ตอนที่ 606 ฉู่ขวงจากฉินโจวฉายแววจักรพรรดิ – ตอนที่ต้องอ่านของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนนี้ของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเงินทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 606 ฉู่ขวงจากฉินโจวฉายแววจักรพรรดิ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ช่วงเย็น
เมื่อกลับถึงบ้าน
หลินเยวียนไม่ได้จินตนาการถึงแผนการอันยิ่งใหญ่ของการเดินทางสู่ประจิมทิศในอนาคตของเขาอีกต่อไป แต่กลับเลือกที่จะท่องอินเทอร์เน็ต นี่คือวิธีผ่อนคลายที่เขาและใครหลายคนชื่นชอบ
บนอินเทอร์เน็ตมีข่าวมากมาย
ยกตัวอย่างเช่นฮ็อตเสิร์ชอันดับสองบนปู้ลั่วในขณะนี้
‘เผยรายชื่อนักร้องสิบคนสุดท้ายในรายการบันเทิงประจำปี เพลงของเรา!’
ถึงแม้เหล่านักประพันธ์เพลงจะพักผ่อนแล้ว ทว่านักร้องยังคงแข่งขันกันในรายการ ปัจจุบันเหลือเพียงสิบคนสุดท้ายแล้ว
ก่อนที่รายการจะจบลง คาดว่าอาจมีการเรียกให้นักประพันธ์เพลงออกโรง
ระยะนี้หลินเยวียนไม่ได้เข้าร่วมการบันทึกเทปรายการ ทว่าเขามักติดตามสถานการณ์การแข่งขันเป็นปกติ
เมื่อพิจารณาจากกระแสของการแข่งขันนี้ ตามหลักแล้วฮ็อตเสิร์ชควรขึ้นเป็นอันดับหนึ่งด้วยซ้ำไป
ประเด็นร้อนอะไรกันที่ช่วงชิงตำแหน่งบนฮ็อตเสิร์ชของรายการเพลงของเราไป?
หลินเยวียนมองด้วยความสงสัย
ในเวลานั้น
ฮ็อตเสิร์ชอันดับหนึ่งซึ่งปรากฏแก่สายตาคือ
‘นี่คือวันที่มืดมนที่สุดในวงการนิทานเยี่ยนโจว!’
เกิดอะไรขึ้นกัน
หลินเยวียนกดเข้าไปอย่างอดใจไม่ไหว
หลังจากนั้นเขาจึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ที่แท้ก็เป็นประเด็นสืบเนื่องจากการประชันวรรณกรรมระหว่างมือหนึ่งในวงการนิทานเยี่ยนโจว และหนึ่งในนักเขียนนิทานชั้นนำจากหานโจวอย่างเดวิด
เพิ่งเมื่อวานนี้เองนะ!
ไป๋เจี๋ยพ่ายแพ้ในการประชันวรรณกรรมเสียแล้ว!
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดของข่าวด้านล่างพาดหัวข่าว
‘หลังจากฉู่ขวงกำราบวงการนิทานเยี่ยนโจวด้วยตัวคนเดียว ในฐานะมือวางอันดับหนึ่งในวงการนิทานเยี่ยนโจว อาจารย์ไป๋เจี๋ยจึงได้รับการยกย่องจากชาวเน็ตว่าเป็นความหวังสุดท้ายของวงการนิทานในพื้นที่ สำหรับชาวเยี่ยน ในบรรดานักเขียนนิทานมากมายในท้องถิ่น มีเพียงไป๋เจี๋ยซึ่งสามารถเอาชนะฉู่ขวง และกอบกู้ชัยชนะหลังจากความพ่ายแพ้ของวงการนิทานเยี่ยนโจวในปีที่แล้ว บางทีอาจารย์ไป๋เจี๋ยอาจคิดเช่นนั้น จึงส่งคำท้าประชันวรรณกรรมถึงฉู่ขวง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็คือ ฉู่ขวงปฏิเสธการประชันวรรณกรรมในครั้งนี้ในทันทีด้วยเหตุผลว่า ไม่ว่างครับ’
‘แต่ขณะที่ทุกคนกำลังโอดครวญว่าเซี่ยนอวี๋หยิ่งผยองในพรสวรรค์อยู่นั้น เดวิดนักเขียนนิทานจากหานโจวก็เริ่มเปิดฉากประชันวรรณกรรมกับไป๋เจี๋ย’
‘ชาวเยี่ยนโจวทุกคนล้วนเชื่อว่าไป๋เจี๋ยสามารถเอาชนะเดวิดได้อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งพิสูจน์ฝีมือในการเขียนนิยายของตนเองและชาวเยี่ยน ขณะเดียวกันก็แสดงให้ฉู่ขวงเห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของชาวเยี่ยน แต่นึกไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์ที่ชื่อเสียงใกล้เคียงกันนั้น ยอดขายผลงานของอาจารย์ไป๋เจี๋ยจะเพลี่ยงพล้ำต่อเดวิด’
‘เขาแพ้แล้ว’
‘ความภาคภูมิใจแห่งวงการนิทานของชาวเยี่ยน ความหวังสุดท้ายของวงการนิทานเยี่ยนโจว พ่ายแพ้ให้กับเดวิดนักเขียนจากหานโจวซึ่งเพิ่มผนวกรวม ก่อนที่จะได้ต่อสู้กับฉู่ขวงเสียอีก!’
