“เดี๋ยว! รอก่อนเมดูซ่า! บ้าจริง!” เดเมียนตะโกนตามรถที่แล่นออกไปจนสุดเสียง ทำให้ใครหลายๆ คนหันมามอง แต่เขาก็ไม่สนใจรีบล้วงมือถือมากดต่อสายหาคาเรนเทียมือไม้สั่น
ตู๊ด...ตู๊ด...
ปลายสายที่กำลังนั่งจ้องรูปในมือถือ ตกใจนิดๆ ก่อนจะรีบกดรับสายของคนที่เข้า [มีอะไรเหรอเดเมียน]
[มะ...เมดูซ่า ผมเจอเมดูซ่าครับท่าน]
[นายเจอเธอที่ไหน] คาเรนเทียถามเสียงสั่น ขณะที่หยดน้ำอุ่นๆ ไหลอาบแก้มอย่างไม่รู้สึกตัว
[งานฝังศพของแมร์รี่ครับ]
[พระเจ้า! ตอนนี้มิราอยู่ไหน]
[เธอขึ้นรถหนีไปแล้วครับ ผมวิ่งตามไม่ทัน]
[จำป้ายทะเบียนรถได้ไหม]
[จำไม่ได้ครับ แต่ผมรู้ว่าเธอไปกับใคร]
[ใคร?]
[ทนายที่ชื่อเจสัน สวอน ครับ]
[โอเค! ขอบใจมาก เดี๋ยวฉันเช็กต่อเอง] คาเรนเทียกดวางสายแล้วซบหน้าลงกับฝ่ามือ ปล่อยโฮออกมาอย่างเก็บไม่อยู่ สี่ปีที่เฝ้าตามหา สี่ปีที่ จมอยู่กับความเจ็บปวด สี่ปีที่เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น วันนี้! เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เธอหลุดมือไปอีกเด็ดขาด
หลังจากที่ร้องไห้ไปได้ครู่หนึ่ง คาเรนเทียก็พยายามตั้งสติเช็ดน้ำตา แล้วกดต่อสายหาแพททริกสัน เพราะจำได้ว่าทนายประจำตระกูลของอีกฝ่ายนามสกุล...สวอน เสียงสัญญาณรอสายดังอยู่สามครั้ง ปลายสายก็กดรับ
[ว่าไงคาเรน]
[แพททริกฉันมีเรื่องให้นายช่วย]
[เรื่องอะไรงั้นเหรอ?]
[ลูกชายของซิมสัน สวอนชื่ออะไร?]
[ทนายประจำตระกูลของฉันน่ะเหรอ?]
[ใช่!]
[ชื่อเจสัน แกจะทำพินัยกรรมเหรอคาเรน?]
[ขอล่ะแพททริก ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะคุยเล่น ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้เจสันอยู่ที่ไหน]
[โอเคๆ รอแป๊บนะ] แพททริกสันตอบก่อนจะหันไปบอกให้คนสนิทที่นั่งอยู่ใกล้ๆ “เจเจต่อสายหาเจสันแล้วถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“ได้ครับ” จิมมี่เจมส์รีบหยิบมือถือกดต่อสาย พอทราบว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนก็รีบหันกลับไปรายงาน “อยู่ที่ห้องอาหารของโรงแรมร็อฟเวลล์ครับ”
“โอเค! บอกเจสันว่าสั่งทานได้เต็มที่ ฉันจะจ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่มให้” แพททริกสันบอก
“ครับบอส” จิมมี่เจมส์ขานรับก่อนจะลุกเดินออกไปคุยสายต่อที่ด้านนอก
แพททริกสันมองตามคนสนิท ก่อนจะหันกลับมาคุยสายต่อ [คาเรน! ตอนนี้เจสันอยู่ที่ห้องอาหารของโรงแรมร็อฟเวลล์]
[ขอบใจมากเพื่อน] คาเรนเทียกดวางสายแล้วรีบขับรถออกไปด้วยหัวใจสั่นๆ ทั้งตื่นเต้น ดีใจ และโกรธที่สาวเจ้าใจร้ายกับตนอย่างเลือดเย็น
