"คุณน้า คุณจะมากเกินไปแล้ว!" หยาวตันตันร้องไห้พร้อมกับพูดไปด้วย "คุณปู่!"
ฉันเหลือบมองลู่จือสิง เขานั่งอยู่แบบนั้นและคีบชิ้นเนื้อหมูพะโล้ให้แก่ฉัน
"กินให้มาก พูดให้น้อย!"
คุณปู่กล่าว ฉันเห็นสีหน้าของหยาวตันตันนั้นแข็งทื่อและไม่กล้าพูดอะไร แต่เพียงเธอยังคงมองฉันด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ
อาหารมือนี้นั้นก็ไม่ได้ดีหรือว่าแย่มากนัก หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วลู่จือสิงก็ถูกคุณปู่เรียกไปยังห้องทำงาน ฉันไม่อยากนั่งกับอาและป้าของลู่จือสิงจึงลุกออกมาแล้วไปเดินเล่นในสวน
"ซูยุ่น!"
ฉันคิดถึงไม่ว่าถันฮ่าวอวี่จะปรากฎตัวออกมาด้วย บนโต๊ะอาหารเมื่อครู่นี้คำพูดของหยาวตันตันก็ทำให้ฉันและเขาถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ไปตั้งมากตั้งมาย ไม่คาดคิดว่าเขาไม่เพียงแต่ไม่หลีกเลี่ยงความสงสัย แต่เขายังตามฉันออกมาด้วย
ฉันคิดมาตลอดว่าฉันไม่สามารถปลดปล่อยความรู้สึกที่มีต่อถันฮ่าวอวี่ออกไปได้ แต่ตอนนี้ เมื่อเขายืนอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันก็พบว่าภายในใจของฉันไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว
ในเวลานี้ฉันเชื่อแล้วว่าวิธีที่ทำให้ลืมความสัมพันธ์ได้รวดเร็วที่สุดก็คือการเริ่มต้นในความสัมพันธ์ใหม่
คนที่ฉันรักตอนนี้คือลู่จือสิงและถันฮ่าวอวี่เป็นเพียงแค่แฟนเก่าที่ไม่ได้เรื่องอะไรเลย
ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเย็นชาและไม่ได้อยากจะสนใจเขา ฉันจึงก้าวเท้าไปยังห้องรับแขก
"ซูยุ่น เธอคิดว่าลู่จือสิงมันรักเธอจริงงั้นเหรอ?" เขาเอื้อมมือมาคว้าฉันไว้และยิ้มเมื่อมองมาที่ฉัน "ซูยุ่น เธออย่าโง่ไปหน่อยเลย ลู่จือสิงก็เพียงแค่ต้องการใช้เธอเป็นเครื่องมือก็เท่านั้น ตลอดระยะเวลาห้าปีที่เราอยู่ด้วยกัน ฉันแนะนำให้เธอออกห่างจากเขาซะ! ตระกูลลู่ไม่ใช่ที่ที่เธอจะเข้ามาวุ่นวายได้หรอก!"
“ไม่ใช่ที่ที่ฉันจะมาวุ่นวายได้ งั้นก็คงเป็นที่ที่คุณเข้ามาได้งั้นสิ?”
เมื่อเขาเห็นว่าฉันไม่ยอมเชื่อฟัง เขาก็มีท่าทีโกรธเคืองเล็กน้อย "ซูยุ่น แล้วเธอจะเสียใจ!"
ฉันยิ้มเย็นชา "งั้นเหรอ งั้นคุณก็รอดูวันที่ฉันเสียใจก็แล้วกัน!"
“เธอ----”
ดูเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าทำไมใบหน้าของเขาถึงตื่นตระหนก จากนั้นเขาก็หันหลังและจากไป
ฉันขมวดคิ้วและรู้สึกว่าด้านหลังมีสายตาคอยจ้องมองอยู่ เมื่อฉันหันกลับไปก็พบว่าลู่จือสิงกำลังมองฉันอยู่ บนใบหน้าของฉันแสดงถึงความดีใจจากนั้นฉันรีบวิ่งไปจับมือของเขา: "คุณคุยกับคุณปู่เสร็จหรือยัง?"
เขามองลงมาที่ฉัน สีหน้าของเขาแสดงถึงความไม่พอใจเล็กน้อย "พวกคุณคุยอะไรกัน?"
ฉันเห็นเขาจ้องมองไปยังทิศทางที่ถันฮ่าวอวี่เดินจากไป ฉันเดาสาเหตุที่ทำให้เขามีสีหน้าไม่พอใจนี้ได้ฉันจึงจงใจแกล้งเขา "ไม่มีอะไร เราเพียงแค่พูดถึงเรื่องราวในอดีตกันก็เท่านั้น"
"รำลึกความหลังงั้นเหรอ?" จู่ๆเขาก็กอดฉันไว้ในอ้อมแขน ดวงตาสีดำราวกับน้ำแข็งจ้องมองฉัน "คุณยังไม่ลืมเขางั้นสินะ?"
เมื่อเห็นเขาหึงหวง ฉันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาและเงยหน้าขึ้นกัดคางเขาเบาๆ "ใช่แล้ว ทำอย่างไรดีล่ะประธานลู่?"
เขาส่งเสียงเบาๆในลำคอและหันหน้าหนีไปโดยไม่ตอบอะไรฉัน "กลับบ้าน"
เป็นเรื่องยากที่จะเห็นเขาอึดอัดใจขนาดนี้แล้วฉันจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร "คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของฉัน!"
