งบอกยิ้มๆ
“เอลลีว่าไงบ้าง?” วินเซ่นถามอย่างสนใจ
“ได้ข่าวว่าคุณคาเรนกำลังจะมีข่าวดีใช่ไหมครับ” ทอมสันเอ่ยถามเรื่องที่ทำให้บุตรสาวกินไม่ได้นอนไม่หลับมาทั้งคืน
“ใช่ครับ! ลูกชายผมกำลังจะขอสาวแต่งงาน” วินเซ่นตอบ
“ว้าว! ผมดีใจด้วยนะครับ” ทอมสันบอกยิ้มๆ
“ขอบคุณครับ” คาเรนเทียหันมาตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้อีกฝ่าย
“อิจฉาสาวคนนั้นจังเลยนะคะ” เดซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงตึงๆ ราวกับคนละคนกับเมื่อครู่ ทำเอาทุกคนในโต๊ะต่างพากันหันมามองเป็นสายตาเดียว
“อืม...อย่าอิจฉาเลยหนู เราทุกคนมีดีอยู่ในตัว แค่ต้องหาใครสักคนมาเติมเต็มชีวิตของตัวเองให้สมบูรณ์แบบก็เท่านั้น คาเรนเองก็เจอะเจอผู้หญิงมาเยอะแยะ เขาดีรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เขาต้องการ” วินเซ่นเอ่ยเหน็บหญิงสาวที่หลุดเผยตัวตนออกมาอย่างรู้สึกขำๆ
“จะ...จริงครับ” ทอมสันถลึงตาใส่บุตรสาวก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้กับทุกคน
“เหมือนที่ท่านเจอกับคุณเอลลีใช่ไหมคะ” เดซีถามกลับด้วยน้ำเสียงกวนๆ หลังถูกแดกดันด้วยสำนวนผู้ดี
“ใช่! แม้ว่าฉันจะเลิกกับเอลลีไปนานแล้ว แต่เธอก็คือผู้หญิงคนเดียวที่ฉันอยากจะแต่งงานด้วย” วินเซ่นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม รู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้ากำลังจะสื่อถึงการหย่าร้างของตนกับอดีตภรรยา
แปะๆ แปะๆ เดซีปรบมือพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยสีหน้าขบขัน “ว้าว! ช่างน่าประทับใจจังเลยนะคะ”
ทอมสันถึงกับช็อกจนพูดอะไรไม่ออก ที่อยู่ๆ บุตรสาวก็ลุกขึ้นมาแสดงนิสัยแย่ๆ เพียงเพราะถูกวินเซ่นพูดจี้โดนใจดำเข้า ‘อีลูกโง่! ตอนเกิดมาลืมสมองไว้ในช่องคลอดแม่หรือเปล่าวะ?’
“ฟังนะเดซี! มีหลายบริษัทที่หยิบยื่นข้อเสนอที่ทางคุณไม่มีทางจะให้ผมได้ แต่ผมยังเห็นแก่มิตรภาพเก่าๆ ฉะนั้น...อย่าลำเส้นในเรื่องส่วนตัวให้มากนัก เพราะมันจะทำให้ความอดทนของผมหมดลง และนั่นแปลว่าสัญญาทั้งหมดระหว่างเราจะยุติทันที” คาเรนเทียลุกขึ้นยืนพร้อมกับจ้องมองหน้าของหญิงสาวอย่างไม่พอใจ
“พระเจ้า! ผมขอโทษแทนลูกสาวด้วยครับ” ทอมสันรีบลุกขึ้นยืนแล้วก้มโค้งให้ทั้งกับสองทันทีทันใด
“เราทำการค้ากันมานาน และผมไว้ใจในมาตรฐานของฮอลลี กรุ๊ป ฉะนั้นขออย่าให้มีเรื่องใดมาทำให้เราต้องผิดใจกันเลยครับ” คาเรนเทียพยายามข่มอารมณ์ให้เย็น หากเดซีไม่ใช่ผู้หญิง ป่านนี้ตนคงลุกไปต่อยอีกฝ่ายให้เลือดกบปากไปแล้ว
“ครับ ผมจะรักษาความไว้วางใจนี้ให้คงอยู่ตลอดไป ถ้าทางคุณคาเรนไม่โอเคกับเดซี ผมจะเปลี่ยนคนดีลงานคนใหม่ให้ครับ” ทอมสันรีบเสนอ
“ขอบคุณครับ เป็นคนเก่าจะเยี่ยมมาก” คาเรนเทียบอกก่อนจะนั่งลงเช่นเดิม
“ได้ตามนั้นครับ” ทอมสันส่งยิ้มเจื่อนๆ อย่างรู้สึกใจคอไม่ดี
“พ่อ!” เดซีสะบัดหน้าแล้วลุกเดินออกไปอย่างโมโห
“ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ ผม...” ทอมสันเอ่ยอีกครั้ง
“เรื่องเล็กน้อยครับ” วินเซ่นบอกด้วยอย่างเข้าใจ ก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อให้สถานการณ์ที่ตึงเครียด ให้ผ่อนคลาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์)