ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์) นิยาย บท 52

“เดี๋ยว! รอก่อนเมดูซ่า! บ้าจริง!” เดเมียนตะโกนตามรถที่แล่นออกไปจนสุดเสียง ทำให้ใครหลายๆ คนหันมามอง แต่เขาก็ไม่สนใจรีบล้วงมือถือมากดต่อสายหาคาเรนเทียมือไม้สั่น

ตู๊ด...ตู๊ด...

ปลายสายที่กำลังนั่งจ้องรูปในมือถือ ตกใจนิดๆ ก่อนจะรีบกดรับสายของคนที่เข้า [มีอะไรเหรอเดเมียน]

[มะ...เมดูซ่า ผมเจอเมดูซ่าครับท่าน]

[นายเจอเธอที่ไหน] คาเรนเทียถามเสียงสั่น ขณะที่หยดน้ำอุ่นๆ ไหลอาบแก้มอย่างไม่รู้สึกตัว

[งานฝังศพของแมร์รี่ครับ]

[พระเจ้า! ตอนนี้มิราอยู่ไหน]

[เธอขึ้นรถหนีไปแล้วครับ ผมวิ่งตามไม่ทัน]

[จำป้ายทะเบียนรถได้ไหม]

[จำไม่ได้ครับ แต่ผมรู้ว่าเธอไปกับใคร]

[ใคร?]

[ทนายที่ชื่อเจสัน สวอน ครับ]

[โอเค! ขอบใจมาก เดี๋ยวฉันเช็กต่อเอง] คาเรนเทียกดวางสายแล้วซบหน้าลงกับฝ่ามือ ปล่อยโฮออกมาอย่างเก็บไม่อยู่ สี่ปีที่เฝ้าตามหา สี่ปีที่ จมอยู่กับความเจ็บปวด สี่ปีที่เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น วันนี้! เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เธอหลุดมือไปอีกเด็ดขาด

หลังจากที่ร้องไห้ไปได้ครู่หนึ่ง คาเรนเทียก็พยายามตั้งสติเช็ดน้ำตา แล้วกดต่อสายหาแพททริกสัน เพราะจำได้ว่าทนายประจำตระกูลของอีกฝ่ายนามสกุล...สวอน เสียงสัญญาณรอสายดังอยู่สามครั้ง ปลายสายก็กดรับ

[ว่าไงคาเรน]

[แพททริกฉันมีเรื่องให้นายช่วย]

[เรื่องอะไรงั้นเหรอ?]

[ลูกชายของซิมสัน สวอนชื่ออะไร?]

[ทนายประจำตระกูลของฉันน่ะเหรอ?]

[ใช่!]

[ชื่อเจสัน แกจะทำพินัยกรรมเหรอคาเรน?]

[ขอล่ะแพททริก ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะคุยเล่น ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้เจสันอยู่ที่ไหน]

[โอเคๆ รอแป๊บนะ] แพททริกสันตอบก่อนจะหันไปบอกให้คนสนิทที่นั่งอยู่ใกล้ๆ “เจเจต่อสายหาเจสันแล้วถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”

“ได้ครับ” จิมมี่เจมส์รีบหยิบมือถือกดต่อสาย พอทราบว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนก็รีบหันกลับไปรายงาน “อยู่ที่ห้องอาหารของโรงแรมร็อฟเวลล์ครับ”

“โอเค! บอกเจสันว่าสั่งทานได้เต็มที่ ฉันจะจ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่มให้” แพททริกสันบอก

“ครับบอส” จิมมี่เจมส์ขานรับก่อนจะลุกเดินออกไปคุยสายต่อที่ด้านนอก

แพททริกสันมองตามคนสนิท ก่อนจะหันกลับมาคุยสายต่อ [คาเรน! ตอนนี้เจสันอยู่ที่ห้องอาหารของโรงแรมร็อฟเวลล์]

