“ทำสตูว์เนื้อสิ เดี๋ยวผมจะพาการ์ดไปจับปลาที่ลำธารมาให้ทำเมนูอื่นเพิ่ม” วินเซ่นบอกก่อนจะหันไปพยักหน้าให้การ์ดสองสามคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เตรียมตัวออกเดินทาง
“คุณจะเอาปลามาทำอะไร?” เอลลีถามอย่างสงสัย
“แหม! ก็คนตั้ง 50 คน คุณคิดว่าอาหารที่อยู่ในตู้ของเราจะพอเลี้ยงหรือเปล่าล่ะเอลลี” วินเซ่นถามอดีตภรรยากลับอย่างกวนๆ
“...” เอลลีกัดฟันข่มใจให้เย็น เพราะไม่อยากจะทะเลาะกับอีกฝ่ายให้อับอายคนอื่นๆ ไปมากกว่านี้
“มีเครื่องปรุงแบบไทยหรือเปล่าอันนา” วินเซ่นหันไปเอ่ยถามแม่บ้าน เพราะเพิ่งจะทราบข่าวว่าแม่ครัวคนสนิทของแจสมินเดินทางมามอสโกพร้อมกับเครื่องปรุงต่างๆ ของไทย เพื่อทำอาหารเอาใจหญิงสาวที่ชื่อเมลิสสา ตามคำขอร้องของบุตรชาย
“มะ...มีค่ะท่าน” อันนารีบพยักหน้ารับ ไม่ใช่แค่มี แต่เธอยังนำไปปลูกในบริเวณใกล้ๆ กับกระท่อมกลางป่าด้วย
“เยี่ยมเลย!” วินเซ่นยิ้ม พลางนึกไปถึงเมนูต้มยำที่เลโอนาดท์เคยทำทานให้เมื่อหลายปีก่อน และตนก็จดจำสูตรได้ทุกขั้นตอน
“คุณจะเอาปลาแซลมอนมาทำอะไร” เอลลีถามอีกครั้งอย่างไม่หายสงสัย เพราะเมนูเดียวที่สามีทำเป็นคือปลาเผา
“ผมทำได้หลายเมนูน่าไม่ต้องห่วง” วินเซ่นมองค้อนอดีตภรรยาอย่างรู้ทันว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
“คุณทำเป็นจริงๆ เหรอ?” เอลลีถามย้ำอย่างไม่เชื่อ ‘อ๊ะ! หรือว่า อีตาบ้านี่จะเผาปลาเลี้ยงบอดี้การ์ด?’
“เป็นสิ! ผมทำอาหารกินเองมาตลอดตั้งแต่ตอนที่ถูกคุณทิ้ง” คนที่หนีไปใช้ชีวิตคนเดียวอยู่ที่เกาะพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“พระเจ้า! รีบๆ ไสหัวไปหาปลาของคุณซะวินเซ่น” เอลลีตอกกลับก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีเข้าไปด้านในกระท่อม อย่างเต็มไปด้วยความโกรธ ‘หึ! ก็ใครจะไปทนอยู่กับผู้ชายปากเสีย จอมบงการได้กัน’
“ได้ตามที่สั่งครับคุณนายบาร์เลนเซนต์” วินเซ่นตระโกนตามหลังอดีตภรรยาอย่างรู้สึกขำๆ ถ้าหากตอนนี้ไม่มีการ์ดคนอื่นๆ ยืนอยู่ด้วย เชื่อว่าอีกฝ่ายคงจะกระโจนเข้ามาข่วนใบหน้าของตนไปแล้ว
“ไอ้คนบ้า” เอลลีหันมาตระโกนตอบ พร้อมกับชูมินิดอร์ ? ให้กับ อดีตสามีอย่างลืมตัว
“ฮ่าๆๆๆ” วินเซ่นหัวเราะจนท้องแข็งกับปฏิกิริยาโต้ตอบของ อดีตภรรยา ที่ไม่ว่าเธอจะด่าทอ หรือระบายอารมณ์โกรธกับร่างกายของตนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ยังคงรักอยู่ไม่คลาย
ชั่วโมงต่อมา...คาเรนเทียขับรถตามลูกชายสุดรักไปจนกระทั่งถึงถนนใหญ่ ไตรตั้นเห่าและกระโดดย่ำอยู่กับที่คล้ายกับจะบอกว่า...เมลิสสาเคยอยู่ตรงจุดนี้ เขามองตามทางที่ทอดยาวสุดไปจนสุดลูกหูลูกตาอย่างครุ่นคิด เพราะทางสายนี้อยู่ในพื้นที่ส่วนบุคล เชื่อมระหว่างตระกูลบาร์เลนเซนต์และตระกูลบาร์เลนไทน์ หากจะมีรถที่วิ่งผ่านเข้า-ออกก็คงจะมีเพียง...
ปรื้นนนนน
คริสเตียนโน่ที่ขับรถผ่านมาเห็นญาติผู้พี่ยืนอยู่ที่ข้างทางกับบอดี้การ์ดและสุนัขคู่ใจ จึงจอดรถแล้วเลื่อนกระจกลงถาม “พี่คาเรนมาทำอะไรที่นี่ครับ”
“มาตามหามิรา เธอแอบหนีออกมาโดยไม่บอกใคร” คาเรนเทียบอกก่อนจะกวักมือเรียกให้การ์ดพาไตรตั้นไปขึ้นรถ
“พระเจ้า! เมลิซ่าไปไหนครับ” คริสเตียนโน่ถามอย่างใจคอไม่ดี
“ไม่รู้สิ พี่กำลังคิดว่าถนนสายนี้มีเพียงเราสองตระกูลที่ใช้ และไตรตั้นก็บอกพี่ว่ามีคนรับมิราขึ้นรถไป” คาเรนเทียจ้องมองญาติผู้น้องอย่างจับสังเกต
“คนที่บ้านผมส่วนใหญ่จะใช้อีกเส้นทางหนึ่ง จะมีก็แต่ผมที่ชอบขับรถผ่านทางนี้ และผมสาบานได้ว่าผมไม่ได้รับมิราขึ้นรถครับ” คริสเตียนโน่เอ่ยยืนยันเสียงหนักแน่น
“โอเค! ว่าแต่นายไปไหนมา” คาเรนเทียพยักหน้ารับเบาๆ คิดว่าญาติผู้น้องคงไม่กล้าโกหกตน
“ผมไปหาเพื่อนมาครับ กำลังจะกลับเข้าบ้าน เดี๋ยวยังไงผมจะให้ไบรตั้นเรียกการ์ดมาช่วยตามหาเมลิซ่าอีกแรง” คริสเตียนโน่กลัวว่าสาวเจ้าจะหลงอยู่ในป่า
“ขอบใจมาก!”
“เล็กน้อยครับ ว่าแต่เรื่องของทอมสันกับเดซีมันยังไงกันแน่ ผมได้ยินเพื่อนๆ พูดกันหนาหูเลย” คริสเตียนโน่เอ่ยถามอย่างข้องใจ เพราะมีแต่คนบอกว่าญาติผู้พี่ของตนกำลังจะเกี่ยวดองกับเดซี
“จะไปฟังด้วยกันไหมล่ะ อีกเดี๋ยวตำรวจก็น่าจะมาถึง”
“ได้ครับ” คริสเตียนโน่ขานรับทันทีทันใด
“งั้นก็ขับรถตามไปที่กระท่อมแล้วกัน” คาเรนเทียบอกก่อนจะเดินกลับไปที่รถของตน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์)