เดวิดแพ้แล้ว
แพ้อย่างไม่เป็นท่า
ในความเป็นจริง ยอดสั่งจองส่วงหน้าซึ่งยังไม่ทันได้เผยแพร่แม้แต่ตัวอักษรเดียวของอลิซในแดนมหัศจรรย์ เริ่มเสมอกับยอดขายของเดวิด วาระแห่งความพ่ายแพ้ของเดวิดก็มาถึง ครั้งนี้เขาถูกกำราบด้วยความเหนือชั้น!
‘ฉู่ขวงสุดยอด!’
หลังจากถูกรังแกมาครั้งหนึ่ง ในที่สุดชาวเยี่ยนก็สัมผัสได้ถึงชัยชนะ พวกเขานำ้ตารื้นอยู่ครู่หนึ่ง ถึงแม้ชัยชนะในครั้งนี้จะเป็นของฉู่ขวง แต่ชาวเยี่ยนก็รู้สึกว่าบนเหรียญรางวัลนี้มีความดีความชอบของพวกเขาอยู่
เนื่องจากครั้งนี้ต่างออกไป!
พวกเราเป็นทีมเดียวกับฉู่ขวง!
ทว่าเบื้องหลังของความเปรมปรีดิ์ร่วมกันของชาวเยี่ยน คือความเงียบงันร่วมกันของชาวหาน นี่เป็นครั้งแรกที่วงการนิทานหานโจวได้สัมผัสถึงความน่ากลัวของฉู่ขวง ไม่ต้องเอ่ยถึงข่าวลือต่างๆ ซึ่งพวกเขาได้ยินมาหลังจากผนวกรวมดินแดน ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าคำว่า ‘ฉู่ขวง’ หมายความว่าอย่างไร
ในความเป็นจริง
ทั้งฉิน ฉี ฉู่ และเยี่ยนต่างรู้สึกประหลาดใจกับชัยชนะอันท่วมท้นในครั้งนี้ของฉู่ขวง พวกเขาเริ่มขบคิดถึงความสามารถด้านการเขียนนิทานยาวของฉู่ขวงอีกครั้ง บางทีฝีมือการเขียนนิทานยาวของฉู่ขวงอาจไม่ได้เป็นรองฝีมือการเขียนนิทานสั้นเลย?
‘KO!’
มีชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยเข้าไปคอมเมนต์ในพื้นที่แสดงความคิดเห็นของเดวิด ก่อนหน้านี้เมื่อเดวิดเอาชนะไป๋เจี๋ย เขาสลับตัวอักษรหน้าหลัง ส่วนฉู่ขวงกลับใช้วิธีที่เดวิดเอาชนะไป๋เจี๋ยมาเอาชนะเดวิด แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เรียกว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่งอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องรอให้ฉู่ขวงออกโรง ชาวเน็ตก็พร้อมจะวิ่งเข้าไปซ้ำเติมอย่างอดใจไม่ไหว!
‘ผมแพ้แล้ว’
เดวิดเลือกที่จะนอนรอและยอมรับคำเย้ยหยัน
เมื่อเดวิดยอมรับความพ่ายแพ้ การประชันวรรณกรรมนับเป็นอันจบลง ทว่าสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือ เดวิดถึงกับกล่าวปิดการแสดงของตนเอง ‘นิทานไร้แก่นสาร อลิซผู้แปลกประหลาด ที่แท้สิ่งที่เรียกว่าแดนมหัศจรรย์คือมิติกระจกซึ่งตรงข้ามกับความเป็นจริง ผมอ่านไปครบสองรอบ และยอมรับในความพ่ายแพ้อย่างเต็มใจ’
หมอนี้ไม่ใช่แค่ยอมรับในความพ่ายแพ้!
เขายังอุตส่าห์เขียนบทวิจารณ์ยาวเหยียดเกี่ยวกับเรื่องอลิซในแดนมหัศจรรย์ โดยกล่าวชื่นชมหนังสือเรื่องนี้ของฉู่ขวง จากมุมมองของเรื่องราว ไปจนถึงการตีความของเขาเอง ราวกับลืมไปว่าตนเองเป็นผู้แพ้จากการประชันวรรณกรรม
เขาบอกว่าแดนมหัศจรรย์คือมิติกระจก
เนื่องจากภาพที่คนเราเห็นเมื่อมองในกระจกกลับกัน ในความฝันของอลิซ ตัวละครต่างๆ จะพูดเรื่องไร้สาระบางอย่างที่แปลกมากจนคนปกติมองว่าไร้เหตุผล แต่สิ่งเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้เสมอหากคุณคิดอย่างรอบคอบ
เขายังบอกว่า…
ประโยคว่า ‘ทำไมอีกาถึงเหมือนโต๊ะเขียนหนังสือ’ ในนิทานเรื่องนี้เป็นบทพูดที่จะเอียดอ่อนมาก ความหมายที่แท้จริงประโยคนี้เป็นคำสารภาพของแมดแฮตเตอร์ถึงอลิซ นอกจากนั้นเรื่องราวและคำอธิบายปรากฏในเนื้อเพลงแดนนิทานก่อนหน้านี้ จำได้ว่าเนื้อเพลงท่อนนั้นร้องไว้เช่นนี้
‘ได้ยินว่าแมดแฮตเตอร์หลงรักอลิซ’
ทำไมอีกาถึงเหมือนโต๊ะเขียนหนังสือ เพราะว่าไม่มีเหตุผล เฉกเช่นที่แมดแฮตเตอร์หลงรักอลิซก็ไม่มีเหตุผลเช่นกัน แต่รักก็คือรัก ไม่จำเป็นต้องมีหลักการหรือเหตุผลใด
ชั่วขณะหนึ่ง
ชาวเน็ตพากันครึกครื้น
อย่างไรก็ตาม บทวิจารณ์หนังสือของเดวิดก็ทำให้ทุกคนขบคิด หลายคนเริ่มเชื่อการตีความของเดวิด เพียงแต่หลายคนไม่ลืมที่จะหยอกล้อว่า ‘เดวิดกลายเป็นร่างทรงของฉู่ขวงแล้ว’
‘แต่รู้สึกดีจริงๆ ’
‘เป็นภาพสะท้อนในกระจกจริงๆ ’
‘ในตอนสุดท้ายของนิทานบอกว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอลิซฝัน แต่เรามักจะบอกว่าทุกสิ่งในความฝันนั้นตรงกันข้าม คำว่าเป็นภาพสะท้อนในกระจกจึงเหมาะสม’
‘มิน่าล่ะเดวิดถึงยอมรับ’
‘ผมยอมเลย ได้ยินว่าแมดแฮตเตอร์หลงรักอลิซ ตอนแรกคิดว่าเนื้อเพลงท่อนนี้เป็นแค่ชื่อของนิทานของฉู่ขวง นึกไม่ถึงว่ายังเป็นการอธิบายหลุมขนาดมหึมาในอลิซในแดนมหัศจรรย์ ฉู่ขวงสปอยล์เรื่องไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เพียงแต่พวกเราอ่านนิทานฉบับทางการแล้วฉุกคิดไม่ทันในตอนแรก!’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน