ฉันมองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดสองคนที่กำลังเดินเข้ามาและยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
ฉันวางทุกอย่างเป็นเดิมพัน แต่กลับพ่ายแพ้ให้ลู่จือสิงอย่างหมดท่า
แต่ก่อนที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนนั้นจะมาถึงตัวฉัน จู่ๆ ลู่จือสิงก้าวเข้ามาขวางไว้ “เดี๋ยวก่อน”
ทันใดนั้นเขาก็คุกเข่าลงตรงหน้าฉัน “ผมไม่ยอมรับการขอแต่งงานของคุณ ซูยุ่น เพราะการขอแต่งงานมันเป็นหน้าที่ของผู้ชาย”
“ไอ้ลูกเวร!”
เสียงของลู่เว่ยกั๋วดังขึ้น ฉันยืนอยู่ตรงนั่น ยังตกใจไม่หายกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้
“ซูยุ่น ครั้งสุดท้ายที่ผมขอคุณแต่งงาน คุณบอกว่าผมหุนหันพลันแล่น แต่วันนี้... ต่อหน้าผู้คนมากมาย ผมจะถามคุณอีกครั้งว่า... คุณอจะแต่งงานกับผมไหม”
"คุณน้าบ้าไปแล้วเหรอ! ผู้หญิงคนนี้เข้าหาคุณน้าเพราะมีเจตนาแอบแฝงนะ แต่ตอนนี้คุณน้า..."
หยาวตันตันกรีดร้องด้วยความผิดหวัง แต่ถูกลู่จือสิงปรามด้วยสายตาจึงไม่กล้าพูดอะไรต่อ
ฉันคว้าไมโครโฟนมาจากพิธีกรและมองลู่จือสิงพร้อมกับพูดเสียงดังว่า “ฉันตกลง ลู่จือสิง ฉันตกลง”
เสียงตะโกนของฉันแทบจะดังไปทั่วคฤหาสน์
ในตอนนี้ฉันแยกไม่ออกแล้วว่าฉันยอมแต่งงานกับลู่จือสิงเพราะอยากแก้แค้นลู่เว่ยกั๋วหรือเพราะฉันรักลู่จือสิงกันแน่ แต่ฉันรู้แค่ว่าฉันอยากแต่งงานกับเขา
ทันทีที่ฉันพูดจบ ลู่จือสิงก็ลุกขึ้นยืนและจูงมือฉันไป
สีหน้าของลู่เว่ยกั๋วที่ยืนอยู่ข้างๆ แดงก่ำด้วยความโกรธ จงฮุ่ยหรานลุกยืนขวางพวกเราไว้ “จือสิง คุณคิดดีแล้วหรือ ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดานะ คุณเห็นมั้ยว่าพ่อของคุณโกรธแค่ไหน!”
“จือสิง คุณไม่ได้บอกหรือว่าคุณจะไม่เชื่อใจซูยุ่นอีกแล้วน่ะ? เธอโกหกคุณมาตลอด ตอนนี้เธอก็กำลังโกหกคุณ คุณดูไม่ออกหรือไง? ดูเธอสิ เธอกำลังยิ้ม แผนของเธอสำเร็จแล้ว เธอกำลังยิ้ม!”