[ขอบใจมากเพื่อน] คาเรนเทียกดวางสายแล้วรีบขับรถออกไปด้วยหัวใจสั่นๆ ทั้งตื่นเต้น ดีใจ และโกรธที่สาวเจ้าใจร้ายกับตนอย่างเลือดเย็น

30 นาทีต่อมา...The Rofwell Grand Hotel

“เอ่อ...เราจะทานอาหารกันที่นี่จริงๆ เหรอคะ?” เมลิสสาจับมือ ลูกชายตัวน้อยแล้วมองป้ายชื่อของโรงแรมอย่างรู้สึกหวั่นๆ เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องหรูและแพงหูดับ จนคนธรรมดาอย่างเธอไม่เคยคิดที่จะย่างกรายเข้ามาใช้บริการเลยสักครั้ง

“ครับ พอดีเจ้านายของผมเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงแรมนี้” เจสันบอกยิ้มๆ หลังจากรับสายของจิมมี่เจมส์เมื่อห้านาทีก่อน ซึ่งโทร. มาถามว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน พอบอกว่ากำลังจะไปทานมือเที่ยงที่โรงแรมร็อฟเวลล์ อีกฝ่ายก็บอกว่าสั่งทานได้เต็มที่ คุณแพททริกสันเทคแคร์ทั้งเครื่องดื่มและอาหาร พระเจ้า! บุญหล่นทับจริงๆ

“ว้าว! จะ...ใจดีจังเลยนะคะ” เมลิสสาเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ ภาพของใครบางคนผุดเข้ามาในหัวรัวๆ อย่างต่อเนื่อง จนเธอเริ่มกลัวขึ้นมาอย่างบอก ไม่ถูก ‘เอาน่ามิรา! รีบๆ ทานแล้วก็ขอตัวกลับเลย’

“ครับ” เจสันผายมือเชิญให้หญิงสาวเดินเข้าไปด้านในล็อบบีก่อน

“คุณเจสันครับวันนี้เราปิดห้องอาหารที่ด้านล่างเพื่อจัดงานเลี้ยง ยังไงขอเชิญที่ห้องอาหารชั้นบนครับ” ผู้จัดการของโรงแรมรีบเดินมาบอกลูกค้าวีไอพีที่คนสนิทของแพททริกสัน โรคาซานเดอร์ โทร. มากำชับให้ดูแลอย่างดี เมื่อสามนาทีก่อน

“ได้ครับ ว่าแต่...วิวสวยใช่ไหมครับ” เจสันถามอย่างรู้สึกตื่นเต้น เพราะทราบมาว่าวิวของห้องอาหารชั้นบนสวยติดอันดับ 1 ใน 5ของลอนดอน

“คุณแมร์รี่ยกทรัพย์สมบัติที่มีทั้งหมด อันประกอบด้วยบ้านพักที่นอกเมืองหนึ่งหลัง มูลค่าสองแสนปอนด์ กับเงินในบัญชีอีกสองแสนสี่พันปอนด์ ให้กับคุณครับ” เจสันส่งเอกสารและรายละเอียดต่างๆให้

“พระเจ้า!” เมลิสสารับเอกสารมาพร้อมกับอุทานเบาๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อว่าแมร์รี่จะยกทุกอย่างให้กับเธอ

“เอ่อ...แล้วก็มีจดหมายอีกหนึ่งฉบับครับ” เจสันส่งมอบของสำคัญให้อีกครั้ง

“ขอบคุณค่ะ” เมลิสสาน้ำตาคลอขึ้นมานิดๆ ความรู้สึกต่างๆ ตีตื้นขึ้นมาจุกที่ต้นคอจนแทบจะหายใจไม่ออก

“ผมขอตัวออกไปรับสายที่ข้างนอกสักครู่นะครับ” เจสันที่กำลังจะเอ่ยปลอบ แต่ดันมีสายเรียกเข้าจากจิมมี่เจมส์ซะก่อน

“ค่ะ” เมลิสสาขานรับเบาๆ

“ผมจะรีบกลับมาครับ” เจสันตัดใจลุกเดินจากไป เพราะกลัวว่าจะมีเรื่องสำคัญจากแพททริกสันหรือดอนเลโอนาทด์

