อ่านสรุป ตอนที่ 153 (1) เป็นท้อแท้ จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 153 (1) เป็นท้อแท้ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 153 (1) เป็นท้อแท้
หลินเยวียนไม่ได้ส่งเพลงให้บริษัททันที เขาไม่อยากทำให้ทุกคนตื่นอกตกใจมากเกินไป
มีที่ไหนคนที่เขียนเพลงได้เร็วกว่าย่างเนื้อสเต็ก…
ส่วนครั้งก่อน
หลินเยวียนส่งเพลงยุทธจักรยิ้มเย้ยไปเร็วถึงขนาดนั้น ก็เพียงเพราะสิ่งที่กู้เฉียงอวิ้นเรียกว่าอัตราความสำเร็จของเพลง จนต้องรีบร้อนสักหน่อย
หลังจากนี้เขาจะต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวกว่านี้ จะส่งเพลงไปเร็วขนาดนั้นไม่ได้
วันต่อมาเป็นวันเสาร์
หลินเยวียนไปถึงบริษัทตามปกติ
พนักงานในบริษัทเห็นหลินเยวียน สายตาก็มองตามเขาไป ราวกับอยากเห็นข้อมูลบางอย่างจากสีหน้าของเขา แต่หน้าเสียดายที่ทุกคนกลับต้องผิดหวัง
คนคนนี้ไม่มีสีหน้าแม้แต่นิดเดียว
เมื่อเข้าไปในห้องทำงาน หลินเยวียนก็เปิดคอมพิวเตอร์
งานของเขาคือการประพันธ์ทำนองเพลง แต่เพลงชอบเธอนั้นทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลินเยวียนเองก็ขี้เกียจจะเสแสร้งแกล้งทำ ดังนั้นการใช้เวลาเข้างานไปกับการพิมพ์นิยายจึงนับว่าค่อนข้างเหมาะสม
อย่าลืมว่ายังต้องส่งเรื่องกระบี่เทพสังหารตีพิมพ์อีก
การตีพิมพ์นิยายเรื่องนี้ไม่มีทางหยุดลงเพราะหลินเยวียนมาเรียนที่ฉีโจว ขอเพียงส่งต้นฉบับไปให้บรรณาธิการของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูก็พอแล้ว
แต่ว่า…
การพิมพ์นิยายในวันนี้ ทำให้หลินเยวียนรู้สึกผิดอยู่บ้าง
ไม่ได้รู้สึกผิดเพราะเขียนนิยายระหว่างเวลางาน แต่รู้สึกผิดเพราะเนื้อเรื่องกระบี่เทพสังหารเล่มต่อไป
เพราะเนื้อเรื่องของเล่มต่อไปนั้น ปี้เหยาจะตาย
หลินเยวียนเข้าใจความรู้สึกของผู้อ่านที่มีต่อปี้เหยาดี ฉะนั้นแล้วเมื่อเขาเขียนให้ปี้เหยาตาย ก็ต้องนำพามาซึ่งความโกรธแค้นของเหล่าผู้อ่านอย่างแน่นอน
ถึงขั้นที่
แม้แต่ผู้อ่านซึ่งเดิมทีไม่ได้รู้สึกอะไรกับปี้เหยาสักเท่าไหร่ รวมไปถึงกลุ่มที่เรียกว่าทีมลู่เสวี่ยฉี เมื่อเห็นว่าปี้เหยาตาย ก็อาจเกิดการลุกฮือขึ้นมาประท้วงได้
ไม่ใช่อะไรหรอก
แต่เพราะภาพการตายของปี้เหยานั้นชวนให้สะเทือนใจเหลือเกิน นางสละชีวิตใต้คมกระบี่เทพสังหารเพื่อจางเสี่ยวฝาน ก่อนหน้านี้ จางเสี่ยวฝานไม่เคยเผยความรู้สึกของตนที่มีต่อปี้เหยาอย่างชัดเจนมาก่อน
แต่พล็อตก็เป็นแบบนี้
หลินเยวียนเองก็จนปัญญา
เขาทำได้เพียงคิดเสียว่าตนเองเป็นเครื่องถอดรหัสซึ่งไร้ความรู้สึกเครื่องหนึ่ง พิมพ์เนื้อเรื่องต๊อกๆ แต๊กๆ ต่อไป
“ตัวแทนหลิน”
มีคนเคาะประตู
หลินเยวียนหยุดพิมพ์ “เชิญครับ”
คนที่เข้ามาก่อนคือกู้ตง และด้านหลังกู้ตงมีผู้ชายแปลกหน้าอีกสามคน
หลินเยวียนถาม “มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“คุณเริ่มทำงานแล้วเหรอคะ”
กู้ตงมองหลินเยวียนซึ่งอยู่ด้านหลังคอมพิวเตอร์ จากนั้นจึงอธิบายว่า “ธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์สั่งทำเพลงภาษาฉี ตัวแทนหลินเป็นคนฉินโจวอาจไม่ค่อยเข้าใจภาษาฉี ดังนั้นทางพวกเขาเลยส่งอาจารย์นักเขียนเนื้อเพลงที่มากประสบการณ์สามท่านมาช่วยคุณเขียนเนื้อเพลงค่ะ”
