ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ทรมานมาก ทั้งริมฝีปากและคอแห้ง ราวกับมีคนเอากองไฟมาใส่ไว้ในปากฉัน
ฉันตั้งสติแล้วเอ่ยปากขอน้ำ: "น้ำ——"
“ซูยุ่น เธอฟื้นแล้ว?"
ซวี่ชิงหนานผลักประตูเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำในมือ ฉันเอื้อมมือไปรับมา:
"ขอบคุณค่ะ"
ฉันดื่มไปแล้วก็ยังรู้สึกคอแห้งอยู่อีก ซวี่ชิงหนานจึงรินให้อีกแก้ว: "ดื่มช้าๆ ก็ได้ครับ"
ฉันดื่มติดต่อกัน 4 แก้ว เรอออกมาแล้วถามซวี่ชิงหนาน: “ตอนนี้กี่โมงแล้วหรือคะ?”
“เป็นวันที่ 2 เวลา 10 โมงกว่าครับ เมื่อคืนคุณ——”
“ฉันอยากไปหาลู่จือสิงค่ะ——“
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ฉันจะต้องอธิบายเรื่องเมื่อคืนให้ลู่จือสิงเข้าใจให้ได้
ชวี่ชิงหนานเอามือกดตัวฉันไว้ด้วยสีหน้าจริงจัง: “ซูยุ่น คุณยังมีไข้อยู่เลย เดี๋ยวยังต้องให้น้ำเกลืออีก!”
ฉันผลักมือเขาออก: “ฉันอยากไปหาลู่จือสิง ฉันอยากจะไปพูดให้ชัดเจนน่ะค่ะ!”
อารมณ์ฉันปั่นป่วนเล็กน้อย มือจึงตีไปถูกตัวเขาโดยไม่ทันระวัง ฉันผงะไปชั่วขณะ หยุดดิ้นแล้วดึงมือกลับ มองเขาอย่างวิงวอน: “ขอโทษด้วยนะคะ แต่ฉันอยากจะไปหาเขาจริงๆ ชวี่ชิงหนาน!”
เขาขมวดคิ้ว ถอนหายใจ แล้วจึงกล่าวอย่างประนีประนอมว่า: "คุณรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนมั้ยครับ? ผมจะพาคุณไปส่ง"
"ไม่ต้องหรอก ฉันไปเองได้ค่ะ" ฉันลงจากเตียง ใส่รองเท้าแล้วพูดไปด้วยว่า: "ฉันรบกวนคุณมามากแล้ว ฉันไปเองได้ค่ะ"
"คุณยังมีไข้อยู่ ผมไม่วางใจเลย คุณไม่ต้องกังวลไปนะครับ เดี๋ยวผมจะช่วยคุณอธิบายกับเขาเองครับ"
ฉันมองเขาอย่างซาบซึ้งใจ: "ขอบคุณค่ะ ฉันจะโทรไปถามดูว่าเขาอยู่ที่ไหนนะคะ"
ลู่จือสิงแค่เข้าใจผิดเรื่องเมื่อคืนระหว่างฉันกับชวี่ชิงหนาน ถ้ามีชวี่ชิงหนานไปกับฉันด้วยคงจะดีกว่ามาก
พอลุกจากเตียงได้แล้วฉันก็รีบเดินออกไปทันที ฉันเดินไปโทรหาหลี่จื้อไปด้วย
หลี่จื้อบอกว่าลู่จือสิงไม่ได้กลับเข้าบริษัท แต่ไปที่คฤหาสน์หมายเลข 7
ฉันไม่สบายใจเมื่อได้ยินชื่อของคฤหาสน์หมายเลข 7 ที่นั่นไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไร ไม่คิดเลยว่าลู่จือสิงจะไปที่นั่น
“ถามได้ความไหมครับ?”
ชวี่ชิงหนานช่วยเปิดประตูให้ฉัน ฉันมองเขาอย่างอึดอัดใจ: “คฤหาสน์หมายเลข 7 ค่ะ”
เขาอึ้งไปซักพัก เหมือนรู้จึงไม่ได้ถามอะไร: “ขึ้นรถเถอะครับ เดี่๋ยวผมพาคุณไปส่ง หลังจากคุณสองคนพูดคุยกันจนเข้าใจดีแล้วก็กลับมาให้น้ำเกลือนะครับ ตอนนี้คุณยังมีไข้อยู่เลย”
ฉันพยักหน้ารับ แต่จิตใจว้าวุ่นไปหมด
คนในเมือง A รู้กันดีว่าคฤหาสน์หมายเลข 7 เป็นสวรรค์สำหรับชายหนุ่ม ฉันไม่คิดเลยว่าลู่จือสิงจะไปสถานที่แบบนั้นจริงๆ
ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดทาง ความเจ็บปวดในใจค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามเวลาที่วิ่งผ่าน
“ถึงแล้ว ลงจากรถได้แล้วครับ”
เมื่อรถจอดสนิท ฉันก็เปิดประตูลงจากรถ
ชวี่ชิงหนานบอกว่าจะเข้าไปกับฉันด้วย ฉันส่ายศีรษะ: “ฉันไปเองดีกว่าค่ะ ฉันกลัวว่าถึงตอนนั้นพวกคุณ——”
ฉันยังจำภาพที่เขาสองคนต่อยกันเมื่อคืนได้ชัดเจนอยู่เลย อีกทั้งในสถานที่แบบนี้ หากไปเจอฉากอะไรที่เกินจะรับไหว ฉันก็ไม่อยากให้คนนอกมารับรู้ให้ต้องอับอายเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้