รถบนท้องถนนนั้นมีไม่มากนักคนขับรถจึงขับเร็วขึ้น สายลมที่พัดผ่านทางร่องหน้าต่างเข้ามานั้นทำให้รู้สึกเย็น แต่ว่าฝ่ามือฉันนั้นกลับร้อน
ฉันนั้นไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้นั้นผิดหรือว่าถูก แต่ว่าฉันซูยุ่นคนนี้แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเป็นคนพาล แม้ว่าลู่เว่ยกั๋วจะอยากแยกฉันออกจากลู่จือสิง งั้นฉันก็จะทำให้เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
ฉันเคยมาคฤหาสน์สกุลลู่อยู่ครั้งหนึ่ง เดิมทีคนสกุลนี้มีคนเยอะอยู่แล้ววันนี้กลับมีเยอะขึ้นไปอีก รถยนต์ที่ขับออกมาจากซอยล้วนมุ่งตรงไปยังประตูบ้านสกุลลู่
ฉันให้คนขับรถส่งฉันริมทาง และฉันจะเดินเข้าไปเอง
ลู่เว่ยกั๋วคิดไม่ถึงว่าวันนี้ฉันจะกลับมา ถึงแม้ว่าเขาจะให้เวรยามเฝ้าจำนวนมาก แต่ว่าฉันก็สามารถเข้าไปได้โดยไม่ต้องรับคำรับเชิญ
บริเวณลานบ้านมีคนไม่น้อย งานยังไม่ทันได้เริ่มขึ้น ฉันจึงมีโอกาสหาที่ซ่อน
ฉันไม่อยากจะเจอกับหยาวตันตันมากที่สุด ไม่อย่างนั้นสิ่งที่พยายามก็จะล้มเหลวหมด
ท้องฟ้าเริ่มมืด ผู้คนที่อยู่ในสวนดอกไม้เริ่มเดินไปด้านข้างคฤหาสน์ พอดูเวลาก็พบว่าหกโมงครึ่งแล้ว ซึ่งใกล้เวลาเปิดงาน
ฉันได้เดินปะปนกันแขกเพื่อเข้าไปยังคฤหาสน์ พอเข้าประตูก็เจอกับหยาวตันตันและถันฮ่าวอวี่ พอฉันได้สติก็รีบหมุนตัวหลบ มือที่ถือกระเป๋าก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
"ทำไมยังไม่เห็นน้าอีก วันนี้เป็นวันเกิดของคุณตา ทำไมวันนี้น้าไม่กลับมาในวันเกิดของคุณตา"
"อย่าพึ่งใจร้อน ท่านประธานลู่อาจจะกำลังติดธุระอยู่ที่บริษัท วันนี้วันเกิดของคุณท่าน ประธานลู่จะไม่มาได้อย่างไร"
“เฮ้ คุณน้าคงไม่ใช่ไปหานางจิ้งจอกซูยุ่นนั้นหรอกนะ"
เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองคนฉันก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ลู่จือสิงยังไม่กลับมาเหรอ ถ้าเขาไม่กลับมา ก็จะไม่มีตัวเอกในงานของฉันในวันนี้
ทันใดนั้นไฟในห้องโถงก็มืดลงและพิธีกรบนเวทีก็เดินถือไมโครโฟนออกมาหลังจากกล่าวเปิดงาน ลู่เว่ยกั๋วก็พาจงฮุยหรานขึ้นไปบนเวที และมีเสียงปรบมือจากด้านล่างเวที
ในเวลานี้อยู่ๆก็มีเสียงจากทางประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน ฉันหันหน้าออกไปมองและพบว่าลู่จือสิงและจ้าวชิงหราน กำลังเดินเข้ามา
ฉันยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน และดูทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันเข้ามา ฉันคงต้องบอกว่าทั้งสองคนช่างดูดีจริงๆ
ฉันหยุดสายตา และย้ายไปที่ด้านหลังเวทีอย่างเงียบ ๆ
“ ซูยุ่นเหรอ? ทำไมเธอถึงมาที่นี่?”
เสียงของหยาวตันตันดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก ฉันยกมือขึ้นผลักเธอออกไป และตรงไปที่เวที
"เ่อ่อ......... นี่ใคร!"
ผู้คนในกลุ่มผู้ชมต่างพากันตกตะลึงลู่เว่ยกั๋วมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่ ฉันแค่เหลือบมองเขายกมือขึ้นและคว้าไมโครโฟนของเจ้าภาพ
“คุณผู้หญิงท่านนี้ ขอถามหน่อยคุณ...”
ฝ่ามือของฉันชุ่มเหงื่อ แต่ฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถหันหลังกลับได้อีกแล้ว เหมือนกับคืนนั้นตอนที่ฉันเอื้อมมือไปโอบกอดลู่จื่อสิงในคืนนั้น ฉันไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีกแล้ว
ฉันมองลงไปที่ลู่จือสิงที่อยู่ด้านล่างของเวที เขายืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเขาไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา และเมื่อมองสบตามาที่ฉัน ทุกคนรอบข้างกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ก็มีแค่เพียงเขาที่ยืนแยกออกมาอย่างโดดเดี่ยว
เขามองฉันแบบนี้ราวกับว่ามองออกอย่างทะลุปรุโปรง
"คุณผู้หญิง คุณช่วย..."
พิธีกรกำลังจะเข้ามาคว้าไมโครโฟนไว้ในมือ ฉันก้าวไปอีกก้าว กัดฟันและไม่ปล่อยให้ตัวเองลังเล: "แขกรับเชิญทุกท่าน วันนี้เป็นวันเกิดของลุงลู่ ในวันเฉลิมฉลองเช่นนี้ฉันก็อยากจะอวยพร ขอให้วันนี้ลุงลู่มีความสุข
"ซูยุ่น เธอทำอะไร ลงมาเดี๋ยวนี้"
คนที่พูดคือจงฮุ่ยหราน ฉันไม่ได้สนใจเธอ มองลู่จือสิงแล้วพูดทีละคำว่า "ลู่จือสิง ครั้งก่อนที่คุณถามฉันว่าฉันยินดีจะแต่งงานกับคุณไหม ฉันไม่มีความกล้าที่จะตอบ วันนี้ฉันใช้วันครบรอบอายุหกสิบปีของคุณลุง ฉันจะใช้ความกล้าหาญทั้งหมดของฉันที่มีขอคุณแต่งงาน ลู่จือสิง ฉันจะถามคุณครั้งเดียวเท่านั้น คุณยินดีที่จะแต่งงานกับฉันไหม"
ทันทีที่เสียงของฉันสิ้นสุดลง ใบหน้าของจ้าวชิงหรานที่อยู่ข้างๆลู่จือสิงก็ซีดลง ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรกับลู่จือสิง แต่ลู่จือสิงไม่ตอบสนองต่อเธอ
กลุ่มผู้คนด้านล่างของเวทีก็เริ่มเสียงดังขึ้น ลู่เหว่ยกั๋วโกรธมากจนตัวสั่น จงฮุ่ยหรานช่วยปลอบเขาไม่หยุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้