ตอน ตอนที่ 607 อลิซในแดนมหัศจรรย์ จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 607 อลิซในแดนมหัศจรรย์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บนปู้ลั่ว
ชาวเน็ตยังคงหัวเราะเยาะที่ชาวเยี่ยนโจวใช้สารพัดวิธีในการประจบประแจงฉู่ขวงผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศัตรูตัวฉกาจ เพียงเพื่อแก้แค้นชาวหาน ปรากฏว่าทันใดนั้นเองก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าหลังจากเดวิดเอาชนะไป๋เจี๋ย จึงไปส่งคำท้าประชันวรรณกรรมถึงฉู่ขวง นอกจากนั้นยังส่งภาพซึ่งเต็มไปด้วยเจตนายั่วยุ
‘อห!’
‘ท้าทายฉู่ขวง’
‘เดวิดโอหังจริงๆ !’
‘ครั้งนี้ชาวเยี่ยนมีแผนที่เฉียบแหลม ใช้มีดที่ยืมคนอื่นมาฆ่าคนได้เป็นอย่างดี พวกเขาเหยียบย่ำเดวิดพร้อมกับอวยยศฉู่ขวง ผลปรากฏว่าเดวิดถูกกระตุ้นจนเป็นเรื่อง!’
‘แบบนี้ก็ได้ใช่ไหม?’
‘ว่ากันว่าชาวเยี่ยนร้าย ตอนนี้เห็นทีชาวหานจะร้ายกว่า ความเกรียนเป็นเลิศ เดวิดไม่ใช่แค่เหยียบเท้าชาวเยี่ยน แต่ยังทำให้ฉู่ขวงขุ่นเคืองด้วย เขาคิดจะจัดการฉู่ขวงหลังจากจัดการไป๋เจี๋ยเลยหรือไง?’
‘…’
ใครๆ ก็รู้ว่าชาวเยี่ยนกำลังยั่วยุ ยั่วยุชาวหาน แล้วเน้นย้ำคำวิจารณ์ในทำนองว่าเดวิดสู้ฉู่ขวงไม่ได้ เดิมทีทุกคนมองเป็นคำพูดติดตลก นึกไม่ถึงว่าชาวหานจะถูกยั่วยุจนไปท้าชนกับฉู่ขวงจริงๆ
ชาวหานเย่อหยิงอย่างที่คิด!
ถ้าหากไม่ใช่เพราะความเย่อหยิ่งของชาวหาน วิธียั่วยุที่เงอะงะของชาวเยี่ยนคงไม่มีทางได้ผล เห็นได้ชัดว่าเดวิดคือชาวหานตามแบบฉบับ ทนกับการยั่วยุไม่ได้ คุณกล้าบอกว่าเขาสู้คนนั้นคนนี้ไม่ได้ เขาก็กล้าไปท้าต่อย ไม่เพียงส่งคำท้าประชันวรรณกรรม แต่ยังใช้ภาพเชิงยั่วโมโหอีกด้วย
แต่ถึงกระนั้น…
เมื่อเห็นว่าฉู่ขวงรับคำท้าประชันวรรณกรรม ทั้งยังใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษสองตัวที่เดวิดใช้ขณะตอบรับการประชันวรรณกรรมของไป๋เจี๋ย อะดรีนาลีนของชาวเน็ตจึงเริ่มพลุ่งพล่าน!
‘ฮ่าๆ ฉู่ขวงบอกว่าok!’
‘ไม่มีใครบ้าเท้าฉู่ขวงแล้ว!’
‘สมแล้วที่เป็นยอดฝีมือผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยกล้าสู้แบบหนึ่งต่อเก้า ฉู่ขวงทำให้ทุกคนได้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาจะเอาชนะเดวิดด้วยวิธีเดียวกับที่เดวิดเอาชนะไป๋เจี๋ย หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง!’
‘ชอบนิสัยของเซี่ยนอวี๋มาก!’
‘ฉู่ขวงจากฉินโจวมีรัศมีแห่งจักรพรรดิ!’
‘การตอบโต้ของฉู่ขวงยังคงบ้าบิ่นเหมือนเดิม เดวิดได้แสดงให้ทุกคนเห็นถึงวิธีการใช้okที่แท้จริงมาครั้งหนึ่งแล้ว คำนี้เมื่อสลับตัวอักษรจะหมายถึงko!’
‘…’
การประชันวรรณกรรมระหว่างไป๋เจี๋ยกับเดวิด ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมาย ถึงขั้นทะยานขึ้นฮ็อตเสิร์ช และในฐานะผลสืบเนื่องจากการประชันวรรณกรรมในครั้งนี้ การประชันวรรณกรรมระหว่างเดวิดและฉู่ขวงยิ่งดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้มากขึ้นในชั่วพริบตา!
‘ฉู่ขวงเขียนจะเขียนนิทานอีกแล้ว!’
ชาวฉินตื่นเต้นมากที่สุด เพราะฉู่ขวงเป็นชาวฉินโจว เคยเป็นตัวแทนของฉินโจวกำราบวงการนิทานเยี่ยนโจว เพราะฉะนั้นชาวฉินต่างสนับสนุนฉู่ขวง หลายคนมองว่าการประชันวรรณกรรมในครั้งนี้คือศึกตัดสินระหว่างนิทานฉินโจวและหานโจว
นอกจากนั้น ชาวเยี่ยนก็ตื่นเต้นเช่นกัน!
เดิมทีพวกเขากังวลว่าเซี่ยนอวี๋จะไม่ยอมลงมือ ผลปรากฏว่าเดวิดจะเก่งกาจเช่นนี้ ถึงกับใช้วิธียั่วยุของชาวเยี่ยนมาใช้ลากฉู่ขวงเข้าสู่สนามประลองได้สำเร็จ!