‘…’
มิน่าล่ะหัวข้อบนฮ็อตเสิร์ชจึงเขียนว่านี่คือวันที่มืดมนที่สุดในวงการนิทานเยี่ยนโจว
ชาวเยี่ยนถูกฉู่ขวงจัดการแบบหนึ่งต่อเก้าก็อับอายมากพอแล้ว
ตอนนี้ไป๋เจี๋ยออกโรง เดิมทีคิดว่าจะพลิกสถานการณ์ได้ ปรากฏว่าฉู่ขวงกลับเพิกเฉยต่อเขา
กลับมีเดวิดจากหานโจวโผล่มา ถล่มมือหนึ่งในวงการนิทานเยี่ยนโจวในทันที
เดวิดเหยียบย่ำไป๋เจี๋ย รวมไปถึงสถานะวงการนิทานทั้งเยี่ยนโจว สร้างชื่อก้องไกลไปทั่วทั้งห้าทวีปได้ในศึกเดียว!
สิ่งที่น่าโมโหยิ่งไปกว่านั้น คือเดวิดโพสต์ข้อความหลังจากนั้น
ตัวอักษรสองตัว
‘KO!’
ตอนที่ไป๋เจี๋ยส่งคำท้าประชันวรรณถึงเดวิด เดวิดตอบว่า ‘ok’
แต่หลังจากเดวิดประชันวรรณกรรม กลับสลับตัวอักษรสองตัวนี้ กลายเป็น ‘KO’
ผู้ที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษบางคนไปตรวจสอบสักพัก ก็เข้าใจความหมายของ ‘KO’
ตัวอักษร…ยังคงเป็นสองตัวเดิม
ทว่าความหมาย…กลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
แทงใจดำกันจริงๆ !
สำหรับเรื่องนี้
แต่ละทวีปต่างถกเถียงกัน
‘จบสิ้นแล้ว นิทานเยี่ยนโจวลืมตาอ้าปากไม่ไหวแล้ว’
‘ในฐานะนักเขียนนิทานยาวอันดับหนึ่งในเยี่ยนโจว ไป๋เจี๋ยยังไม่ทันได้ประมือกับฉู่ขวงก็เหน็บหนาวซะแล้ว’
‘เริ่มจากฉู่ขวง หลังจากนั้นก็เดวิด ไม่มีใครเอาชนะนิทานเยี่ยนโจวได้จริงๆ ’
‘แต่พูดตามตรงนะ เดวิดแข็งแกร่งจริงๆ นิทานของเขายอดเยี่ยมมาก แตกต่างกับนิทานเจ้าหญิงเจ้าชายที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน’
‘นึกไม่ถึงเลยว่ายอดฝีมือที่เก่งกาจอย่างไป๋เจี๋ย จะแพ้การประชันวรรณกรรม!’
‘เดิมทีฉันคิดว่าไป๋เจี๋ยจะเอาชนะเดวิด จากนั้นก็ได้รับความสนใจจากฉู่ขวง จากนั้นทั้งสองคนก็ประชันวรรณกรรมกัน’
‘ฉู่ขวง: ผมยังไม่ทันได้ลงมือ คุณก็ล้มซะแล้ว’
‘…’
ขณะที่รู้สึกสะท้อนใจ แน่นอนว่าชาวเน็ตแต่ละทวีปไม่ลืมที่จะหยอกเอินชาวเยี่ยน โดยเฉพาะชาวหานซึ่งเพิ่งเข้าผนวกรวมล่าสุด!
‘ชาวหานเราเก่งไหมล่ะ?’
‘ถ้าไม่ใช่เพราะนิยายเรื่องยาวเขียนยาก เดวิดก็สู้แบบหนึ่งต่อเก้าได้เหมือนกัน!’
‘ถึงยังไง แม้แต่นักเขียนที่เก่งที่สุดจากเยี่ยนโจวของพวกคุณก็แพ้มาแล้ว’
‘นิทานหานโจว ไร้เทียมทาน!’
‘แค่นี้เอง?’
