หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 32

รอบกายเขามีไอเหี้ยมโหด เขาก้าวมาหาฉันและยื่นมือบีบคางฉันแล้วหัวเราะเยาะ: "ซูยุ่น ผมประเมินคุณต่ำเกินไป คุณยังอยู่ดีกว่าที่ผมคิด"

ฉันถูกคำพูดประชดประชันของเขาและฉันใช้แรงผลักเขาออกไป"ประธานลู่ชมกันแล้ว ชีวิตคุณก็ไม่เลวฉันได้ยินมาว่าประธานลู่และ คุณหนูจ้าวคนนั้นสนิทสนมกันมากเทียบกับประธานลู่ ฉันยังสู้ไม่ได้เลย "

ฉันรู้ว่าฉันควรจะมีเหตุผลมากกว่านี้ จากกันแบบนี้ดีแล้ว แต่เมื่อฉันนึกถึงหน้าจอทีวีที่เต็มไปด้วยข่าวของเขาและจ้าวชิงหรัน ฉันรู้สึกราวกับว่าหัวใจของฉันถูกแช่ในโถน้ำส้มสายชู

ฉันรู้ว่าไม่ควร แต่กลับทนไม่ได้ที่จะพูดออกมา

นัยต์ตาของเขาเป็นประกาย เขาเลิกคิ้วแล้วมองมาที่ฉัน: "ซูยุ่นคุณหึงเหรอ"

สติฉันกระเจิงเพราะเขา ฉันรู้สึกอับอายในเวลานี้ มีเสียงนุ่มนวลของผู้หญิงดังขึ้นมา: "จือสิง"

ฉันผงะและเมื่อหันกลับไปมองจึงพบว่านั้นคือจ้าวชิงหรัน ฉันก็อดยิ้มไม่ได้: "ประธานลู่ ฉันไม่ได้หึงค่ะ แต่คุณหนูจ้าวหึงฉันหรือเปล่าฉันก็ไม่รู้”

เมื่อพูดจบฉันก็หมุนตัวเดินจากไป แล้วฉันก็ไม่ได้มองเขาอีก

แท็กซี่จอดรถพอดี ฉันรอให้คนข้างในออกมาแล้วรีบยกเท้าขึ้นรถนั่งลงทันที: "คนขับ รบกวนไปที่โรงพยาบาลในเมือง”

เมื่อฉันไปถึงโรงพยาบาลยายก็หลับไปแล้ว หมอบอกฉันว่าช่วงนี้คุณยายของฉันมีจิตใจแจ่มใส แต่หลังจากนี้ขาของเธอไม่สามารถเดินได้ปกติแล้ว

ฉันไม่กล้าปลุกคุณยาย ฉันนั่งอยู่หน้าเตียงทำได้แค่กัดฟันและปล่อยให้น้ำตาร่วงอย่างเงียบๆ

ฉันนั่งอยู่ในโรงพยาบาลจนถึง 11 โมงแล้วกลับเข้าบ้าน หลังอาบน้ำเสร็จแล้วเข้านอน แต่กลับนอนไม่หลับ

ฉันพลิกตัวตลอดทั้งคืน ฉันหวนคิดถึงการที่ได้รู้จักลู่จือสิงตลอดหนึ่งปี ฉันไม่เคยคิดเลยว่าปีหนึ่งที่ผ่านมา ฉันและลู่จือซิงมีเรื่องหลายสิ่งเกิดขึ้นมากมาย

ฉันไม่คิดด้วยซ้ำว่าฉันกับเขาจะมีวันหนึ่งที่เกือบจะกลายเป็นสามีภรรยากัน

ฉันกึ่งหลับกึ่งตื่นจนถึงสามทุ่มจึงพลอยหลับไป

วันที่สองอีกนิดก็เกือบเข้างานสายแล้ว เมื่อถึงออฟฟิตพบว่าเพื่อนร่วมงานที่ปาร์ตี้ด้วยกันเมื่อคืนล้วนอารมณ์ไม่ดี

ผิงผิงยิ้มอย่างเขินอายเมื่อเธอเห็นฉัน: "ซูยุ่น เมื่อคืนฉันรู้สึกอายมาก ฉันเมามากและมันทำให้เธอเดือดร้อน"

