ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์) นิยาย บท 48

ชั่วโมงต่อมา...Grace Villa

คาเรนเทียพาคริสเตียนโน่มารอฟังข่าวจากทุกคนที่คฤหาสน์ของมารดาด้วยสีหน้าตึงเครียด เพราะหัวใจเอาแต่คิดย้อนกลับไปถึงครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่กับเมลิสสา หากเขาใจเย็นแล้วอธิบายทุก ๆ อย่างให้เธอฟัง และไม่ทำตัว งี่เง่า ใช้อารมณ์จนเกินไป ทุก ๆ อย่างก็คงจะไม่เป็นแบบนี้

“คาเรน!” เชคาริกที่เพิ่งมาถึงเอ่ยเรียกคนที่กำลังนั่งทำหน้าเศร้าอยู่ข้างๆ กับคริสเตียนโน่

“พี่เชค!” คาเรนเทียหันไปมอง ก่อนจะฝืนส่งยิ้มให้อีกฝ่าย

“ตอนนี้พี่ให้คารอสกับอลันเช็กรายชื่อผู้โดยที่ขึ้นเรือทุกลำที่จอดเทียบท่าให้แล้วนะ” เชคาริกนั่งลงแล้วรายงานเรื่องที่เพิ่งจะไปจัดการมาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนให้ฟัง

“ขอบคุณมากๆ ครับพี่เชค” คาเรนเทียบอกอย่างซาบซึ้งใจที่ทุกคนต่างให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี

“ผมว่าพี่คาเรนควรกินอะไรสักหน่อย แล้วนอนพักก่อนดีกว่าครับ” คริสเตียนโน่บอกอย่างเป็นห่วง ตั้งแต่นั่งเครื่องมาที่อังกฤษ ตนยังไม่เห็น ญาติผู้พี่ทานอะไรลงท้องเลย

“พี่ยังไม่หิว” คาเรนเทียตอบเสียงเบา จากตอนแรกที่กลัวว่าแม่กระต่ายน้อยจะหลงป่า แต่พอรู้ว่าสาวเจ้าเดินทางมาอังกฤษกับมารดาของญาติผู้น้องก็แอบโล่งใจ คิดว่ายังไงก็ต้องตามตัวจนเจอ แต่จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็ยังคงเงียบ

“ไม่หิวก็ต้องกิน! คริสไปสั่งแม่บ้านยกอาหารมาเสิร์ฟ” อเลกซานโดรที่เพิ่งจะตามมาสมบทบอกเสียงเข้ม

“พี่ซานโดร” คาเรนเทียมองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เพราะคิดว่าอีกฝ่ายยังอยู่ที่ประเทศไทย

“ได้ส่องกระจกดูตัวเองบ้างหรือเปล่าฮะ! สภาพนายตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากศพเดินได้เลยนะคาเรน” คนที่อยู่ๆ ก็เห็นภาพในนิมิตเกี่ยวกับหนึ่งสมาชิกของฟีนิกซ์ไม่ค่อยดี จึงรีบนั่งเครื่องบินจากประเทศไทยตรงมาอังกฤษ

“ผม...” คาเรนเทียหน้าสลดไปทันใดกับคำเปรียบเปรย

“กินข้าวแล้วไปนอนพัก ที่เหลือพี่กับคนอื่นจะจัดการต่อให้เอง”อเลกซานโดรบอกก่อนจะนั่งลงข้างๆ เพื่อนรัก

“ใช่! ถ้าเจอตัวเมื่อไหร่พี่จะให้คนรีบไปปลุก” เชคาริกรีบเสริม เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดมากจนวูบหมดสติไปซะก่อน

“ครับ” คาเรนเทียจำใจขานรับพี่ใหญ่ทั้งสอง ก่อนจะตกใจเมื่อได้ยินเสียงกึกก้องดังขึ้นที่บริเวณด้านหน้าคฤหาสน์

เอี๊ยดดดดด โครม!!!

