ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์) นิยาย บท 49

“ผมทำไม่ได้ครับ ผม...” คาเรนบอกพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ หัวใจมันร้อนรุ่มเกินกว่าจะทนนั่งรออยู่กับที่ได้

“ถ้านายขับรถออกจากบ้านไปวันนี้ นายจะจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ” อเลกซานโดรบอกด้วยสีหน้าตึงเครียดนิดๆ เพราะภพชาติก่อนของ คาเรนเทียกับหญิงสาว มีเหตุการณ์หนึ่งที่คล้ายคลึงกับปัจจุบัน ถ้าหาก คาเรนเทียทนและก้าวผ่านทุกอย่างไปได้ ก็ถือว่าได้ชดใช้กรรมเก่า แต่หากไม่ยอมทำตามคำบอกของตน ก็จะกลับไปเวียนว่ายตายเกิดอีกหลายครั้งหลายครา จนกว่าจะได้พบกับหญิงสาวอีกครั้ง แล้วทุกอย่างก็จะวนกลับมาซ้ำรอยเดิมในสถานการณ์ที่คล้ายกันนี้

“หมายความว่า...” คาเรนเทียจ้องมองพี่ใหญ่ของฟีนิกซ์อย่างรู้สึกช็อกกับคำตอบ

“พี่บอกความลับของสวรรค์ไม่ได้นายก็รู้ แต่เชื่อเถอะว่า...ความสุขที่แท้จริงจะรอนายอยู่” อเลกซานโดรบอกก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดหยดเลือดอุ่นๆ ที่ไหลออกมาจากจมูก ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ตนแอบก้าวล้ำช่วงเวลา

“เมื่อไหร่ครับ” คาเรนเทียถามขณะที่น้ำตาเอ่อล้นออกมาอย่างไม่รู้สึกตัว

“เมื่อทุกอย่างถึงเวลาของมัน และนับจากนี้ไปจนกว่าจะครบหนึ่งเดือน! ห้ามนายขับรถไปไหนมาไหนเอง” อเลกซานโดรบอกก่อนจะหันไปรับกระดาษทิชชูจากเพื่อนรักมาซับเลือด พร้อมกับรีบเงยหน้าขึ้น รู้สึกเหมือนทุก ๆ อย่างที่อยู่รอบตัวกำลังหมุนและบิดเบี้ยว

“พระเจ้า! ซานโดร” เชคาริกรีบเข้าไปประคองอีกครั้งเมื่อเห็นเพื่อนกำลังจะล้มลงบนพื้น

“ไม่เป็นไร ฉันแค่ไปมาไกลกว่าทุก ๆ ครั้งน่ะ”

คำตอบของอเลกซานโดรทำเอาคาเรนเทียถึงกับแข้งขาอ่อนขึ้นมาทันใด เพราะคำว่าไปมาไกลกว่าทุก ๆ ครั้ง มันแปลว่าเขาอาจจะต้องรอเป็นปีหรือไม่ก็อาจจะมากกว่านั้น

“พี่คาเรน!” คริสเตียนโน่กับไรอันต์รีบเข้าไปประคองญาติผู้พี่ที่เกิดอาการวูบหมดสติ ไปยังห้องนั่งเล่น

ขณะเดียวกันเชคาริกก็พยุงเพื่อนรักที่จะมีอาการอิดโรยทุกครั้งหลังจากที่เพ่งจิต เดินตามหลังคนอื่นๆ ไป

วันต่อมา...พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในอังกฤษและรัสเซียต่างลงข่าวการบุกรวบจับกุมสองพ่อลูกตระกูลฮอลลี ที่สนามบินขณะที่กำลังจะขึ้นเครื่องหนีไปกบดานที่เยอรมัน หลังจากที่เอลลีและวินเซ่นจัดแถลงข่าวได้ไม่กี่ชั่วโมง ทำเอาร้อนระอุไปทั่วทั้งวงการธุรกิจและแวดวงชั้นสูง รวมไปถึงสาวๆ ที่เป็นแฟนคลับของคาเรนเทีย ซึ่งก่อนหน้าก็ได้มีการถกเถียงกันไปมาว่าระหว่าง เดซี กับเอมเบอร์ ว่าใครจะได้กุมหัวใจของเจ้าพ่อคนดังแห่งมอสโก