เมลิสสามองตามร่างสูงที่เดินลับประตูไป ก่อนจะเปิดซองจดหมายของแมร์รี่ออกอ่าน

ถึง...เมลิซ่าที่รัก

ช่วงชีวิตของคนเรามันช่างแสนสั้น ฉันอยากจะอยู่ถึงวันที่ฮานเป็นหนุ่มเต็มตัว แต่คงไม่มีวาสนาพอจะอยู่ถึงวันนั้น

เมื่อสองปีก่อน ฉันตั้งใจจะขายทุกอย่างที่อังกฤษแล้วย้ายไปอยู่ที่ประเทศไทยกับเจสสิก้า, ซอนบี, ฮานแล้วก็เธอ แต่โชคร้ายที่เพื่อนรักของฉันดันด่วนจากไปเสียก่อน ฉันจึงคิดว่าจะเก็บบ้านหลังที่อยู่นอกเมืองเอาไว้ให้เธอกับฮาน เผื่อว่าวันไหนอยากจะย้ายกลับมาอยู่ที่อังกฤษ

แต่หากเธออยากจะใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทย ก็ให้เจสันเป็นคนดำเนินการขายบ้านที่นอกเมืองให้ ส่วนเงินเก็บของฉัน ฉันขอยกให้เป็นทุนการศึกษาของฮาน (หนุ่มน้อยสุดที่รักของฉัน)

ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา...ตั้งแต่ที่เธอตั้งท้อง ฉันรู้ว่าฮานคือลูกชายของเธอกับคาเรนเทีย บาร์เลนเซนต์ แม้เธอจะเก็บความลับนี้เอาไว้โดยไม่บอกใครแต่ฉันรู้! เพราะฉันเห็นเขาอุ้มเธอออกจากวิลล่าหลังใหม่ที่ด้านหลังกาสิโน พอวันต่อมาเดเมียนก็บอกกับทุกคนว่าเธอลากลับประเทศไทยกะทันหัน ฉันไม่รู้ว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าเขาดีกับเธอหรือเปล่า ไม่รู้ว่าเขาฝากแผลใจอะไรเอาไว้ ถึงทำให้เธอต้องปิดกั้นและขังตัวเองเอาไว้ที่หุบเขาแห่งนั้น

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกให้เธอรู้ ผู้ชายคนนั้นเขาก็เจ็บปวดสาหัสไม่แพ้เธอ เขาป่วยเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ต้องรักษาตัวอยู่นานเกือบสองปี เขาตัดขาดจากโลกภายนอกและขังตัวเองอยู่ที่คฤหาสน์ของเขา ฉันรู้เพราะแอบได้ยินคุณแพททริกสันกับคุณแดเนียลคุยกันในห้องทำงานของกาสิโน

ที่รัก...หากเขาเลวร้าย จนเธอคิดว่าชีวิตนี้ไม่สามารถให้อภัยเขาได้อีก ก็กลับไปใช้ชีวิตที่ไทยตามเดิม แต่หากลึกๆ แล้วมันยังหลงเหลือสิ่งดีๆ อยู่ในใจ ฉันก็อยากให้เธอลองให้โอกาสฮานได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบดูสักครั้ง

ด้วยรักและรักตลอดไป...แมร์รี่

เมลิสสาล้วงผ้าเช็ดหน้า เช็ดหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ไม่คิดว่าแมร์รี่จะทราบเรื่องของเธอกับคาเรนเทีย หลายปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องพ่อของฮาน และไม่เคยติดตามข่าวสารใดๆ ของเขา นอกจากการพยายามจะลบความทรงจำที่แสนเจ็บปวดออกจากชีวิต เธอต้องทำตัวให้เข้มแข็ง เพื่อดูแลบุตรชายตัวน้อย ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอยังหายใจและมีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์ 5 (ซีรีส์ 5หนุ่มแห่งฟีนิกซ์)