ฉันนั่งอยู่ในห้องโดยสารชั้นหนึ่งกับลูก ๆ ที่นั่งนั้นมีจำกัด และเหล่าบอดี้การ์ดที่เหลือนั้นก็นั่งอยู่ในห้องโดยสารชั้นประหยัดด้านหลัง
เด็ก ๆ ทั้งสองไม่สบายตัวเลยเมื่ออยู่บนเครื่องบิน พวกเขาร้องไห้ไม่หยุด แม้กระทั่งราฟที่ปกติแล้วจะเงียบก็ยังยากที่จะรับมือ
ลีโอที่อุ้มราฟอยู่พูดขึ้น “บางทีนายน้อยกับคุณหนูคงยังไม่คุ้นชินกับการเดินทางด้วยเครื่องบิน และรับรู้ได้ถึงภาวะไร้น้ำหนักในระหว่างที่เครื่องบินบินขึ้น เลยทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัด สักพักน่าจะดีขึ้นครับ”
ห้องโดยสารชั้นหนึ่งนั้นไม่ได้มีเฉพาะพวกเรา แต่ยังมีผู้โดยสารคนอื่นอยู่ด้วย การที่เด็กทั้งสองร้องไห้นั้นคงทำให้พวกเขารำคาญอยู่ไม่น้อย
“เสียงดังมากเลย คุณช่วยทำให้พวกเขาเงียบลงได้ไหม?”
เพราะพวกเราเป็นฝ่ายผิด ลีโอจึงขอโทษ “ขอโทษด้วยครับ นายน้อยกับคุณหนูยังไม่คุ้นเคยกับสิ่งนี้ เพราะพวกเขาแทบไม่เคยเดินทางทางอากาศเลย บางทีเมื่อเครื่องบินบินขึ้นสูงกว่านี้”
คน ๆ นั้นหัวเราะเสียงดัง “ฮ่า ๆๆๆ นี่มันยุคไหนแล้ว นายก็ยังเรียกพวกเขาว่าคุณหนูกับนายน้อยบ้าอะไรนั่นอีก? นายคิดว่านายอยู่ในละครหรือยังไง?”
เด็ก ๆ ร้องไห้ไม่หยุด ฉันไม่สนใจคน ๆ นั้น และพยายามปลอบโยนเบลล่าอย่างใจเย็นแทน เมื่อเห็นว่าเด็ก ๆ ไม่ยอมสงบลง ในที่สุดชายคนนั้นก็เสียสติ และเริ่มก่นด่า “ตัวทำลายบรรยากาศชะมัด แกร้องไห้ซะราวกับว่าคนในครอบครัวเพิ่งจะตายไปอย่างนั้นแหละ!”
ฉันตกตะลึง ก่อนจะออกคำสั่งกับลีโอทันที “ไป!”
ลีโอสั่งบอดี้การ์ดคนอื่น “สั่งสอนเขาหน่อย แอร์โฮสเตสอยู่ไหน? ให้เธอย้ายเขาไปที่ชั้นประหยัดที!”
“ด้วยเหตุผลอะไร?! ฉันซื้อที่นั่งชั้นหนึ่งมา!”
บอดี้การ์ดของฉันเตะเขาเข้าที่ใบหน้าทันที เขาล้มลงกับพื้น และเริ่มก่อเหตุ แอร์โฮสเตสรีบเข้ามาขอโทษขอโพย “ขอโทษนะคะคุณ รบกวนช่วยกลับไปยังที่นั่งของตัวเองด้วยค่ะ โปรดงดใช้ความรุนแรง และให้ฉันจัดการเรื่องนี้เองค่ะ...”
บอดี้การ์ดเตะเข้าที่ลำตัวของเขาอีกครั้ง ฉันสั่งให้บอดี้การ์ดหยุด และพูดอย่างเยือกเย็น “เป็นความผิดฉันเองที่ลูก ๆ ฉันร้องไห้และไปรบกวนคุณ แต่ว่าผู้ใหญ่อย่างคุณไปสบถใส่เด็กแบบนั้นได้ยังไงกัน? คุณไม่มีลูกเหรอ?”
เด็กทั้งสองยังคงร้องไห้อยู่ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉันก็รู้สึกกังวลมากขึ้นไปอีก ทันใดนั้น แอร์โฮสเตสสองคนก็อุ้มเด็ก ๆ ออกไปจากอ้อมแขนของพวกเรา พวกเขามีประสบการณ์และช่างอ่อนโยน ไม่นานหลังจากนั้น เด็ก ๆ ก็เลิกอาละวาด ฉันถอนใจอย่างโล่งอก และเอ่ยขึ้น “ขอบคุณนะคะ”
แอร์โฮสเตสยิ้มอย่างอ่อนโยน และกล่าว “เด็ก ๆ ทำตัวดีมากเลยค่ะ”
หัวหน้าสจ๊วตยังคงพยายามเจรจากับผู้โดยสารอยู่ เมื่อหมดกังวล ฉันก็หลับตาลง และผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
เรามาถึงฟินแลนด์ในวันรุ่งขึ้น จากนั้นเราขับก็รถอีกสี่ถึงห้าชั่วโมงเพื่อไปยังเอสโป ระหว่างการเดินทาง ราฟและเบลล่าร้องไห้หลายครั้ง แต่พวกเขาก็สงบลงหลังการปลอบโยน ตอนนั้นเองที่ฉันเข้าใจว่าการดูแลเด็กสองคนนี้มันยากเพียงใด โชคดีที่ลีโอและคนอื่นๆ อยู่กับฉัน ถ้าฉันทำคนเดียวฉันคงจัดการไม่ไหว!
ฉันไม่ได้ส่งข้อความหาแซคคารี่เลยก่อนที่ฉันจะมาถึงเอสโป ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าฉันจะมาถึงในตอนไหน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