“จ้าวฉี่ฉิง เธอหมายความว่ายังไง?”
อานหนิงไม่สามารถทนต่อการแสดงออกของจ้าวฉี่ฉิงได้ เธอยืนขึ้นพร้อมด้วยวางมือของเธอไว้ที่โต๊ะและจ้องมองไปที่ฝั่งตรงข้าม
“คุณผู้หญิงอานฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง”
ไม่รู้เพราะอะไร ตอนที่เห็นทั้งสองเข้าและออกไปด้วย คุณผู้หญิงอานรู้สึกถึงไฟที่อยู่ในใจของเธอ
เธอแค่ไม่อยากเห็นภาพที่อานหนิงได้ใจ
ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นๆ ในวันนี้ฟู่ซีเสินควรจะพูดเรื่องที่เกี่ยวกับการยกเลิกงานแต่งงาน
“จ้าวฉี่ฉิง อย่าให้มันมากเกินไป” อานหนิงเดินไปหาฟู่ซีเสินที่อยู่ตรงข้าม จับมือเขาแล้วพูดอย่างภาคภูมิว่า “ฟู่ซีเสินกับฉันจะหมั้นกันในเร็วๆนี้ หลังจากนี้ก็จะไม่ใช่แค่กินข้าวด้วยกันแค่ครั้งหรือสองครั้ง"
จ้าวฉี่ฉิงได้แต่หัวเราะและไม่ได้พูดอะไร เธอสังเกตเห็นฟู่ซีเสินที่แสดงท่าทีเหมือนเบื่อหน่าย อาจเป็นเพราะเขาคงไม่อยากให้เธอได้อับอายในที่สาธารณะแบบนี้ แค่อานหนิงไม่รู้ก็เท่านั้นเอง
“อานหนิง ฉันมีอะไรจะบอกเธอ”
ฟู่ซีเสินลากทั้งสองให้ออกห่างจากกัน พูดและมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา
แม้ว่าอานหนิงจะยืนอยู่ที่ข้างหน้าของเขา แต่เธอก็ยังรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของชายที่อยู่ข้างหน้าเธอ แต่เพื่อที่จะรักษาภาพลักษณ์ของเธอ เธอพยายามที่จะอยู่อย่างสงบ
การที่แอบฟังทั้งสองคนคุยกันมันไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก จ้าวฉี่ฉิงก็ได้ไอออกมาและส่งซิกให้หรงเยี่ยนหลีกออกไปก่อน
“พี่ฉี่ฉิง ฉันจะไปจ่ายเงิน เธอไปรอฉันอยู่ที่นอกประตูก่อนนะ”
พฤติกรรมทั้งหมดมันดูเป็นธรรมชาติมาก อานหนิงรู้สึกว่าจ้าวฉี่ฉิงกลัวที่จะโต้เถียงกับเธอ เธอเลยฉวยโอกาสนี้ในการหนีออกไป
สภาพแวดล้อมรอบๆก็ได้เงียบลงในทันที ฟู่ซีเสินก็เลยเข้าประเด็นทันที: "เรื่องที่เกี่ยวกับการหมั้นของเรา ผมอยากที่จะไปคุยที่บ้านของคุณในวันพรุ่งนี้"
"พรุ่งนี้เหรอ?"
เมื่อได้ยินฟู่ซีเสินบอกว่าจะมาที่บ้าน อานหนิงก็ยิ้มขึ้นทันที ในที่สุดวันที่เธอตั้งตารอก็มาสักที
แม่ของเธอมักจะถามฟู่ซีเสินเกี่ยวกับเรื่องของการหมั้นว่าไปถึงไหนแล้ว
“จะได้บอกพวกเขาว่าไม่ต้องเตรียมจัดงานหมั้นแล้ว”
หลังจากฟู่ซีเสินพูดเสร็จก็เดินออกจากร้านอาหารมิทเชลล์ไป ปล่อยให้อานหนิงยืนอยู่คนเดียวโดยที่ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ฟู่ซีเสินพูด
ไม่ต้องเตรียมแล้ว ความหมายคือเขาได้เตรียมหมดแล้ว หรือหมายถึงอย่างอื่น?
อานหนิงไม่อยากที่จะคิดว่าเป็นอย่างอื่น เธอรีบโทรมาบอกพ่อแม่ของเธอว่าฟู่ซีเสินจะไปหารือเกี่ยวกับการหมั้นในวันพรุ่งนี้
“พี่ฉี่ฉิง ไม่ต้องการให้ฉันไปส่งที่บ้านจริงๆเหรอ?” หรงเยี่ยนพอเข้าใจสถานการณ์ที่อยู่ในบ้านหลังเก่านั้นแล้ว
แต่ว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เขากลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น
“วางใจได้ ตราบใดที่ไม่ได้อยู่กับเธอ แฟนๆผู้หญิงพวกนั้นก็จะไม่มาวุ่นวายกับผม”
จ้าวฉี่ฉิงปิดปากของหรงเยี่ยน ครั้งล่าสุดที่แกล้งเป็นแฟนกันก็เพราะเขานั้นแหละที่พลาดเอง
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ จ้าวฉี่ฉิงกับหรงเยี่ยนก็ขับรถออกไป เธออยากจะเดิน
จริงๆแล้วเธอไม่มีที่ที่ต้องไป จ้าวฉี่ฉิงเดินไปในที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน เพราะแบบนั้นเธอถึงจะไม่รู้สึกเหงา
ป้ายของห้างที่อยุ่ข้างหน้าเธอทำเอาเธออึ้ง ไม่ได้ไปซื้อของนานมาก ได้เวลาที่จะปรับปรุงเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ของเธอแล้ว
พอคิดไปคิดมา เธอเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา จากนั้นฝีเท้าของเธอก็เริ่มร่าเริงขึ้น
"ไปไหน?"
ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการจุดประกายความสนใจนี้ แต่จู่ๆก็ถูกเสียงของฟู่ซีเสินพังทลายลง
เธอหันกลับมาอย่างไม่เต็มใจ เห็นใบหน้าของชายคนนั้นอยู่ข้างหน้าเธอและได้ถอนหายใจ: “คุณคุยอะไรกับอานหนิง?”
ถ้าจ้าวฉี่ฉิงเดาไม่ผิด จากตอนที่เธอเดินมาจนถึงตอนนี้มากสุดก็น่าจะประมาณสิบนาที
อานหนิงเป็นคนเข้าใจยาก ไม่สามารถที่จะให้เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว จำเป็นที่จะต้องอธิบายอย่างละเอียด
“ไม่ล่ะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันดีกว่า”
เดิมทีฟู่ซีเสินต้องการจะอธิบายในวันนี้ แต่พอเห็นหรงเยี่ยน เขาก็หงุดหงิดขึ้นมาและไม่อยากที่จะพูดอะไรเยอะ
เขาให้ความสนใจกับทั้งสองคน โดยเฉพาะในวันสำคัญ ทั้งสองยังแยกออกจากกัน มันไม่ปลอดภัยเอาซะเลย
แต่พอเห็นจ้าวฉี่ฉิง เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง
"อ้อ" จ้าวฉี่ฉิงตอบกลับไปว่า "คุณจะกลับบ้านรึเปล่า?"
"แล้วเธอล่ะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังจากหย่าแล้ว อดีตภรรยาของผมหวานขึ้นมาก