ฉันยิ้มและส่ายหัว: "ไม่เป็นไร ฉันแค่คิดไม่ถึงว่าเธอจะคออ่อน "

“ใช่แล้ว ฉันคออ่อนยังชอบดื่ม ดังนั้นจึงเมาบ่อยๆ”

เราสองคนคุยกันหัวหน้าทีมก็มาตามเราเพื่อประชุม

อาจจะเป็นเพราะทำงานติดต่อกันห้าวัน วันที่หกทุกคนจึงหมดแรง

ระหว่างการประชุมฉันมักจะฟุ้งซ่านบ่อย ฉันถูกผิงผิงพูดถึงหลายครั้งจนฉันจะรู้สึกอับอาย

“เอาล่ะ พรุ่งนี้ก็หยุดแล้วปลุกกำลังใจออกมาและทำตามแผนวันนี้ เลิกประชุม”

ฉันพึ่งเดินออกจากห้องประชุมโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หมายเลขผู้โทรมาจากโรงพยาบาลของคุณยาย ฉันรีบกดรับสายทันที "สวัสดีค่ะ"

"คุณซูยุ่น คุณยายคุณประสบอุบัติเหตุตอนนี้อยู่ห้องฉุกเฉินกรุณามาที่โรงพยาบาลโดยด่วนค่ะ"

หลังจากที่ฉันได้ยินก็อึ้งไป ฉันเหลือบมองไปที่ผิงผิงและพูดอย่างติดขัดว่า "ฉันต้องไปโรงพยาบาล คุณยายฉันประสบอุบัติเหตุ ผิงผิงช่วยฉันลางานด้วย"

พูดจบ ฉันก็รีบวิ่งออกไป ผิงผิงอยู่ด้านหลังฉันแล้วบอกว่าไม่ต้องรีบร้อน แต่ฉันจะไม่รีบร้อนได้อย่างไรคุณยายฉันอยู๋ห้องฉุกเฉิน

เนื่องจากฉันรีบร้อนวิ่งออกมาจากลิฟต์ล้มลงจนเข่าฉันถูกรอยถลก แต่ฉันไม่มีคิดที่จะสนใจมันฉันลุกขึ้นแล้วฉันก็วิ่งออกไปข้างนอก

ฉันวิ่งไปกลางถนนหยุดรถแท็กซี่ เพื่อพาฉันไปโรงพยาบาลทันที มองไปที่ไฟแดงข้างหน้าฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกลัวขนาดนี้มาก่อน

รอแค่ไม่กี่นาที แต่ดูเหมือนว่าผ่านไปนานหลายศตวรรษ

เมื่อไฟเขียวฉันมองไปที่คนขับดวงตาแดงก่ำ "คนขับรถ คุณขับเร็วกว่านี้ได้ไหมคุณยายฉันอยู่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล"

คนขับมองมาที่ให้ฉันไม่ต้องกังวล เขาจะรีบขับไปให้เร็วที่สุด

ฉันใจเย็นลงเมื่อความเร็วรถเพิ่มขึ้น แต่สำหรับฉันมันยังช้าอยู่

ในที่สุดเมื่อฉันถึงทางเข้าโรงพยาบาล ฉันโยนเงินหนึ่งร้อยหยวนแล้ววิ่งเข้าไปข้างในทันที

ฉันรีบไปถึงห้องฉุกเฉินและไฟยังคงเปิดอยู่ บนทางเดินยาวไม่มีใครอยู่สักคน มีเพียงฉันยืนอยู่ตรงนั่นคนเดียว เมื่อความหนาวเหน็บมาถึง ฉันได้แต่กอดตัวเองไว้แน่น

ฉันไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดประตูก็เปิดออก แต่หมอกลับเห็นฉันได้แต่ส่ายหัว: "ขอโทษครับ เราพยายามเต็มที่แล้วคุณยายของคุณทนกินยาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอเหลือเวลาไม่มากสองสามวันนี้คุณก็มาอยู่เป็นเพื่อนเธอเถอะครับ "

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้