หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 65

ในที่สุดเหตุการณ์วุ่นวายเรื่อง “การนอกใจ” ของฉันก็หยุดลง วันรุ่งขึ้นฉันไปที่บริษัทเพื่อลาออก โดยที่ผู้จัดการพยายามรั้งฉันไว้ทุกวิถีทาง แต่ฉันตัดสินใจเด็ดขาดไปแล้ว เมื่อเขารู้ว่าไม่มีทางเปลี่ยนใจฉันได้ จึงยอมแพ้ไปในที่สุด

ในการลาออกครั้งนี้ คนที่ฉันรู้สึกอยากขอโทษมากที่สุดคือชวี่ชิงหนาน เพราะถึงอย่างไรโครงการของบริษัทก็อยู่ในความรับผิดชอบของฉัน

ฉันโทรไปหาเขาเพื่อเอ่ยขอโทษด้วยตัวเอง แต่ชวี่ชิงหนานไม่ได้ติดใจอะไร กลับกันเขากลับปลอบใจฉันว่าไม่ต้องคิดมาก ยิ่งเขาทำแบบนี้ฉันยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก อยากเลี้ยงข้าวขอโทษเขาสักมื้อเป็นการส่วนตัว แต่ถูกลู่จือสิงปฏิเสธทันที “ไม่ได้

ฉันมองเขาอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะ ฉันรู้สึกผิดต่อเขาจริงๆ ที่ถอนตัวออกจากโครงการกลางคัน ไม่อย่างนั้นในตอนแรกเขา...”

โครงการใหญ่แบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะชวี่ชิงหนานไว้ใจฉัน ฉันคงไม่ได้รับโอกาสนี้แน่

แต่ลู่จือสิงดูแน่วแน่และมองฉันอย่างไม่พอใจ “ยังไงก็ไม่ได้”

“ทำไมล่ะ?”

เขาเหลือบมองฉันก่อนจะลุกเดินจากไป พอมองแผ่นหลังของเขาฉันก็เข้าใจขึ้นมาทันที รีบวิ่งอ้อมไปขวางข้างหน้า มองเขาแล้วอมยิ้มน้อยๆ “ประธานลู่ คุณหึงใช่ไหม?”

เขายื่นมือมายันฉันไว้แล้วหัวเราะเยาะ “ฉันไม่ชอบหึงใคร”

“ปากแข็ง”

“ซุยุ่น เธอกล้าขึ้นแล้วนี่”

เมื่อรู้ว่าเขาหึง ฉันจึงยอมโอนอ่อนให้ “ในเมื่อคุณหึงแบบนี้ งั้นฉันไม่ไปพบรองประธานชวี่ก็ได้ ถึงยังไงปัญหาเรื่องฉันกับเขาก็วุ่นวายมากอยู่แล้ว”

เขาหันกลับมามองฉันแล้วทำเสียงฮึในลำคอ “เธอก็รู้นี่”

ฉันรีบใช้โอกาสนี้ไล่จี้เขา “คุณยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าคุณหึง ประธานลู่?”

ใบหน้าของลู่จือสิงตึงขึ้น “ซูยุ่น เธอติดหนี้ที่ฉันจัดการเรื่องนี้ให้!”

ฉันนิ่งงันไปนิดหนึ่ง อยากกระโดดหนีไปจากตรงนี้แต่ก็สายไปเสียแล้ว เราสองคนเดินมาถึงประตูห้องแล้ว และทันใดนั้นลู่จือสิงก็อุ้มฉันขึ้นมาแล้วโยนฉันลงบนเตียง

ฉันมองท่าทางที่เขาปลดเสื้อผ้าของตัวเองแล้วพาลคิดไปถึงภาพเมื่อวานตอนที่ถูกเขาจัดการในห้องนั่งเล่น หน้าฉันแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ รีบผุดลุกขึ้นจากเตียง “ฉันนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีงานที่ต้องส่งมอบ... อื้อ!”

“ไว้คุยกันทีหลัง!”

เขาพูดพลางประทับจูบลงมาอย่างที่ฉันไม่อาจต้านทาน

จูบของลู่จือสิงไม่ต่างอะไรจากตัวเขา... เอาแต่ใจและตรงไปตรงมา

เขาบอกว่าจะจัดการฉัน แต่จริงๆ แล้วมันคือการลงโทษ เขาจับเอวของฉันและออกแรงบดขยี้ ฉันถูกเขาเย้าด้วยการหยุดกลางคันจนทำให้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ฉันรู้ว่าเขาพยายามแกล้งจึงอ้าปากกัดที่ไหล่ของเขาไปหนึ่งที ทันใดนั้นเขาก็กระแทกเข้ามาอย่างแรง

“อื้อ...”

ตอนนี้ฉันคิดว่าทั่วทั้งร่างเริ่มไร้ความรู้สึก อีกทั้งยังสับสนไปหมด ลู่จือสิงกอดฉันไว้แน่นขณะแนบริมฝีปากกระซิบเรียกชื่อฉันที่ข้างหู “ซูยุ่น ซูยุ่น ซูยุ่น...”

เสียงอันทุ้มต่ำนุ่มลึกและละมุนของชายหนุ่มเรียกชื่อฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันไม่คิดมาก่อนว่าจะมีใครเรียกชื่อของฉันได้น่าฟังเท่านี้ ฟังไพเราะจนทำให้หัวใจของฉันอ่อนยวบ

คืนนั้นเขาทำซ้ำแบบเดิมกับฉันติดต่อกันถึงห้าครั้งจึงพอใจ วันรุ่งขึ้นพอตื่นขึ้นมาฉันก็รู้สึกปวดเอวปวดหลังไปหมด แต่ยังโชคดีที่ไม่ต้องไปทำงานเพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี

เป็นเรื่องยากที่ลู่จือสิงจะเอาแต่นอนเฉยอยู่กับฉันบนเตียงโดยไม่ออกไปวิ่ง พวกเราสองคนใช้เวลาในวันหยุดอย่างสบายๆ อยู่ในบ้านเป็นการส่วนตัว

พอถึงวันจันทร์ฉันก็ต้องเริ่มเข้าไปทำงานที่เฟิงเหิง และรู้ว่ายังมีศึกที่ต้องเผชิญอยู่อีก

สองวันมานี้ฉันถามลู่จือสิงตรงๆ ว่าจะให้ฉันทำหน้าที่อะไรที่เฟิงเหิง แต่เขาไม่ปริปากพูดอะไร พอฉันถามอย่างกังวลเขาก็ได้แต่มองเหมือนจะยิ้มแล้วถามกลับว่า ฉันอยากเอามั้ย

ฉันไม่คิดว่าลู่จือสิงจะหน้าไม่อายขนาดนี้ พอถูกเขาขัดไว้อย่างนี้จึงถามต่อไม่ได้

ช่วงเวลาสองวันผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เมื่อคืนฉันถึงกับนอนไม่หลับเมื่อคิดว่าวันนี้ต้องเริ่มงานแล้วจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้