จู่ๆเขาก็หันกลับมา ฉันจึงกระแทกเข้ากับหน้าอกของเขา ในขณะที่ฉันกำลังอ้าปากเรียกชื่อเขา เขาก็ก้มหน้าลงมาและจูบฉันในทันที
ราวกับว่าฉันกำลังจะถูกกลืนกิน ฉันส่งเสียงร้องได้เพียงแค่ไม่กี่ครั้งความแข็งแกร่งของเขาก็กดทับฉันเอาไว้และสุดท้ายฉันก็ทำได้เพียงแค่เอื้อมมือไปจับแขนเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองล้มลง
ผ่านไปประมาณสองนาที ลู่จือสิงก็ปล่อยฉันเป็นอิสระ เขาจูงมือฉันแล้วเดินออกไป "กลับบ้าน"
ฉันก้าวเท้าและเดินตามเขาไป ฉันจ้องมองแผ่นหลังที่สูงและกว้างของเขาอย่างนิ่งงัน ภายในใจกลับรู้สึกว่าหัวใจเต็มไปด้วยความหวาน
ในค่ำคืนนั้นลู่จือสิงเอาคืนฉันที่ฉันได้แกล้งเขาเมื่อตอนที่อยู่ในสวน การกระทำของเขานั้นดุเดือดจนฉันแทบจะไม่สามารถลุกจากเตียงได้ในวันรุ่งขึ้น
เมื่อถึงช่วงเวลาพักเที่ยง จู่ๆผิงผิงก็ได้ส่งข้อความข่าวมาให้ฉัน เมื่อฉันเปิดดูก็ตื่นตะลึง
ในนั้นคือรูปภาพถ่ายบนเตียงของซินหมิงเยว่ ในรูปนั้นทำให้ฉันหน้าแดงในทันที
"เห็นหรือเปล่า?"
ทันทีที่ฉันวางโทรศัพท์ลง ผิงผิงก็เดินมา "โชคดีที่ตอนนั้นลู่จือสิงไม่ได้แต่งงานกับเธอ ฉันจะบอกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี เธอดูเถอะ บนอินเทอร์เน็ตเขาพูดคุยกันว่าเธอได้เปิดห้องกับใครบางคนหลายครั้งในระหว่างที่เธอหมั้นกับลู่จือสิงอยู่ ได้ข่าวว่าลู่จือสิงจับได้และขืนใจเธอด้วย!"
ฉันรู้สึกตกใจ ฉันรู้แค่ว่าสองสัปดาห์ก่อนที่ฉันจะหลอกล่อลู่จือสิง ฉันไม่รู้ว่าลู่จือสิงและซินหมิงเยว่นั้นไปคุยเรื่องยกเลิกการหมั้นได้อย่างไร ไม่รู้ว่าภายในนั้นมีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้น
เมื่อเห็นฉันไม่พูดอะไร ผิงผิงก็ได้ตบมือเบาๆ "เธอคิดว่าไง?"
อย่างไรก็ตามฉันไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับซินหมิงเยว่เลย การแสดงความคิดเห็นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดังนั้นฉันจึงตอบแบบไม่ได้ใส่ใจอะไร "อาจจะ แต่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้ายที่ปล่อยรูปบนเตียงของเธอลงบนโซเชียล"
ผิงผิงจ้องมองโทรศัพท์และพยักหน้า "ก็จริง เรื่องนี้เกี่ยวกับการขาดจิตสำนึกและคุณธรรมจริงๆ"
"ช่างเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา อย่าไปสนใจอะไรมากเลย"
อันที่จริงฉันกลัวว่าผิงผิงจะพูดถึงเรื่องของลู่จือสิง ฉันเองก็ไม่รู้ว่าฉันควรปกปิดว่าฉันคือคุณหญิงลู่หรือสารภาพตรงๆกับเธอไปเลย
โชคดีที่ผิงผิงเป็นคนที่ชอบกังวลอะไร เธอจึงไม่ได้ใส่ใจเจาะลึกเรื่องราวนี้ "ก็ใช่ ไม่ดูแล้ว ภาพมันช่างเร้าร้อนจริงๆ!"
จะไม่เร่าร้อนได้อย่างไร! คนที่ถ่ายภาพนั้นชั่วร้ายจริงๆ ภาพถ่ายทั้งหมดนั้นล้วนเป็นจุดสำคัญทั้งสิ้น ครั้งนี้ซินหมิงเยว่ถูกแบล็คเมล์จริงๆ
ในเวลาช่วงเย็นฉันก็ได้กลับบ้านและพูดคุยเรื่องนี้กับลู่จือสิง "ประธานลู่ ภาพถ่ายบนเตียงของซินหมิงเยว่ถูกปล่อยบนอินเทอร์เน็ต คุณรู้หรือเปล่า?"
ลู่จือสิงที่กำลังอ่านนิตยสารอยู่หันหน้ามองฉันและมีสีหน้าแปลกประหลาดบนใบหน้าเขา "คุณดูรูปภาพเหล่านั้นแล้วหรือ?"
ฉันพยักหน้า "เพื่อนร่วมงานฉันส่งมาให้ดู ฉันเห็นเพียงแค่นิดเดียว คนคนนั้นเลวจริงๆ - คุณทำอะไรของคุณ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้