ตอนที่ 1035 วัยเยาว์ของเรา (2)
………………..
ที่เก้าอี้โค้ชของแต่ละทวีป
เหล่าพ่อเพลงต่างก็หันมามองหน้ากัน
เพลงนี้เปิดตัวมาแบบไม่เป็นไปตามสูตรใด ไม่มีลูกเล่นอะไรทั้งนั้น มีเพียงคอร์ดสามชุดที่เล่นซ้ำไปซ้ำมา แต่กลับสร้างเป็นท่วงทำนองที่ติดหูได้อย่างเหลือเชื่อ
ไม่นาน
เครื่องดนตรีชิ้นอื่นๆ ก็ทยอยเข้ามา
อินโทรค่อยๆ ดำเนินต่อจนถึงวินาทีที่สี่สิบ
ถ้าเป็นเพลงอื่นๆ บางทีตอนนี้อาจถึงท่อนคอรัสไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่ในเพลงวันฟ้าใสนี้เพิ่งจะเริ่มร้อง
ซุนเย่าหั่วที่หลับตาอยู่ตลอด ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเป็นครั้งแรก และพาผู้ชมก้าวออกจากท่อนอินโทรอันเรียบง่ายทว่าแสนไพเราะที่บรรเลงซ้ำไปซ้ำมา
“ดอกไม้สีเหลืองในเรื่องราว ปลิวล้อลมตั้งแต่ปีที่ฉันลืมตาดูโลก ชิงช้าในวัยเด็ก ไกวไปตามความทรงจำเรื่อยมา….”
เพลงของเยี่ยหลาน ตั้งแต่ทำนองไปจนถึงเนื้อร้อง ล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของบทกวี
ทว่าเพลงของซุนเย่าหั่วกลับเลือกเดินคนละทาง ทั้งเนื้อเพลงและถ้อยคำที่ใช้ ล้วนเรียบง่ายถึงขั้นตรงไปตรงมา
“เนื้อเพลงแบบนี้เรียบง่ายไปไหม?”
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาในห้วงสำนึกของใครบางคน ท่อนเนื้อเพลงที่เกินกว่าคาดเดาก็โผล่มาทันที
“เร ซอล ซอล ที โด ที ลา ซอล ลา ที ที ที ที ลา ที ลา ซอล
…”
ตามหลักแล้ว
พ่อเพลงทั้งหลายที่คร่ำหวอดในวงการดนตรีมาหลายปี ผ่านประสบการณ์มานับไม่ถ้วน ดนตรีแบบไหนก็เคยทำ เวทีแบบไหนก็เคยเห็น!?
แต่เวทีในวันนี้…
พวกเขายอมรับเลยว่าไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน!
เจ้าเซี่ยนอวี๋คนนี้ กล้าเล่นใหญ่ถึงขนาดที่แม้แต่บนเวทีบลูสตาร์ที่คนทั้งโลกรอชม ก็ยังไม่ยอมเขียนเนื้อร้องง่ายๆ ขึ้นมา! ซ้ำร้ายกลับยัดโน้ตเพลงล้วนๆ มาใส่ในท่อนร้องแทน!
เกินไปแล้ว!
เพราะเนื้อเพลงไม่คู่ควรกับทำนองของคุณหรือไง!?
คุณเล่นอะไรบ้าแบบนี้บนเวทีเนี่ยนะ!?
แบบนี้มันจะต่างอะไรกับวาดการ์ตูนแล้วใช้วาดคนก้างปลาแทนตัวละคร!?
แล้วท่อนนั้นร้องว่าอะไร
จะให้คนฟังจินตนาการกันเอาเองงั้นเหรอ!?
แต่แน่นอน เพลงยังมีเนื้อร้อง แค่ในช่วงสำคัญ มีเพียงสองประโยคที่เท่านั้น แต่เสียงร้องไม่เคยขาดหาย ท่วงทำนองก็เรียบเรียงได้กระชับลงตัว
จากนั้นเนื้อเพลงก็กลับเข้าสู่ท่อนหลักอย่างแนบเนียน
“ฟังอินโทรพลางเงยหน้ามองฟ้า
ฉันนึกถึงกลีบดอกไม้ที่พยายามร่วงหล่น”
เหมือนว่าท่อนก่อนหน้าเป็นเพียงการแกล้งหยอกล้อเบาๆ ก็เท่านั้น เมื่อเนื้อเพลงท่อนต่อไปมาถึง ก็ประสานเข้ากับอารมณ์เพลงได้อย่างกลมกลืน
“วันที่โดดเรียนเพื่อเธอ
วันที่ดอกไม้โรยรา
ห้องเรียนนั้น
แต่ทำไมฉันมองไม่เห็นอีก
วันที่ฝนพรำจางหาย ฉันอยากเปียกปอนอีกสักครั้ง
ไม่เคยนึกไม่เคยฝัน ความกล้าหาญที่สูญหาย
ฉันยังคงเก็บมันไว้
อยากจะถามเธอสักครั้ง เธอจะรอ หรือจะจากไป
…”
มีผู้ชมบางคนแอบคลี่ยิ้มออกมาอย่างเข้าใจในจังหวะนั้น
การใส่โน้ตเสียงล้วนๆ แบบไม่ทันตั้งตัว กลับทำให้ผู้ฟังใส่ใจเนื้อเพลงมากขึ้นกว่าเดิม
ห้องเรียน
โดดเรียน
วันฝนตก
เด็กสาวและเด็กชายผู้ซึ่งได้รู้สึกถึงความรักครั้งแรกในวัยเยาว์
คำสำคัญเพียงไม่กี่คำเหล่านี้ ก็สามารถวาดภาพบรรยากาศของรั้วโรงเรียนในวันวานขึ้นมาได้ชัดเจน
เหมือนสายลมจากความทรงจำในวัยเยาว์ค่อยๆ พัดเข้ามา กลิ่นอายของความคิดถึงเริ่มแผ่ซ่านในใจผู้ชมทุกคน
และในจังหวะนั้นเอง ท่อนคอรัสของซุนเย่าหั่วก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เสียงสูงอันทรงพลังแบบที่เคยโชว์ไว้ก่อนหน้า ทุกถ้อยคำไหลลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ
“วันนั้นลมพัดแรง ฉันเคยพยายามจับมือเธอไว้
แต่ฝนเจ้ากรรมกลับโปรยปราย จนสุดท้ายฉันไม่เห็นเธออีก
ต้องรอนานแค่ไหน จะได้อยู่เคียงข้างกายเธอสักที
กว่าจะถึงวันฟ้าใส
บางทีฉันอาจจะรู้สึกดีขึ้นก็ได้
…”
เนื้อเพลงของเพลงนี้ อาจไม่ได้งดงามประนีตเฉกเช่นบทกวีที่เซี่ยนอวี๋เคยเขียนไว้ก่อนหน้า
แต่ในครั้งนี้ เป้าหมายของเซี่ยนอวี๋ดูเหมือนจะเป็นการ ‘ถ่ายทอดความรู้สึก’ อย่างแท้จริง
ตั้งแต่ท่อนที่ขึ้นด้วยเสียงโน้ตล้วนๆ ก็เต็มไปด้วยความเป็นเด็ก คล้ายกับแอบโอ้อวดแบบเงียบๆ ว่า

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...