“พระเจ้า! คะ...คุณไรอันต์” บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านหน้ารีบตรงเข้าไปหาทันทีทันใด

“ฉะ...ฉันโอเค! พี่คาเรนเป็นยังไงบ้างครับ” คนที่เปิดประตูออกจากรถสปอร์ตสุดหรู มาด้วยท่าเดินเซๆ สะบัดหัวสองสามครั้ง

“คะคุณคาเรนอยู่ด้านในครับ” บอดี้การ์ดบอกเสียงสั่น หลังจากที่เหลือบไปเห็นกระถางดอกไม้พันธุ์หายากและราคาแพงหูดับ ที่มาดามเอลลีหวงนักหวงหนาแตกละเอียดไปต่อหน้าต่อตา ‘ซวยแล้วสิ! จะโทร. ไปบอกคุณเอลลีว่ายังไงดีวะ’

“ขอบใจ! ฝากดูรถที” ไรอันต์บอกก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปด้านในคฤหาสน์ด้วยสีหน้าตื่นๆ

“ครับ” บอดี้การ์ดเอ่ยรับอย่างมึนๆ ‘จะให้ดูรถทำไมวะ ยังไงประกันก็ต้องจ่ายค่าซ่อมให้อยู่แล้ว แต่ดอกไม้พันธุ์หายากนี่สิ จะไปหาที่ไหนมาชดใช้ให้คุณเอลลีกัน’

“พี่คาเรน! พี่อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ” ไรอันต์กระโกนบอกเสียงดังลั่น กลัวว่าจะมาไม่ทันดูใจของคนที่รักดุจพี่ชายแท้ๆ

“อะไรวะไรอันต์ แหกปากซะดังลั่นเลย” เชคาริกมองน้องชายที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามาอย่างตำหนิ

“อะ...อ้าว! พี่คาเรนไม่ได้ เอ่อ...ไม่ได้...” ไรอันต์จ้องมองคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กับพี่ชายอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ‘ก็ไหนไอ้เจคบอกว่าอาการโคม่า 50/50 ไงวะ’

“ไม่ได้อะไร” เชคาริกถามกลับอย่างพยายามข่มอารมณ์ให้เย็น

“คือไอ้เจคมันโทร. ไปบอกผมว่า...ช่างเถอะครับพี่คาเรนไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ไรอันต์นั่งลงอย่างรู้สึกโกรธตัวป่วน ที่โทร. มาตอนที่ตนกำลังจะกินข้าว แล้วบอกว่าคาเรนเทียกินยาฆ่าตัวตาย เพราะผิดหวังที่ถูกสาวทิ้ง ให้ตนรีบไปดูใจด่วนก่อนที่ทุกอย่างจะสาย พอบอกเสร็จมันก็กดวางสาย

ขณะที่ตนยังนั่งมึนงง เตรียมจะต่อสายไปสอบถามพี่ชายก็มีสายเรียกเข้าจากอเลกซานโดร ซึ่งโทร. มาบอกให้ไปเจอกันที่คฤหาสน์ เกรซให้เร็วที่สุด จากนั้นก็กดวางสายไปดื้อๆ ทำให้ตนรู้สึกใจคอไม่ดี คิดว่าสิ่งที่เจคอปบอกนั้นเป็นเรื่องจริง จึงรีบวิ่งออกจากโรงแรมมาโดยที่ยังไม่ได้จ่ายเงินค่าอาหาร แถมยังขับรถฝ่าไฟแดงถึงสามแยกด้วยกัน

“อาหารมาแล้วค่ะ” แม่บ้านที่ยกถาดอาหารมาเสิร์ฟ เอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส เพราะนานแล้วที่ไม่ได้เห็นห้าหนุ่มอยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้

“ขอบคุณครับ” ไรอันต์ยิ้มก่อนจะขยับออกให้แม่บ้านวางอาหารให้กับตน

[สรุปมีใครให้เบาะแสของมิราหรือยัง?]