“สวัสดีครับ”
กู้ตงเอ่ยแนะนำเรียบร้อย อาจารย์นักเขียนเพลงทั้งสามก็พยักหน้าให้หลินเยวียนอย่างยิ้มแย้ม
ผู้ชายที่นำมาเอ่ยขึ้น “ผมชื่อหวงต๋า ระยะนี้พวกเราจะมาอยู่ที่บริษัทคุณ มีความเห็นอะไรทุกคนมาพูดคุยกันได้เลยนะครับ”
หลินเยวียนบอก “ผมพูดภาษาฉีได้ครับ”
เขาไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากนักเขียนเนื้อเพลงภาษาฉี
เหล่านักเขียนเนื้อเพลงได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป คนฉินโจวที่พูดภาษาฉีได้นั้นหายากเหลือเกิน
หวงต๋าจึงใช้ภาษาฉีสนทนากับหลินเยวียน พูดอยู่หลายประโยค เห็นได้ชัดว่ากำลังหยั่งเชิงหลินเยวียนอยู่
หลินเยวียนตอบสนองอยู่ครู่หนึ่ง พอจะเข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายแล้ว
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยปากไปอย่างตะกุกตะกัก “เหลยโหวอา[1]…”
หลังจากหลินเยวียนพูดไปหลายประโยค
สีหน้าของหวงต๋าก็สับสนขึ้นมา
จะบอกว่าเขาพูดไม่ได้ เขาก็พอจะถูๆ ไถๆ ไปได้
จะบอกว่าเขาพูดได้ เขาก็พอเข้าใจภาษาฉีได้แค่ผิวเผิน จะไปเขียนเพลงได้ที่ไหนกัน!
“เฮ้อ”
กู้ตงจวนเจียนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
นี่มันใช่เวลาไหมฮะ
ระยะเวลาหนึ่งเดือน ตัวแทนหลินไม่เร่งมือเขียนเพลง แต่กลับทำเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องแม้แต่น้อยในเวลางาน?
กู้ตงแทบจะประสาทเสียอยู่ตรงนั้น
แต่เธอก็ไม่กล้าใส่อารมณ์กับหลินเยวียน ทำได้เพียงเอ่ยอย่างน้อยอกน้อยใจ “ตัวแทนหลิน…”
หลินเยวียนเงยหน้า “มีใบชามั้ยครับ”
กู้ตงอ้าปากค้าง กลืนคำพูดที่เกือบหลุดปากออกมากลับเข้าไป
เธอหันกลับไปเงียบๆ ไปหยิบใบชาจากห้องทำงานของกรรมการผู้จัดการ และชงชาให้หลินเยวียนถ้วยหนึ่ง
“ขอบคุณครับ” หลินเยวียนพูด
กู้ตงพยักหน้าอย่างเฉยชา กลับไปยังห้องทำงานกรรมการผู้จัดการอีกครั้ง
“มีอะไรเหรอ”
กู้เฉียงอวิ้นมองกู้ตงด้วยความตกใจ
กู้ตงตอบด้วยสีหน้าขมขื่น “เตรียมเงินชดใช้ค่าเสียหายไว้เลยค่ะ”
กู้เฉียงอวิ้นลุกพรวดขึ้นมา “มีเวลาอีกหนึ่งเดือนไม่ใช่หรือ ตัวแทนหลินบอกว่าเขียนไม่ออก? ทำยังไงดีล่ะ…”
“ตัวแทนหลินยอมแพ้แล้วค่ะ”
กู้ตงไม่มีแม้แต่ความรู้สึกร้อนรนอีกต่อไป “เขาไม่ได้แค่ไล่นักแต่งเนื้อเพลงของธันเดอร์ไปนะคะ ยังอ่านนิยายในห้องทำงานด้วย”
“อาจจะหาแรงบันดาลใจอยู่ก็ได้?”
กู้เฉียงอวิ้นพยายามตั้งสติ “คนทำเพลงทุกคนต่างก็มีวิธีหาแรงบันดาลใจของตัวเอง การอ่านนิยายอาจจะเป็นวิธีการของตัวแทนหลินก็ได้”
“อาจจะ”
กู้ตงพยายามเค้นรอยยิ้มออกมา
และในห้องทำงานข้างๆ หลินเยวียนดื่มชาไปหนึ่งคำ ทันใดนั้นก็ค้นพบว่าที่จริงแล้วใบชาแต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกันอยู่จริงๆ
………………………………………………..
[1] เหลยโหวอา ถอดเสียงมาจากคำว่า ‘สวัสดี’ ในภาษากวางตุ้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...