น้ำเสียงของจ้าวชิงหรานเกือบจะเป็นอ้อนวอน เธอเข้ามาขวางลู่จือสิงไว้ แต่เขากลับสลัดเธอออกไป “จ้าวชิงหราน คุณไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย”
สีหน้าของจ้าวชิงหรานซีดเผือดลงไปทันที
ฉันขมวดคิ้วมองเธออย่างสงสัย แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ยังไม่เหมาะที่จะถามอะไร
"มากับฉัน"
ลู่จือสิงหันกลับมาและพาฉันเดินต่อไป
วันนี้ฉันใส่รองเท้าส้นเข็มเพื่อให้เข้ากับชุดกระโปรงที่ใส่มา ลู่จือสิงเดินเร็วมากจนฉันเกือบสะดุดชายกระโปรงของตัวเองล้มอยู่หลายครั้ง
เขาปล่อยมือฉันเมื่อลงมาจากเวทีก่อนจะอุ้มฉันขึ้นมาอย่างไม่ทันให้ฉันได้ตั้งตัว
มีหลายคนมองเราอยู่ตลอดทาง แต่ตราบเท่าที่ลู่จือสิงอุ้มฉันเดินไปอย่างนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร
ฉันมองลู่จือสิงด้วยความรู้สึกสุขปนเศร้า
เขาอาจจะรักฉันก็ได้ใช่ไหม... ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้ารับปากว่าจะแต่งงานกับฉันต่อหน้าลู่เว่ยกั๋วแบบนั้น
ไม่นานเราก็มาถึงรถ เขาอุ้มฉันขึ้นไปนั่งที่เบาะข้างคนขับก่อนที่ตัวเองจะเดินอ้อมไปนั่งที่เบาะอีกฝั่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ขณะที่รถออกตัว ฉันมองผ่านกระจกหลังก็เห็นว่าจ้าวชิงหรานและหยาวตันตันกำลังไล่ตามมาด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด
ฉันเหลือบไปมองลู่จือสิง เขารู้ตัวว่าถูกมองจึงเหลือบมามองฉันบ้าง
เมื่อถึงที่หมายและรถหยุดสนิทแล้ว ลู่จือสิงจึงบอกให้ฉันลงจากรถ
ฉันมองลานจอดรถที่คุ้นเคยตรงหน้าอย่างงงๆ ก่อนจะถูกเขาที่เพิ่งเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ ดึงตัวออกมาจากรถ
ฉันที่ยืนไม่มั่นคงอยู่แล้วเพราะใส่รองเท้าส้นสูงเกือบสี่นิ้ว พอถูกดึงลงมาอย่างนั้นจึงล้มลงไปทันที
ลู่จือสิงเหลือบสายตามองฉันอย่างไม่แยแส ก่อนจะอุ้มฉันขึ้นไป “ก็แค่รองเท้าส้นสูง”
ฉันอยากจะเถียง แต่พอเห็นสายตาที่จ้องเขม็งมาจึงหยุดไว้
เราไม่ได้พูดกันเลยตลอดทาง ในลิฟต์เงียบสนิทจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของฉันกับเขา ซึ่งนั่นทำให้ใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ
ทันทีที่ประตูเปิดออก เขาก็ดันฉันไปติดผนังห้องและโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้
ฉันหลับตาลงเพราะคิดว่าเขาจะจูบฉัน แต่หลังจากผ่านไปหลายวินาทีก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันจึงลืมตาขึ้นมาและพบว่าลู่จือสิงกำลังมองฉันอยู่
เขามองฉันอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยมือและเดินไปนั่งลงที่โซฟาแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ
พอเห็นเขาเริ่มสูบบุหรี่มวนที่สี่ฉันก็ทนไม่ได้ ดึงบุหรี่ออกจากมือเขา “หยุดสูบได้แล้ว”
เขาหันมามองฉันด้วยสายตาเย็นชา “ไหนบอกว่าจะไม่ยุ่งกับผมไง”
ฉันชะงักไปนิดหนึ่งและตอบกลับอย่างไม่ยอมทน “คุณบอกว่ารังเกียจฉันไม่ใช่เหรอ ประธานลู่”
ฉันไม่ชอบท่าทีแบบนี้ของลู่จือสิงจึงฉวยไฟแช็กในมือเขาโยนทิ้งไป ก่อนจะลุกขึ้นนั่งคร่อมบนตักและใช้แขนโอบรอบคอของเขาไว้ ฉันมองเขาและจูบไปที่ลูกกระเดือกตรงหน้า “รังเกียจไหม ลู่จือสิง”
เขายังคงนิ่งไม่ไหวติงขณะที่ฉันกำลังคิดถึงเรื่องของยายและลูกด้วยความรู้สึกน้อยใจเหลือเกิน แล้วฉันก็กัดไปที่ลำคอของเขา
เริ่มมีเลือดซึมออกมา ลู่จือสิงพ่นลมหายใจก่อนจะดันศีรษะฉันออก “เธอเป็นหมาหรือไงซูยุ่น ถึงจะกัดคน!”
ฉันชายตามองเขาแล้วยิ้ม หยิบปากกาบันทึกเสียงที่บันทึกคำพูดของหมอเฉินจากกระเป๋าออกมาให้เขาฟัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้