‘ผมก็คิดอยู่ว่านักเขียนนิยายมือหนึ่งของเยี่ยนโจวจะเก่งแค่ไหนกันเชียว สรุปว่าได้แค่นี้?’
‘สงครามระหว่างทวีป เมื่อมาอยู่ต่อหน้าชาวหานอย่างพวกเราก็ไม่เท่าไหร่หรอก’
‘เมื่อก่อนฉันคิดว่าฉู่ขวงสู้แบบหนึ่งต่อเก้าก็สุดยอดมากแล้ว เป็นบุคคลในตำนาน แต่พอเห็นอาจารย์เดวิดเอาจัดการมือหนึ่งของวงการนิทานเยี่ยนโจวได้ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าฉู่ขวงไม่ได้เก่งอย่างที่คิดไว้’
‘สิ่งที่เขาทำได้ ยอดฝีมือฝั่งเราก็ทำได้เหมือนกัน!’
‘…’
ชาวหานต่างภาคภูมิใจ
แต่ละทวีปในบลูสตาร์ต่างมีเอกลักษณ์ของตนเอง ทว่าสิ่งที่ชาวเน็ตชาวหานให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือ ‘ความภาคภูมิใจ’
พวกเขาราวกับไม่รู้ว่าความถ่อมตนคืออะไร
ความภาคภูมิใจลักษณะนี้ เมื่อพัฒนาต่อไป ย่อมกลายเป็นความลำพองใจ
เดวิดเอาชนะไป๋เจี๋ย กระตุ้นความภาคภูมิใจของชาวหาน และทำให้พวกเขาลำพองใจอย่างรวดเร็ว
พวกเขาตะโกนคำขวัญในทันทีว่า ‘นิทานของชาวเยี่ยนไร้พ่ายในใต้หล้า’ !
ในขณะนั้น
ชาวเยี่ยนได้ปิดตัวเองไปแล้ว…
เมื่อเผชิญหน้ากับคำเย้ยหยันของชาวหาน พวกเขาจึงรู้สึกสะเทือนใจจนเหลือรับ
ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้พวกเขาก็พูดอย่างภาคภูมิใจว่า เดวิดหาเรื่องใส่ตัว
ไป๋เจี๋ยซึ่งถูกฉู่ขวงปฏิเสธ กำลังตกอยู่ในสภาวะเดือดดาล ในเวลานี้เดวิดไปประชันวรรณกรรมกับไป๋เจี๋ย ย่อมกลายเป็นสนามอารมณ์ของไป๋เจี๋ย ไป๋เจี๋ยจะทุ่มความโกรธทั้งหมดของเขาใส่ศีรษะของเดวิด
ปรากฏว่าผลลัพธ์กลับกัน ไป๋เจี๋ยสู้เดวิดไม่ได้เลย
ในเวลานี้
จู่ๆ ก็มีชาวเยี่ยนซึ่งกำลังโกรธแค้นก้าวออกมาบอกว่า
‘ชนะพวกเราก็ไม่ได้แน่เท่าไหร่หรอก แน่จริงให้เดวิดไปหาฉู่ขวง!’
เอ๊ะ
คำพูดนี้
คล้ายกับว่าจู่ๆ ชาวเยี่ยนก็หาวิธีโต้กลับ แสดงความเห็นด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ชนะฉู่ขวง!
ต้องเอาชนะฉู่ขวงให้ได้เท่านั้น พวกเราชาวเยี่ยนถึงจะยอมรับว่านิทานหานโจวของพวกคุณสุดยอดจริงๆ !
ชั่วพริบตาเดียว
ชาวเยี่ยนทั้งหลายต่างรู้วิธีตอบโต้ชาวหานขึ้นมาในทันที
‘ถ้ายกเดวิดกับฉู่ขวงมาเปรียบเทียบกัน คุณคิดว่าใครๆ ก็เป็นฉู่ขวงได้จริงหรือ?’
‘ถ้าเอาชนะฉู่ขวงไม่ได้ ก็อย่า มาบอกว่าตัวเองไร้พ่ายเลย!’
เคยได้ยินว่าคนเรามักขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินว่าไปขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าของศัตรู สู้ไม่ได้ก็เข้าร่วมซะเลยว่างั้น?
เห็นทีชาวเยี่ยนคงหัวเสียจริงๆ
ถึงกับกรูกันไปประจบประแจงฉู่ขวง!
