เจิ้งเยว่ช่วยฉันถือของไปถึงด้านในห้อง ฉันตามไปข้างๆเธอ รู้สึกเกรงใจจริงๆ
เวลานี้ก็บ่ายสี่โมงกว่าแล้ว ไม่ถึงเวลาอาหารกลางวัน เวลาอาหารกลางวันก็ผ่านไปแล้ว
ฉันทานอาหารเล็กๆน้อยๆบนเครื่องบิน แต่รถติดนานขนาดนี้ ก็หิวเล็กน้อย
ด้านนอกหิมะตกหนัก ฉันก็เกรงใจที่จะให้เจิ้งเยว่พาฉันไปทานอาหาร เลยคิดว่าคงสั่งเดลิเวอรี่มาก็พอ
แต่คาดไม่ถึงว่าเจิ้งเยว่จะเอ่ยออกมาเอง: "คุณซู ใกล้ๆนี้มีภัตตาคารอยู่หลังนึง อร่อยดีนะ คุณอยากไปทานสักหน่อยไหม?"
ฉันชะงักไปเล็กน้อย: "ไม่รบกวนคุณใช่ไหม?"
"ไม่รบกวน วันนี้ฉันก็เกรงใจมากแล้ว คุณนั่งเครื่องบินมาสามชั่วโมงกว่า ยังมารถติดบนถนนอีก จะต้องหิวแน่นอน"
เธอพูดอย่างนี้ ฉันก็ปฏิเสธไม่ได้ "อย่างนั้นก็ขอบคุณคุณ"
"คุณซูคุณเกรงใจไปแล้ว"
ฉันก็ไม่อยากรบกวนเวลาของเธอ วางแผนว่าทานอาหารเสร็จกลับมาแล้วก็จะจัดเก็บของอีกที
ถึงแม้ว่าคืนนี้จะมีงานเลี้ยง แต่ก็คือเวลาทุ่มกว่า นี่ยังมีเวลาอีกสามชั่วโมงกว่า ฉันยังสามารถนอนกลางวันได้
เจิ้งเยว่บอกว่าภัตตาคารไม่ไกล ออกมาจากโรงแรมเลี้ยวข้ามถนนก็ถึงทางเข้าซอยด้านขวา เดินเข้าไปประมาณสิบเมตรก็จะพบ
เจิ้งเยว่แนะนำบะหมี่ที่อร่อยที่สุด ฉันสั่งมาชุดนึง แต่ฉันชอบรสชาติที่ค่อนข้างไม่จัด ทางด้านของพวกเขาค่อนข้างใส่เกลือหนักหน่อย
อาหารการกินนี้เป็นปัญปัญหาที่รุนแรงอย่างนึง พอฉันนึกถึงว่ายังจะต้องอยู่ที่นี่อีกประมาณสิบวัน ฉันก็หวาดหวั่นเล็กน้อย
"คุณซู รสชาติไม่ถูกปากหรอ?"
ถึงฉันจะรู้ว่าเวลานี้ฉันไม่สามารถส่ายหัวและพูดว่าไม่เพราะความเกรงใจได้ แต่ไม่เช่นนั้นล่ะก็ฉันก็จะต้องทุกข์ทรมานต่อไป
ดังนั้นฉันก็สารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่า: "รสชาติของทางเมืองAนั้นมีความแตกต่างกับทางนี้เล็กน้อย ฉันไม่ค่อยคุ้นชิน"
"เป็นธรรมดา แต่ละสถานที่ไม่เหมือนกัน รู้สึกว่าเค็มเกินไปใช่ไหม? ต้องการเติมน้ำหน่อยไหม?"
ไม่พูดไม่ได้ว่า เจิ้งเยว่คนนี้เอาใจใส่มากจริงๆ แม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยนี้เธอก็มองออก
สี่สิบนาทีต่อมาฉันก็มาถึงโรงแรม เจิ้งเยว่บอกกับฉันว่าจะเข้ามาหาฉันเวลาหนึ่งทุ่ม ฉันสามารถพักผ่อนได้เล็กน้อย
ปิดประตูแล้ว ฉันก็หยิบคอมพิวเตอร์ออกมา แล้วฉันก็จัดเก็บข้อมูลของตนเองเล็กน้อย แล้วค่อยนำเสื้อผ้าออกมาจัดการแขวนในตู้เสื้อผ้า
เมื่อทำทุกสิ่งทุกอย่างนี้เสร็จแล้วก็ห้าโมงครึ่งแล้ว ฉันคิดๆ แล้วก็ส่งข้อความไปให้ลู่จือสิงข้อความนึง จากนั้นก็วางแผนที่จะนอนสักครู่
เมื่อคืนวานนอนไม่พอ วันนี้บนเครื่องบินก็นอนไม่ค่อยหลับ ออกจากสนามบินยังเจอกับรถติดอีก รวมเรื่องที่ทำให้จิตใจว้าวุ่นไว้ด้วยกัน ตอนนี้ฉันเหนื่อยจริงๆ
ฤดูหนาวเหมาะกับการจำศีล ถ้าไม่ได้นาฬิกาปลุก ฉันคงไม่ตื่นขึ้นมาจริงๆ
พอลืมตาขึ้นมาท้องฟ้าก็มืดดำแล้ว ฉันดูเวลาเล็กน้อย หกโมงครึ่งแล้ว รีบลุกขึ้นจัดการตัวเอง
เพราะมีเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง ฉันแต่งหน้าเล็กน้อย ไม่ถึงหนึ่งทุ่ม เจิ้งเยว่ก็โทรศัพท์มาหาฉันแล้ว เธอบอกว่าเธออยู่ที่ชั้นล่างแล้ว ไม่ต้องรีบ ให้ฉันค่อยๆลงมา
ไม่พูดไม่ได้ว่า เจิ้งเยว่ละเอียดรอบคอบมาก ตามที่ได้ร่วมมือกับเธอ ฉันคิดว่าน่าจะสบายใจเป็นอย่างมาก
ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว เป็นธรรมดาที่ไม่อยากให้เจิ้งเยว่รอฉันนาน ดังนั้นจึงหยิบกระเป๋าและคีย์การ์ดห้องแล้วออกไป
พอฉันออกมาจากด้านในลิฟต์ฉันก็เห็นเจิ้งเยว่ เธอยิ้มกับฉันเล็กน้อย: "ลำบากคุณแล้ว คุณซู"
"ลำบากคุณมากกว่าคุณเจิ้ง ฉันหลับไปตื่นนึง สภาะดีขึ้นมากแล้ว"
เจิ้งเยว่คือหนึ่งในคนรับผิดชอบโครงการนี้ ระหว่างทางฉันกับเธอก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ครั้งนี้คนรับประทานอาหารก็ถือว่ามาก เจิ้งเยว่และคนรับผิดชอบโครงการอื่นอีกโครงการนึง มีสี่คน รวมกับฉัน ทั้งหมดก็หกคน
มีเจิ้งเยว่อยู่ มื้ออาหารก็ทานได้อร่อยดี
วันนี้ไม่คุยเรื่องงาน ดังนั้นทุกคนต่างก็ซุบซิบพูดคุยกัน
เพื่อดูแลฉัน เจิ้งเยว่ก็พาฉันเขาประเด็นที่พูดคุยกันตลอด กลุ่มของพวกเขาก็ถามฉันถึงเรื่องราวของเมืองA
ฉันรู้ว่านี่คือจิตใจที่หวังดีของพวกเขา ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เลือกเรื่องราวที่น่าสนใจของเมืองAเล็กน้อยบอกเล่ากับพวกเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้