กระทั่งมาดามเอลลีจัดแถลงข่าวฟ้องร้องเดซีและทอมสันไปเมื่อวาน ก็ทำให้ทุก ๆ คนต่างพากันลงความเห็นว่า ตำแหน่งสะใภ้ของบาร์เลนเซนต์คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเอมเบอร์

Grace Vill...(ประเทศอังกฤษ)

คาเรนเทียได้ฟังรายงานจากทุกคน ซึ่งล้วนแต่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ายังไม่เจอเมลิสสา ทำให้รู้สึกเครียดจนเอ่ยชวนเชคาริกและไรอันต์ดื่มบรั่นดีดับความร้อนรุ่มในใจ ที่ไม่สามารถจะก้าวออกจากคฤหาสน์ไปไหนได้ เพราะมีบอดี้การ์ดนับสิบของเชคาริกเฝ้าจับตาดูอยู่

ขณะเดียวกันอเลกซานโดรก็เดินทางไปมอสโกกับคริสเตียนโน่ เพื่อจะช่วยวินเซ่นกับเอลลีจัดการเรื่องงาน และเตรียมการรับมือกับคาเรนเทีย ที่กำลังจะมีอาการดิ่งสุดๆ ในไม่ช้า

สามวันต่อมา...

แพททริกสันรีบเดินทางกลับจากประเทศไทย เพราะได้ทราบข่าวจากน้องชายว่า...คาเรนเทียขอร้องให้ค้นหารายชื่อของหญิงสาวคนหนึ่งทุกเที่ยวบิน ที่บินออกจากอังกฤษเมื่อหลายวันก่อน และจนถึงตอนนี้ก็ยังสั่งให้ค้นหาต่อไป ซึ่งก็ตรงกับที่มือขวาของตนรายงานว่าออร์แลนโด้เองก็สั่งตรวจสอบรายชื่อของพนักงาน รวมไปถึงลูกค้าที่พักอยู่ในคอนโด-โรงแรมทุกสาขาที่อังกฤษ แถมคารอสก็สั่งตรวจรายชื่อของลูกค้าที่โดยสารเรือเช่นกัน ตนจึงสั่งให้มือขวาคนสนิทแอบตรวจสอบที่ไปที่มาของหญิงสาวที่ชื่อ เมลิสสา แอนดิสัน ก่อนจะรู้ในวันต่อมาว่า...เป็นผู้ช่วยเชฟในกาสิโนของตน ก็ทำให้โกรธจนเลือดขึ้นหน้ารีบต่อสายไปสอบถามเพื่อนรักที่เป็นหุ้นส่วนกาสิโนอีกคน

ตู๊ด...ตู๊ด...

[ว่าไงแพท?] แดเนียลที่กำลังจะทานข้าวกับครอบครัว กดรับสาย แล้วเอ่ยทักทายเพื่อนรักอย่างอารมณ์ดี

[แกรู้ไหมว่าไอ้คาเรนมันแอบฟันพนักงานของเรา] แพททริกสันถามอย่างรู้สึกแค้นใจ

[เอ่อ...จะ...ใจเย็นๆ ก่อนเพื่อน] แดเนียลบอกพร้อมกับลุกเดินออกจากโต๊ะทานข้าวแล้วตรงเข้าไปคุยต่อที่ห้องทำงาน ท่ามกลางสีหน้ามึนงงของคนในครอบครัว

[เย็นยังไงวะ! กูอุตส่าห์ให้ร่วมหุ้นกาสิโนด้วย เพราะอยากจะกระชับสัมพันธ์กับพวกฟีนิกซ์ แต่มึงดูความระยำของมันสิ เด็กคนนั้นอายุเพิ่งจะ 20 เองนะโว้ย] แพททริกสันโกรธจนสั่น ไม่รู้ว่าคาเรนเทียทำอะไรเอาไว้ เด็กสาวที่ชื่อเมลิสสาถึงได้หนีไป