เพื่อโจมตีชาวหาน ชาวเยี่ยนจึงละทิ้งหลักการที่ยึดถือไปโดยสิ้นเชิง
ในเวลานี้
หลินเยวียนซึ่งรับบทผู้ชมมาโดยตลอดก็งุนงงไปเช่นกัน
กำลังแทะเมล็ดแตงโมอยู่ดีๆ ทำไมประเด็นถึงมาเข้าตัวเขาซะได้
แทะเมล็ดแตงโมเพลิดเพลินใจ ยิ่งกินยิ่งเพลิดเพลินใจ
ทว่ากลิ่นหอมของเมล็ดแตงโมรัญจวนไปถึงบ้านคนอื่นซะได้
พอประเด็นวกมาเข้าตัว เมล็ดแตงโมก็ไม่หอมหวนชวนกินอีกต่อไป
ไม่ใช่ว่ากลัวแพ้ จะแพ้ก็ช่างปะไร เหตุผลสำคัญคือตอนนี้หลินเยวียนขี้เกียจเหลือเกิน ไม่อยากแม้แต่วาดการ์ตูน นับประสาอะไรกับเขียนนิยายอีกเรื่องหนึ่งออกมา…
เห็นชัดๆ ว่าแค่เขียนนิยายชุดโฮล์มส์เขาก็เหนื่อยมากแล้ว
ยังอยากให้ฉันควบสองเลยหรือ?
หลินเยวียนตัดสินใจไม่สนใจชาวเยี่ยน
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เขาก็เตรียมกดออกจากระบบ
ในขณะนั้นเอง
หลินเยวียนก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือน คล้ายกับว่าจะมีคนเมนชันถึงบัญชีของฉู่ขวง
เขากดเข้าไป
ผู้ที่เมนชันถึงฉู่ขวง ก็คือเดวิดนั่นเอง
‘ประชันวรรณกรรม?’
นี่คือเนื้อหาของข้อความที่เดวิดเมนชันถึงเขา ด้านล่างแนบภาพการ์ตูนน่ารัก
บนร่างซึ่งนอนจมกองเลือด มีตัวอักษรเขียนว่า ‘ไป๋เจี๋ย[1] (白洁)’
ถึงแม้จะไม่ได้เขียนอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘ไป๋เจี๋ย (白杰)’ แต่เห็นได้ชัดว่าจงใจใช้คำพ้องเสียง
ไป๋เจี๋ย (白洁) ก็คือไป๋เจี๋ย (白杰)
เบื้องหน้าของร่างนั้น มีตัวการ์ตูนเช็ดคราบเลือดบนมีด พลางมองไปยังตัวการ์ตูนอีกตัวหนึ่งด้านหน้า
‘นี่ๆ ว่างไหม?’
เห็นได้ชัดว่าตัวการ์ตูนอีกตัวหนึ่งก็คือฉู่ขวง
ภาพการ์ตูนนี้ยังจงใจวาดให้ตัวการ์ตูนของฉู่ขวงอยู่ในสภาพเหงื่อตก
สไตล์ของการ์ตูนนั้นน่ารัก
แต่ความหมายที่แสดงออกจากภาพนี้กลับไม่น่ารักเอาซะเลย
หลินเยวียน ‘…’
เดวิดคนนี้วาดภาพได้น่าเกลียดจริงๆ
หลินเยวียนสัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณของอิ่งจือในร่างของเขากำลังโกรธเคือง
นี่คือการดูหมิ่นงานจิตรกรรม!
บางทีอาจเป็นเพราะความไม่พอใจนี้เข้าครอบงำ จู่ๆ หลินเยวียนก็ไม่อยากออกจากระบบ ถ้าเขาไม่รับคำท้า บางทีหลังจากนี้อาจมีนักเขียนชาวหานส่งคำท้าประชันวรรณกรรมมาให้เขาอีกเป็นโขยง
ตามหลักการที่ผ่านมา ทุกครั้งที่หลินเยวียนชนะ ความถี่ในการประชันวรรณกรรมจะลดลงทันที
งั้นก็ไม่ต้องหลบเลี่ยงแล้วละ
หลินเยวียนเมนชันกลับถึงอีกฝ่าย พร้อมทั้งแนบตัวอักษรภาษาอังกฤษสองตัว
‘ok’
ไม่ใช่ว่าอยากเล่นมุกตอบโต้อีกฝ่าย เพียงแต่หลินเยวียนขี้เกียจยุ่งยากพิมพ์ตัวอักษร
ถ้าตอบไปว่า ‘ได้’ เขาต้องกดพิมพ์ถึงสามครั้ง
ใช้ภาษาอังกฤษตอบ พิมพ์เพียงแค่สองตัวอักษรเอง
[1] ไป๋เจี๋ย (白洁) แปลตรงตามตัวอักษรหมายถึงขาวสะอาด และเป็นคำแสลงบนโลกออนไลน์ในวงการการ์ตูนผู้ใหญ่ หมายถึงหญิงสาวซึ่งภายนอกแลดูบริสุทธิ์ผุดผ่อง ทว่าภายใจจิตใจนั้นเต็มไปด้วยราคะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...