30 นาทีต่อมา...The Rofwell Grand Hotel
“เอ่อ...เราจะทานอาหารกันที่นี่จริงๆ เหรอคะ?” เมลิสสาจับมือ ลูกชายตัวน้อยแล้วมองป้ายชื่อของโรงแรมอย่างรู้สึกหวั่นๆ เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องหรูและแพงหูดับ จนคนธรรมดาอย่างเธอไม่เคยคิดที่จะย่างกรายเข้ามาใช้บริการเลยสักครั้ง
“ครับ พอดีเจ้านายของผมเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงแรมนี้” เจสันบอกยิ้มๆ หลังจากรับสายของจิมมี่เจมส์เมื่อห้านาทีก่อน ซึ่งโทร. มาถามว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน พอบอกว่ากำลังจะไปทานมือเที่ยงที่โรงแรมร็อฟเวลล์ อีกฝ่ายก็บอกว่าสั่งทานได้เต็มที่ คุณแพททริกสันเทคแคร์ทั้งเครื่องดื่มและอาหาร พระเจ้า! บุญหล่นทับจริงๆ
“ว้าว! จะ...ใจดีจังเลยนะคะ” เมลิสสาเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ ภาพของใครบางคนผุดเข้ามาในหัวรัวๆ อย่างต่อเนื่อง จนเธอเริ่มกลัวขึ้นมาอย่างบอก ไม่ถูก ‘เอาน่ามิรา! รีบๆ ทานแล้วก็ขอตัวกลับเลย’
“ครับ” เจสันผายมือเชิญให้หญิงสาวเดินเข้าไปด้านในล็อบบีก่อน
“คุณเจสันครับวันนี้เราปิดห้องอาหารที่ด้านล่างเพื่อจัดงานเลี้ยง ยังไงขอเชิญที่ห้องอาหารชั้นบนครับ” ผู้จัดการของโรงแรมรีบเดินมาบอกลูกค้าวีไอพีที่คนสนิทของแพททริกสัน โรคาซานเดอร์ โทร. มากำชับให้ดูแลอย่างดี เมื่อสามนาทีก่อน
“ได้ครับ ว่าแต่...วิวสวยใช่ไหมครับ” เจสันถามอย่างรู้สึกตื่นเต้น เพราะทราบมาว่าวิวของห้องอาหารชั้นบนสวยติดอันดับ 1 ใน 5ของลอนดอน
“คุณแมร์รี่ยกทรัพย์สมบัติที่มีทั้งหมด อันประกอบด้วยบ้านพักที่นอกเมืองหนึ่งหลัง มูลค่าสองแสนปอนด์ กับเงินในบัญชีอีกสองแสนสี่พันปอนด์ ให้กับคุณครับ” เจสันส่งเอกสารและรายละเอียดต่างๆให้
“พระเจ้า!” เมลิสสารับเอกสารมาพร้อมกับอุทานเบาๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อว่าแมร์รี่จะยกทุกอย่างให้กับเธอ
“เอ่อ...แล้วก็มีจดหมายอีกหนึ่งฉบับครับ” เจสันส่งมอบของสำคัญให้อีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะ” เมลิสสาน้ำตาคลอขึ้นมานิดๆ ความรู้สึกต่างๆ ตีตื้นขึ้นมาจุกที่ต้นคอจนแทบจะหายใจไม่ออก
“ผมขอตัวออกไปรับสายที่ข้างนอกสักครู่นะครับ” เจสันที่กำลังจะเอ่ยปลอบ แต่ดันมีสายเรียกเข้าจากจิมมี่เจมส์ซะก่อน
“ค่ะ” เมลิสสาขานรับเบาๆ
“ผมจะรีบกลับมาครับ” เจสันตัดใจลุกเดินจากไป เพราะกลัวว่าจะมีเรื่องสำคัญจากแพททริกสันหรือดอนเลโอนาทด์
เมลิสสามองตามร่างสูงที่เดินลับประตูไป ก่อนจะเปิดซองจดหมายของแมร์รี่ออกอ่าน