‘ครั้งนี้ฉันยอมใจเลย!’
ถึงขั้นที่มีชาวเยี่ยนตบอกแสดงความเห็นว่า ‘ถ้าครั้งนี้ฉู่ขวงจัดการเดวิดได้สำเร็จ ฉันจะไม่วิจารณ์ฉู่ขวงอีกแม้แต่คำเดียว จะผันตัวไปเป็นแฟนคลับของฉู่ขวงทันที!’
นี่เป็นเรื่องจริง
ชาวหานเหยียบย่ำนิทานของเยี่ยนโจวอย่างหนักหน่วง ทว่าไม่มีใครสามารถจัดการเดวิดคนนี้ได้ ดังนั้นต่อให้ฉู่ขวงไม่ใช่ชาวเยี่ยนโจว แต่ถ้าเขาเอาชนะเดวิดได้ ย่อมกลายเป็นผู้กอบกู้ศักดิ์ศรีของชาวเยี่ยน หลังจากนี้จะไม่มีการบ่นเป็นหมีกินผึ้งอีก
……
。หลินเยวียนไม่ได้แทะเมล็ดแตงโมอีกต่อไป เรื่องมาถึงตัวขนาดนี้แล้ว เมล็ดแตงโมจึงหมดความกรอบและความหอมหวาน ไม่สู้เอาเวลาไปคิดวิธีแก้ปัญหาดีว่า ดังนั้นเขาจึงเริ่มขบคิดว่าใช้นิทานอะไรมาประชันวรรณกรรมกับเดวิด
บนโลกประเมินว่านิทานชุดอลิซนั้นเป็นหนึ่งในผลงานซึ่งทรงอิทธิพลมากที่สุดในศตวรรษที่ 19 เสิ่นฉงเหวินนักเขียนจากแดนมังกรเคยตีพิมพ์นิยาย ‘อลิซท่องแดนมังกร’ เพื่อเสียงดีสังคมสาธารณรัฐ โดยใช้เทคนิคและลีลาการเขียนล้อกับหนังสือเรื่องนี้ ถึงขนาดแอบอ้างชื่อภาคต่อของอลิซเพื่อสะท้อนความมืดมนของสังคมในขณะนั้นด้วย
นอกจากนี้
นิทานตะวันตกอันโด่งดังอย่างพ่อมดแห่งออซและตำนานแห่งนาร์เนีย ก็ได้รับแนวคิดและจินตนาการส่วนหนึ่งมาจากอลิซในแดนมหัศจรรย์ ผลงานชิ้นนี้ได้รับการแปลอย่างน้อยหนึ่งร้อยกว่าภาษา ตามมาด้วย ผลงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาพจิตรกรรม ดนตรี ละคร เครื่องแต่งกาย ภาพยนตร์ ซีรีส์ และเกม ทั้งหมดนี้ล้วนมีอิทธิพลอย่างเห็นได้ชัด!
เอาเถอะ
หลินเยวียนยอมรับ ว่าทั้งหมดที่เอ่ยมาล้วนเป็นข้ออ้าง เหตุผลที่เขาเลือกอลิซในแดนมหัศจรรย์ก็เพราะนิยายเรื่องนี้ไม่ยาว เขาสามารถเขียนเสร็จในระยะเวลาอันสั้น นี่คือตัวเลือกซึ่งมาจากเจตนารมณ์แห่งปลาเค็ม
นิทานชุดอลิซมีสองส่วน
ส่วนแรกคล้ายกับจะมี 70,000 ถึง 80,000 ตัวอักษรเท่านั้น ตีพิมพ์ออกไปในฐานะนวนิยายเรื่องหนึ่งอาจไม่น่าสนใจเท่าไหร่นัก เขียนส่วนที่สองไปด้วยก็แล้วกัน ถึงอย่างไรสองส่วนรวมกันก็สามารถเขียนเนื้อหาได้ถึง 200,000 ตัวอักษร
หลินเยวียนยกนิ้วโป้งให้ตนเอง
ถึงจะเป็นคนขี้เกียจก็ควรมีสติ
จะเป็นปลาเค็มอย่างไรก็ไม่ควรหยิบนิยายขนาดยาวเพียงไม่กี่หมื่นตัวอักษรมาหลอกลวง ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเรื่องนิยายสองส่วนรวมกัน ต่อให้เป็นนักเขียนนิยายออนไลน์ซึ่งมีความถี่ในการอัปเดตผลงานที่สูง หนึ่งเดือนเขียนได้เกือบสองแสนตัวอักษรก็จัดอยู่ในประเภทนักเขียนที่ขยันขันแข็งแล้ว
ส่วนห้าหกแสนตัวอักษรในหนึ่งเดือนน่ะหรือ?
ไม่ต้องถามก็บอกได้เลยว่าใช้สูตรโกง
ในเวลานี้จู่ๆ หลินเยวียนก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา บีโธเฟนคล้ายว่าจะมีผลงานชิ้นหนึ่งคือ ‘แด่อลิซ[1]’ ถึงแม้อลิซคนนี้จะไม่ใช่อลิซคนนั้น ทว่าการอ้างถึงตัวตนของอลิซนั้นไม่ชัดเจน ไม่มีทางอ้างอิงถึงสถานการณ์โดยละเอียดได้
หรือว่านี่จะเป็นโอกาสในการเชื่อมโยง?
[1] แด่อลิซ หมายถึงผลงาน แด่เอลิเซอ (Für Elise) ซึ่งเป็นผลงานบากาเตล 25 ในบันไดเสียงเอ ไมเนอร์ ของบีโธเฟน ณ ที่นี้จะใช้ชื่อว่า ‘แด่อลิซ’ เพื่อให้ง่ายแก่การเข้าใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...