ฉันไม่คิดว่าจะได้พบหยาวตันตันที่สนามบินอีกครั้งหลังจากที่เวลาผ่านไปแล้วสามปี
หลังจากที่หยาวตันตันแท้งลูก ถันฮ่าวอวี่ก็พบว่าเธอมีความสัมพันธ์ลับๆ กับหลัวจินจนทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงในภายหลัง แต่ตอนนั้นปู่ของลู่จือสิงเพิ่งจากไป ฉันจึงไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจเรื่องของเธอนัก
ลู่จือสิงไม่ได้ให้เงินทุนกู้ยืมแก่บริษัทของหยาวจงมู่ บริษัทของหยาวจงมู่จึงล้มละลายไปในที่สุด แต่หลังจากที่คุณปู่เสียชีวิต ท่านก็ได้ให้เงินก้อนหนึ่งแก่ลู่หงฉิง
หยาวตันตันใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายจนเคยชิน เงินแค่ไม่กี่สิบล้านเธอจะใช้ได้นานแค่ไหนกัน?
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าสามปีผ่านไปหยาวตันตันจะมีชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าที่ฉันคิด
สามปีมานี้เธอดูมีความอดทนมากกว่าเมื่อก่อนมาก ถึงขนาดยิ้มให้ขณะที่มองฉัน "ไม่คิดเลยว่าคุณกับคุณน้าของฉันจะยังคบกันอยู่"
เธอลากเสียงยาวในตอนท้าย ความประชดชันในแววตาปรากฏออกมาอย่างเด่นชัด
แต่เธอไม่เหมือนเมื่อก่อนที่พอเห็นฉันทีไรก็กลายเป็นเหมือนหมาบ้าที่พุ่งเข้ามาหวังจะกัดฉัน ตอนนี้เธอหัดพูดจายอกย้อนเป็นแล้ว
ฉันยิ้มตอบ "ไม่คิดเลยว่าคุณจะยังมีชีวิตที่สะดวกสบายดี"
ฉันไม่รู้ว่าไปพูดจี้จุดอะไรเข้า สีหน้าของหยาวตันตันจึงเปลี่ยนไปนิดหนึ่งก่อนจะกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว "เพราะไม่มีคุณฉันถึงได้สุขสบายดีไงคะคุณน้า มีคนรอฉันอยู่ ไว้โอกาสหน้าคงได้คุยกันนานกว่านี้!"
เธอพูดพลางโบกมือแล้วก็เดินจากไปเลย
ฉันยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งหลังจากที่ถูกหยาวตันตันเรียกว่าน้า
เมื่อรู้สึกตัวก็อดหันกลับไปมองไม่ได้ แล้วฉันก็พบว่ามีชายวัยห้าสิบกว่าๆ คนหนึ่งกำลังโอบกอดเธออยู่
ในสถานที่ที่มีผู้คนสัญจรไปมาแบบนี้ มือของชายคนนั้นกำลังลูบไล้อยู่เอวของเธอ ก่อนจะเลื่อนลงไปบีบคลึงอยู่ที่สะโพก
ฉันถึงกับขมวดคิ้วแล้วหันไปมองลู่จือสิงที่อยู่ข้างๆ "ตอนนี้ชีวิตของหยาวตันตันเป็นยังไงบ้างคะ?"
ลู่จือสิงทำเสียงฮึอย่างเย็นชา "ตามจับผู้ชายรวยๆ"
ฉันเข้าใจละ... ไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้เธอยังคงแต่งตัวพริ้งพราวแถมยังถือกระเป๋าใบละหลายหมื่น
ฉันบอกได้เลยว่าจากการใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายของหยาวตันตัน เงินหลายสิบล้านที่ลู่หงฉิงได้มาจากคุณปู่ของลู่จือสิงต้องเอาไปใช้หนี้หลายสิบล้านให้หยาวจงมู่สามีของเธอ เงินที่เหลืออีกสองล้านกว่าคงพอให้หยาวตันตันใช้ได้แค่ปีเดียว
ขณะที่กำลังคิดๆ อยู่นั้น ลู่จือสิงก็คว้าข้อมือของฉันไว้
ฉันตกใจ พอเงยหน้าขึ้นไปก็พบว่าเขากำลังจ้องมองฉันด้วยสายตาที่เป็นประกายแวววาว "ซูยุ่น เรากลับบ้านกันเถอะ"
ในพริบตานั้น หัวใจของฉันก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาเมื่อเห็นสายตาที่เขาจ้องมอง ฉันพยักหน้ารับ “อื้ม"
ระหว่างทางฉันไม่ได้พูดอะไรมากนัก ฉันมองไปนอกหน้าต่างรถขณะที่เป้ยเปยกำลังเล่นกับลู่จือสิง รู้สึกว่าภาพตรงหน้านี้เป็นภาพที่ฉันคุ้นเคย แต่ก็ไม่ใช่แบบที่ฉันคุ้นเคยเสียทีเดียว
สามปีที่ผ่านมาคุณบอกว่าเมือง A เปลี่ยนแปลงไปมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุณบอกว่ามันไม่ได้ต่างไปจากเดิม แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันมีบางอย่างที่แตกต่างออกไป
ฉันใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะรู้ตัวว่ารถจอดสนิทแล้ว
เมื่อเปิดประตูออกมาก็พบว่าลู่จือสิงกำลังอุ้มเป้ยเปยรอฉันอยู่ข้างๆ
เป้ยเปยดูตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้มาเห็นสภาพแวดล้อมใหม่ เขามองฉันและตะโกนเรียกตลอดเวลาว่า "มาม่า มาม่า!"
ฉันยิ้มให้แล้วยกมือขึ้นจับมือเล็กๆ ของเขา "รู้แล้วจ้ะ พรุ่งนี้แม่จะพาหนูออกไปเล่นนะ"
ยิ่งเป้ยเปยโตขึ้นเขาก็ยิ่งชอบอะไรที่แปลกใหม่มากขึ้น
ตอนนี้เรามาถึงสถานที่ของหัวใจแล้ว ฉันได้อยู่เคียงข้างกับลู่จือสิงอีกครั้ง เขาไม่มีหวาดกลัวเลยสักนิด ในทางกลับกันเขากลับตื่นเต้นมากๆ
ลู่จือสิงที่อยู่ข้างๆ หันมามองฉัน "ไปกันเถอะ"
ฉันพยักหน้าและก้าวเดินตามเขาเข้าไป
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฉันจากที่นี่ไปนานหรือเปล่าจึงรู้สึกกลัวที่จะกลับไปยังสถานที่ที่ฉันเคยใช้ชีวิตร่วมกับเขามานานกว่าหนึ่งปีขึ้นมา จนเผลอก้าวถอยหลังกลับไปเล็กน้อย
ลู่จือสิงและเป้ยเปยเดินไปถึงประตูลิฟต์แล้ว พวกเขาหันกลับมามองฉัน ต่างคนต่างก็ร้องเรียก
"มาม่า"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้