ถึง...เมลิซ่าที่รัก
ช่วงชีวิตของคนเรามันช่างแสนสั้น ฉันอยากจะอยู่ถึงวันที่ฮานเป็นหนุ่มเต็มตัว แต่คงไม่มีวาสนาพอจะอยู่ถึงวันนั้น
เมื่อสองปีก่อน ฉันตั้งใจจะขายทุกอย่างที่อังกฤษแล้วย้ายไปอยู่ที่ประเทศไทยกับเจสสิก้า, ซอนบี, ฮานแล้วก็เธอ แต่โชคร้ายที่เพื่อนรักของฉันดันด่วนจากไปเสียก่อน ฉันจึงคิดว่าจะเก็บบ้านหลังที่อยู่นอกเมืองเอาไว้ให้เธอกับฮาน เผื่อว่าวันไหนอยากจะย้ายกลับมาอยู่ที่อังกฤษ
แต่หากเธออยากจะใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทย ก็ให้เจสันเป็นคนดำเนินการขายบ้านที่นอกเมืองให้ ส่วนเงินเก็บของฉัน ฉันขอยกให้เป็นทุนการศึกษาของฮาน (หนุ่มน้อยสุดที่รักของฉัน)
ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา...ตั้งแต่ที่เธอตั้งท้อง ฉันรู้ว่าฮานคือลูกชายของเธอกับคาเรนเทีย บาร์เลนเซนต์ แม้เธอจะเก็บความลับนี้เอาไว้โดยไม่บอกใครแต่ฉันรู้! เพราะฉันเห็นเขาอุ้มเธอออกจากวิลล่าหลังใหม่ที่ด้านหลังกาสิโน พอวันต่อมาเดเมียนก็บอกกับทุกคนว่าเธอลากลับประเทศไทยกะทันหัน ฉันไม่รู้ว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าเขาดีกับเธอหรือเปล่า ไม่รู้ว่าเขาฝากแผลใจอะไรเอาไว้ ถึงทำให้เธอต้องปิดกั้นและขังตัวเองเอาไว้ที่หุบเขาแห่งนั้น
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกให้เธอรู้ ผู้ชายคนนั้นเขาก็เจ็บปวดสาหัสไม่แพ้เธอ เขาป่วยเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ต้องรักษาตัวอยู่นานเกือบสองปี เขาตัดขาดจากโลกภายนอกและขังตัวเองอยู่ที่คฤหาสน์ของเขา ฉันรู้เพราะแอบได้ยินคุณแพททริกสันกับคุณแดเนียลคุยกันในห้องทำงานของกาสิโน
ที่รัก...หากเขาเลวร้าย จนเธอคิดว่าชีวิตนี้ไม่สามารถให้อภัยเขาได้อีก ก็กลับไปใช้ชีวิตที่ไทยตามเดิม แต่หากลึกๆ แล้วมันยังหลงเหลือสิ่งดีๆ อยู่ในใจ ฉันก็อยากให้เธอลองให้โอกาสฮานได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบดูสักครั้ง
ด้วยรักและรักตลอดไป...แมร์รี่
เมลิสสาล้วงผ้าเช็ดหน้า เช็ดหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ไม่คิดว่าแมร์รี่จะทราบเรื่องของเธอกับคาเรนเทีย หลายปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องพ่อของฮาน และไม่เคยติดตามข่าวสารใดๆ ของเขา นอกจากการพยายามจะลบความทรงจำที่แสนเจ็บปวดออกจากชีวิต เธอต้องทำตัวให้เข้มแข็ง เพื่อดูแลบุตรชายตัวน้อย ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอยังหายใจและมีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์)