[เอ่อ...ยังไม่มีครับ]

[งั้นเพิ่มเงินรางวัลให้เป็นสองหมื่นปอนด์] คาเรนเทียบอกจบก็กดวางสายไปด้วยสีหน้าตึงๆ ‘พระเจ้า! สาบานว่าหากเจอตัวเมื่อไหร่ เขาจะล่ามโซ่เธอติดเอาไว้กับตัวตลอด 24 ชั่วโมงเลย’

“เอ่อ...พี่คาเรนจะไปไหนครับ” คริสเตียนโน่รีบถามเมื่อเห็นญาติผู้พี่ขยับตัวลุกขึ้นยืน

“พี่จะขึ้นไปอาบน้ำ แล้วจะออกไปตามหามิรา” คาเรนเทียบอกก่อนจะเดินตรงขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง พร้อมกับพยายามนึกว่าสถานที่แห่งไหนที่เมลิสสาจะไป

คริสเตียนโน่มองตามอย่างรู้สึกเป็นห่วง ก่อนจะรีบเดินไปปลุกคนอื่นๆ ที่เพิ่งจะนอนไปได้ไม่ถึง 4 ชั่วโมง ให้ตื่นขึ้นมาช่วยกันคิดว่าจะทำยังไงต่อไป

ครึ่งชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จคาเรนเทียก็โทร. ไปสอบถามสถานการณ์ที่มอสโกเกี่ยวกับเรื่องของทอมสันและเดซี ก่อนจะเลยไปถึงเรื่องการหาวัตถุดิบที่ได้คุณภาพ เพื่อจะผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ครั้งใหม่ ส่งกลับไปให้ยังบริษัทที่รถยนต์ที่เป็นคู่ค้า ซึ่งโชคดีที่อีกฝ่ายยอมยืดเวลาออกไปให้อีกหนึ่งเดือน เพราะเข้าใจปัญหาภายในที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้

คาเรนเทียวางสายจากบิดาเสร็จก็ตรงไปหยิบขวดบรั่นดีมาเปิด แล้วรินใส่แก้วร็อค จากนั้นก็ยกขึ้นกระดกจนหมดในครั้งเดียว เพื่อดับความหงุดหงิดในหัวใจ ที่ป่านนี้ยังคงไร้วี่แววของเมลิสสา แถมงานก็ยังต้องฝากให้บิดาช่วยดูแลแทน

ห้านาทีต่อมา...ทันทีที่เดินลงมาถึงชั้นล่าง คาเรนเทียก็เห็นทุกคนในกลุ่ม มายืนรอตนกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

“เอ่อ...มะ...มีอะไรหรือเปล่าครับ” คาเรนเทียเอ่ยถามหลังจากที่เห็นพี่ใหญ่อย่างอเลกซานโดรยืนหลับตานิ่ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองหน้าตน ‘พระเจ้า! อย่าบอกนะว่าพี่ซานโดรแอบเพ่งจิตไปดูเรื่องราวของเรากับมิรามา’

“นายจะไปไหน?” อเลกซานโดรถามก่อนจะเซถอยหลังไปสองก้าว

“ไหวหรือเปล่า?” เชคาริกรีบเข้าพยุงเพื่อนรัก

“ผมจะไปตามหามิราครับ” คาเรนเทียบอกอย่างรู้สึกใจคอไม่ดี เพราะทุกครั้งที่อเลกซานโดรเพ่งจิตไปดูอนาคตหรืออดีต อีกฝ่ายจะต้องสูญเสียของรักของหวงเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่แอบไปก้าวล้ำช่วงเวลา นั่นจึงไม่มีใครในกลุ่มเคยขอร้องให้อีกฝ่ายฝ่าฝืนกฎต้องห้ามนี้ เพื่อจะดูอนาคตตัวเองเลย สักครั้ง

“ไม่ต้องไป รอฟังข่าวอยู่ที่นี่แหละ” อเลกซานโดรบอกด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เพราะภาพเหตุการณ์สดๆ ร้อนๆ อีกครึ่งชั่วโมงต่อจากนี้ น่ากลัวซะจนทำให้เขาแทบไม่มีแรงจะยืน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์)