เฉียวซุนหน้าตาดี เล่นไวโอลินเก่ง
ผู้รับผิดชอบให้เงินเธอหนึ่งพันห้าร้อยบาทต่องาน เมื่อมีงานเข้ามาเยอะ เฉียวซุนต้องวิ่งแสดงสามถึงสี่งานต่อวัน ในแต่ละวันเธอต้องเล่นอย่างน้อยหกชั่วโมง นิ้วเรียวบางลอกด้านและมีตุ่มน้ำ
ชีวิตลำบาก ต้องเดินทางกลับไปกลับมา แต่เฉียวซุนไม่เคยเสียใจ
เธอไม่ได้โทรหาลู่เจ๋อ และลู่เจ๋อก็ไม่ได้โทรหาเช่นกัน...... บางครั้งเธอก็เห็นข่าวของเขา ร่วมงานราตรี เข้าซื้อกิจการบริษัทต่าง ๆ
ในแต่ละงานพบปะ ลู่เจ๋อดูหล่อเหลาและมีเกียรติ
งานพบปะเหล่านี้ แต่ก่อนเฉียวซุนเคยอยู่เคียงข้างเขาเป็นบางครั้ง ดูท่าทางที่อาจหาญทรงอำนาจของเขา รู้สึกประทับใจอย่างเงียบๆ
แต่ในตอนนี้พอเห็นสิ่งเหล่านี้อีกครั้ง เฉียวซุนรู้สึกไกลตัวและไม่คุ้นเคย
……
ในตอนเย็น ชั้นบนสุดของโรงพยาบาล
เฉียวซุนนั่งเงียบ ๆ พร้อมขวดโค้กแช่เย็นที่ซื้อมาจากร้านขายของชำ หากเป็นแต่ก่อนเธอไม่มีทางดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้ เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ตอนนี้เธอดื่มบ้างนิดหน่อยเป็นครั้งคราว
เฮ่อจี้ถังก็เดินเข้ามาในเวลานี้ ร่างสูงยาว สวมเสื้อกาวน์สีขาวของหมอแผนกศัลยกรรม
เขายืนอยู่ข้างเฉียวซุน มองดูพระอาทิตย์ตกดินเป็นเพื่อนเธออย่างเงียบ ๆ
แสงสีทองสุดท้ายก็จางหายไป
เฉียวซุนหันศีรษะกลับมาเห็นเฮ่อจี้ถัง เธอรีบลุกขึ้นยืนอย่างอึดอัดเล็กน้อย “หมอเฮ่อ”
เฮ่อจี้ถังมองเธอด้วยดวงตาอ่อนโยนที่เจือไปด้วยความทรงจำที่แสนยาวนาน
เฉียวซุนรู้สึกไม่สบายใจ
ในเวลานี้ สายตาของเฮ่อจี้ถังจ้องมองไปในระยะไกลและเอ่ยเบา ๆ ว่า “เสี่ยวซุน ตอนคุณเป็นเด็กคุณชอบเรียกผมว่าพี่จี้ถังนะ...... ในคืนฤดูร้อน คุณชอบนอนในเต็นท์เล็ก ๆ แล้วแม่ผมก็เอาให้วุ้นน้ำแข็งให้คุณประจำ หลายปีมานี้ท่านคิดถึงคุณมากนะ”
เฉียวซุนอึ้งอยู่นาน และในที่สุดก็จำได้......
เธอออกเสียงเรียกพึมพำ “พี่จี้ถัง”
สามคำนี้ ในตอนที่เธอเอ่ยออกมาเจือไปด้วยความเศร้า เพราะในวัยที่ได้เรียกเขาว่า “พี่จี้ถัง” เฉียวซุนไม่มีความทุกข์ใจใด ๆ แถมยังเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยผู้บอบบางของตระกูลเฉียว
พบกันอีกครั้ง ทุกอย่างยังเหมือนเดิมแต่คนกลับเปลี่ยนไปแล้ว
เฮ่อจี้ถังหันหน้ามามองเธออย่างเงียบ ๆ
จากนั้นเขาก็หยิบบัตรธนาคารออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “ในนี้มีเงินอยู่สิบล้านบาท รหัสผ่านคือวันเกิดของคุณ น่าจะพอสำหรับค่ารักษาของคุณลุงนะ”
เฉียวซุนปฏิเสธที่จะรับ “ฉันหาเงินเองได้ จริง ๆ นะ”
เฮ่อจี้ถังมองดูมือของเธอ ติดเทปพันแผลไว้อยู่หลายแผ่น ไม่เหมือนผิวสวย ๆ อย่างแต่ก่อน
ลำคอของเขากระชับขึ้นเล็กน้อย “เสี่ยวซุน ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนั้นก็ได้”
ต่อมาคือบทสัมภาษณ์ของไป๋เซียวเซียว เธอยิ้มหวานให้กล้อง “เทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ฉันมีความสุขมากเลยค่ะ ต่อไปก็หวังว่าขาของฉันจะหายดี นอกจากนี้ฉันยังหวังว่าจะได้เรียนไวโอลินกับอัจฉริยะทางดนตรีอย่างอาจารย์เว่ย...... คุณลองถามคุณลู่ดูสิคะ? คุณลู่เป็นผู้ชายที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน”
พูดจบ แววตาของไป๋เซียวเซียวก็รู้สึกขาดความมั่นใจเล็กน้อย
สี่ปีก่อน เธอปลอมตัวเป็นเฉียวซุน ทำให้ลู่เจ๋อคิดว่าคนที่เล่นไวโอลินในทุก ๆ วันคือเธอ
เธอกลัวว่าลู่เจ๋อจะจับได้
แต่ไม่นาน เธอก็สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ว่าเมื่อลู่เจ๋อฟื้นขึ้นมา เป็นไป๋เซียวเซียวที่กำลังนั่งกอดไวโอลินอยู่ในห้องผู้ป่วย ลู่เจ๋อไม่มีทางรู้ได้เลย
……
กลางดึกบนถนนในเมือง B
เฉียวซุนยืนอย่างเงียบ ๆ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองดูการเทคแคร์คนอื่นของลู่เจ๋อบนจอขนาดใหญ่
จนร่างกายรู้สึกหนาวเหน็บ
เธอถึงได้ดึงสติกลับมา พึมพำเบา ๆ ว่า “ที่แท้ เทศกาลไหว้พระจันทร์ก็มาถึงแล้วสินะ”
เธอแบกไวโอลินแล้วหมุนตัวจากไป
ไฟถนนสองข้างทางทอดยาวจนร่างของเธอห่างไปไกล......

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม