ในคืนนั้นฉันเพิ่งรู้ว่าที่แท้อาหารมื้อนั้น ไม่เพียงแต่มีผู้คนที่พวกเราร่วมลงมือด้วยเท่านั้น แต่ยังมีผู้นำของพันธมิตรและตัวแทนของนักลงทุนทั้งสองฝ่ายด้วย
"พระเจ้า ซูยุ่น ไม่ใช่เพียงอาหารหนึ่งมื้อหรอกเหรอ ทำไมถึงมีคนใหญ่คนโตล่ะซูยุ่น!"
ทันทีที่หลี่เจียนีทราบข่าวเธอก็กระโดดโลดแล่นลงมาจากห้องของเธอ
ฉันเองก็คาดไม่ถึง "ช่างเถอะ นี่คือมื้ออาหารครั้งสุดท้าย ไม่ต้องคิดมากมาย เราแค่นั่งเงียบๆและทานอาหารก็พอ"
เห็นได้ชัดว่าหลี่เจียนีนั้นคิดต่างจากฉัน "เธอว่าพวกเราควรใส่ชุดแบบไหนดี? นี่มันงานเร่งรีบ ฉันหยิบมาเพียงแต่ชุดธรรมดาเท่านั้น!"
ฉันหัวเราะเบาๆและคว้าเธอเอาไว้ "เจียนี เธอไม่ต้องรนขนาดนั้น แค่กินข้าวหนึ่งมื้อ ไม่ใช่การนัดบอดเสียหน่อย เธอจะสนใจอะไรว่าควรใส่ชุดไหน?"
หลี่เจียนีเม้มริมฝีปาก "ถ้าเกิดล่ะ? เผื่อว่าจะมีหนุ่มหล่อเป็นหนุ่มโสดแสนรวย ฉันจะต้องคว้าเอาไว้ให้ได้ เธอไม่รู้หรอกว่าแม่ฉันแนะนำผู้ชายมาแต่ละคนนั้นย่ำแย่มาก"
โอ้ ฉันลืมเลยว่าหลี่เจียนีนั้นเป็นสาวโสดที่อายุไม่ใช่น้อยๆแล้ว
ในวัยเดียวกับฉัน ลูกชายของฉันอายุมากกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่เธอนั้นไม่เคยพบเจอเรื่องราวความรักเลย
แน่นอนว่าเธอไม่รู้ว่าฉันนั้นมีลูกชายแล้ว ถ้าหากว่าเธอได้รู้เข้า เธออาจจะโหวกเหวกโวยวายมากกว่านี้ก็เป็นได้
ฉันก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ทำได้เพียงแค่ปล่อยเธอไป "ก็ได้ งั้นเธอรีบไปเลือก ถ้าหากว่าไปสาย หนุ่มโสดหล่อรวยอาจจะมองข้ามเธอไปก็ได้!"
"เฮอะ!" เธอเย้ยหยัน จะเอาชนะฉัน “ซูยุ่น เธอก็เป็นเสียแบบนี้ อย่าเสียเวลาเลย แต่งตัวเร็ว วันนี้ฉันจะฮอตให้ดู ทำให้หลี่ลี่ชิงเห็นว่าอะไรที่เรียกว่าความแตกต่าง!”
หลี่เจียนีรู้ว่าฉันและฉีซิ่วหรานนั้นเป็นเพื่อนก่อน ก่อนหน้านี้ฉีซิ่วหรานนั้นมารับฉันที่บริษัทและเธอนั้นเห็นอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นเธอจึงถาม ตอนนั้นฉันอธิบายไปแล้วว่าเป็นเพียงเพื่อนเคยร่วมงานกันและไม่ได้อธิบายรายละเอียดต่างๆ
หลังจากนั้นฉีซิ่วหรานก็ไม่ได้ปรากฎตัวออกมาอีก หลี่เจียนีจึงเชื่อ
"เร็วเข้า ฉันจะบอกเธอให้ เธอจะไม่รีบก็ได้แต่หากว่าผู้หญิงเราเมื่อถึงอายุแล้วจริงๆก็จะมีคนอื่นเข้ามาหาเธอ"
ฉันไม่เห็นด้วยกับมุมมองของหลี่เจียนี แต่ฉันไม่อยากโต้เถียงกับเธอฉันจึงไม่พูดอะไร "ไม่ล่ะ เธอไปเถอะ ฉันปวดมือ"
สุดท้ายแล้ว เมื่อฉันบอกว่าฉันปวดมือ หลี่เจียนีก็ไม่กล้ากล่าวอะไรอีก "ก็ได้ แต่ใบหน้าของเธอนั้นสวยจริงๆ"
ฉันยิ้มเล็กน้อยและไม่กล่าวอะไร
รอยแผลน้ำร้อนลวกหลังจากสี่วันผ่านไปแล้วก็ไม่ได้เจ็บเท่ากับสองวันก่อนหน้านี้
ในช่วงกลางคืนของเดือนพฤษภาคม เมืองAนั้นยังคงหนาวอยู่เล็กน้อย ฉันสวมเสื้อแขนกุด ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวหลวมๆ และสวมกางเกงยีนส์คู่กับรองเท้าส้นเตี้ย ดูแล้วเหมาะสมกับงานมื้ออาหารค่ำอยู่ทีเดียว
หลี่เจียนีนั้นใช้ช่วงเวลาสั้นๆประมาณสองชั่วโมง ในการซื้อเดรสกระโปรงในห้างสรรพสินค้าใกล้ๆและสวมโค้ทตัวเล็กทับไว้ ไม่ได้ดูหรูหรา แต่ก็สะดุดตาไม่น้อย
หลังจากแต่งหน้าเสร็จ เธอจงใจหันมาหาฉัน "เป็นไง ทำให้เธอหลงใหลได้หรือเปล่า?"
“ได้แล้ว เธอวางใจเถอะ เมื่อถึงเวลาหนุ่มโสดหน้าตาดีแสนร่ำรวยก็จะกองอยู่ใต้เท้าเธอ!”
"เฮอะ คำพูดของเธอนั้นดูไม่มีความจริงจังเลย!?"
ฉันเลิกคิ้วขึ้น "ฉันดูมีอะไรหรือไง? ความคิดของเธอทำร้ายเธอเอง อย่ามากล่าวหากัน เหอะเหอะ คำพูดนั้นไม่ได้หมายความแบบนั้นเสียหน่อย"
หลังจากหยอกล้อกันอยู่ หลินเจี้ยนเฟิงก็ได้เข้ามาเคาะประตู
สถานที่่ทานข้าวนั้นค่อนข้างไกล ฉันและหลี่เจียนีจึงคิดเรียกแท็กซี่แต่หลินเจี้ยนเฟิงนั้นยืนยันที่จะไปส่งเรา
"แผลของคุณ เอาผ้าก๊อซทำแผลออกหรือยัง?"
ทันทีที่ฉันขึ้นรถ หลินเจี้ยนเฟิงก็หันกลับมาและถามฉัน
ฉันส่ายหน้า "เปล่า ฉันคิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกสามสี่วัน"
วันนี้ตอนที่ไปทำแผล รอยแผลก็เริ่มลอกยาวขึ้น แต่บาดแผลนั้นค่อนข้างรุนแรง ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันในการเอาผ้าก๊อซออก
"แผลของคุณจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ไหม?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้