“หลังจากนี้ยังกล้าที่จะพูดคุยหัวเราะกับชายอื่นอีกหรือเปล่า?”
ลู่จือสิงกำลังคิดกังวลถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับซวี่ชิงหนาน เขาระรานฉันจนแทบบ้าฉันจึงอ้าปากและกัดเขา "คุณเบาหน่อยสิ!"
"อืม?"
เขายืนกรานที่จะให้ฉันตอบ ไม่งั้นเขาก็จะทรมานฉันแบบนี้ ในตอนนี้ฉันนั้นยอมรับว่าฉันพ่ายแพ้ต่อเขา "ฉันรู้ว่าฉันผิด ประธานลู่ คุณเบาหน่อย อ๊า----"
ก่อนที่ฉันจะพูดจบ จู่ๆเขาก็รุกหนักฉัน ฉันรู้เพียงแค่ว่าฉันชาไปทั้งตัวและสมองก็ว่างเปล่า ...
ฝักบัวเหนือศีรษะของฉันน้ำยังคงไหลอยู่ แต่อุณหภูมิของร่างกายของลู่จือสิงและฉันนั้นสูงเกินกว่าอุณหภูมิของน้ำ บรรยากาศในห้องน้ำร้อนขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ภายใต้น้ำลึก
ลู่จือสิงเหมือนกับกำลังสนุกอยู่กับสิ่งนี้ ครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันอดไม่ได้ที่จะร้องขอความเมตตา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น
ในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาฉันถูกลู่จือสิงอุ้มออกมาจากห้องน้ำ ในตอนนี้ฉันไม่มีเรี่ยวแรงอีกต่อไป ฉันเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่เขา "ประธานลู่ พอใจกับบริการหรือยัง?"
เขามองกลับมาที่ฉัน “ไม่พอใจแล้วคุณยังจะไหวอีกเหรอ?”
ฉันกลัวว่าเขาจะไม่ปล่อยฉันจริงๆ ฉันจึงรีบหยิบผ้านวมด้านข้างขึ้นมาคลุมร่างกาย "ง่วงแล้ว"
หลังจากที่ลู่จือสิงพอใจแล้ว สีหน้าของเขาดูอ่อนโยนลงมาก เขาก้มศีรษะและจูบหน้าผากของฉัน "นอนเถอะ"
ฉันเหนื่อยมากจริงๆ ฉันหลับตาและผล็อยหลับไป
เพราะฉันจะไปทำงานต่างสถานที่ในสัปดาห์นี้ สองวันนี้ฉันยุ่งมาก หลังจากอ่านเอกสารการเสนอราคาแล้วฉันต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเนื้อหาของโครงการ ต้องตรวจสอบโรงแรมและร้านอาหารที่นั่นและทำการจัดเตรียมให้พร้อม
การทำงานต่างสถานที่ในครั้งนี้มีทั้งหมดสี่คน นอกจากลู่จือสิงและฉันแล้วยังมีอีกสองคน คนแรกคือหลี่อีหมิงผู้จัดการฝ่ายการตลาดและหยางหมิงหมิงเลขาของเขา
บังเอิญเป็นชายสองคนหญิงสองคน ฉันได้จองห้องไว้ 3 ห้อง ห้องหนึ่งสำหรับฉันและหยางหมิงหมิง อีกห้องสำหรับหลี่อีหมิงและอีกห้องสำหรับลู่จือสิง
พวกเราทั้งสี่คนไม่มีโชคเลย ฝนตกอย่างหนักทันทีที่ฉันลงจากทางด่วนสนามบิน บนถนนรถติดมาก
เมื่อถึงโรงแรมก็เป็นเวลาช่วงเย็นประมาณหกโมงครึ่งแล้ว ทุกคนเหนื่อยล้า หลังจากทานอาหารเย็นของโรงแรมแล้วพวกเขาก็ต่างแยกย้ายกัน
ตอนที่เราแบ่งห้องกัน ฉันมีความขัดแย้งกับลู่จือสิง เขารู้สึกว่าทุกคนรู้ว่าเขาและฉันเป็นสามีภรรยากันและไม่มีอะไรผิดปกติสำหรับการอยู่ห้องเดียวกัน
แต่ฉันคิดว่าครั้งนี้ฉันมาที่นี่เพื่อทำงาน สาธารณะคือสาธารณะ เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว ต้องแยกออกจากกัน ดังนั้นฉันจึงปฏิเสธอย่างแน่วแน่ที่จะนอนร่วมห้องกับเขา
"ซูยุ่น คุณจะแบ่งแยกอะไร เราเป็นสามีภรรยากัน อยู่ด้วยกันมันผิดตรงไหน?"
ฉันอดทนอธิบายเขา "ม่มีอะไรผิดปกติที่เรานอนด้วยกัน แต่ครั้งนี้เรานั้นมาทำงานด้วยกัน ในฐานะประธานบริษัท ต้องแยกแยะเรื่องส่วนตัวออกอย่างชัดเจน ถ้าฉันนอนกับคุณ ในอนาคตอาจจะมีคู่รักในบริษัทใช้เงินของบริษัทมาทำงานนอกสถานที่เหมือนเรา ถ้าเป็นเช่นนั้นความน่าเชื่อถือของเฟิงเหิงคืออะไร?!"
เฟิงเหิงไม่มีกฎข้อห้ามใดๆในการคบกันภายในบริษัท แต่ฉันก็อยากเลี่ยงเพราะฉันเองก็มีข่าวซุบซิบนินทาอยู่ตลอด
หยางหมิงหมิงเป็นคนอย่างไรใครจะรู้ ถ้าเธอกลับไปบอกเพื่อนร่วมงานว่าการมาทำงานครั้งนี้ฉันนอนกับลู่จือสิง บางทีคนภายในบริษัทอาจพูดได้ว่าฉันเป็นคนอย่างไร
"คุณกังวลอะไร ใครมันจะไปกล้าพูดอะไร?!"
ฉันพูดไม่ออกจริงๆ “ลู่จือสิง คุณมีเหตุผลมากกว่านี้ได้ไหม เรากำลังเดินทางมาทำงานสี่วันนะ คุณควบคุมตัวเองไม่ได้หรือไง?”
"ซูยุ่น คุณไม่มีเหตุผลไม่เข้าใจกันเลย!"
เขาตะคอกอย่างเย็นชา เขากล่าวประโยคนั้นและโยนคีย์การ์ดลง
ฉันยืนอยู่เช่นนั้น มองลู่จือสิงและไม่คิดว่าตัวเองผิดอะไร เรื่องนี้น่ะฉันทำถูกแล้ว!
ยิ่งฉันคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าลู่จือสิงนั้นช่างงี่เง่า ตอนแรกฉันไม่ได้โกรธ แต่เมื่อนึกถึงเขาก็อดขุ่นเคืองไม่ได้เลย ฉันลากกระเป๋าเดินทางพร้อมอารมณ์ขุ่นเคืองเดินไปยังห้องที่จัดไว้ตั้งแต่ต้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้