“หัวหน้ารปภ.ค่ะ เร็วๆ นี้ฉันกับท่านประธานฟู่ของพวกคุณจะทำความร่วมกัน อย่าปล่อยให้คนที่แอบคิดวางแผนไม่ดีเข้าบริษัท เพราะผลลัพธ์ที่ตามมาคุณอาจจะรับมันไม่ไหวนะคะ”
จ้าวฉี่ฉิงย้ำเตือนเรื่องความปลอดภัยให้กับหัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยอย่างเป็นมิตร โดยมีอีกฝ่ายกำลังจ้องมองตามหลังขณะเดินจากไป
อานหนิงจ้องเธอด้วยความเกลียดชัง จนปัญญาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ตัวเธอเองคงต้องคิดหาวิธีอื่นซะแล้ว
ถ้าเธอแสร้งป่วย ฟู่ซีเสินจะไปเยี่ยมเธอหรือไม่?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น อานหนิงก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วเดินตรงไปที่ประตูใหญ่
พนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นว่าอานหนิงเดินจากไปอย่างรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร จึงไม่ได้สนใจเธออีก
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาข้างหน้า อานหนิงนอนกองอยู่บนพื้นด้วยท่าทางเจ็บปวด ปากพร่ำเพ้อเรียกชื่อฟู่ซีเสิน
“คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรไหม?” หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยตื่นตระหนัก เกิดอุบัติขึ้นที่หน้าประตูบริษัท นั้นคือการบกพร่องต่อหน้าที่หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยอย่างเขา
“ซีเสิน ฉันต้องการพบซีเสิน” พูดจบ อานหนิงก็ฝั่งศีรษะเข้าไปในอ้อมแขน ร่างกายขดตัวเข้าหากัน
หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยอดสงสารไม่ได้ จึงทำได้เพียงแค่ให้ลูกน้องโทรหาฟู่ซีเสิน รอคอยคำตอบจากท่านประธาน
เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัย อานหนิงก็ยิ้มบางๆ เพิ่มความเจ็บปวดให้มากขึ้นไปอีก
หลังจากนั้นสามนาที พนักงานรักษาความปลอดภัยอีกคนรีบวิ่งไปยังสถานที่เกิดเหตุ มองหัวหน้าทีมด้วยความลำบากใจ “หัวหน้าครับ ท่านประธานบอกว่าให้โยกย้ายการตรวจตรา หากเรามีส่วนเกี่ยวข้อง เขาจะรับผิดชอบเอง”
พูดจบประโยคสุดท้าย พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ถ้าอานหนิงไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี เธอก็จะถูกลงโทษไปตามกฎหมาย
เมื่อรู้ว่าการแกล้งป่วยไม่ได้ผล อานหนิงจึงลุกขึ้นยืน แล้วมองทั้งสองคนด้วยความรังเกียจ “ไม่ต้อง ฉันหายดีแล้ว”
เธอหยิบกล่องอาหารกลางวันขึ้นมาจากพื้น แล้วเดินหนีไปด้วยความอาย
จ้าวฉี่ฉิงยังไม่ได้ไปไหน จึงเห็นทุกอย่างเข้าโดยบังเอิญ ช่างน่าขันจริงๆ แม้แต่ตู้เซี่ยถงที่อยู่ข้างๆ ยังเม้มปากหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“ท่านประธานจ้าว เราทำแบบนี้จะดีเหรอคะ?” ตู้เซี่ยถงรู้สึกว่าจ้าวฉี่ฉิงเปลี่ยนไป
ไม่ใช่คอยอยู่แต่ในห้องทำงานทั้งวันทั้งคืนเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับให้ความสนใจเรื่องที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรแบบนี้
จ้าวฉี่ฉิงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอเอาคืนด้วยความสะใจ มีร่องรอยของความเกลียดชังอยู่ในดวงตาสดใสคู่นั้น “ความเจ็บปวดที่ฉันได้รับในตอนนั้น เธอต้องได้รับมันเป็นสองเท่า”
พูดจบ จ้าวฉี่ฉิงก็เลือกวิดีโออันล่าสุดเพื่อแชร์ไปให้ฟู่ซีเสิน หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็มีข้อความตอบกลับเธอ “ทำไมไม่เข้ามา?”
แม้ว่าโลโก้ของเทียนจิ่งกรุ๊ปจะไม่ได้ถูกถ่ายติดไปด้วย แต่เมื่อเห็นอานหนิง ก็รู้ได้ทันทีว่าสถานที่ถ่ายวิดีโออยู่หน้าบริษัท
จ้าวฉี่ฉิงพิจารณาอยู่นาทีสองนาที ก่อนจะเปิดประตูรถ แล้วบอกกับตู้เซี่ยถงว่า “คุณกลับไปก่อน ฉันยังมีธุระ”
ตู้เซี่ยถงเห็นจ้าวฉี่ฉิงเดินเข้าไปในเทียนจิ่งกรุ๊ปโดยไม่มีอะไรกีดขวาง พนักงานกล่าวทักทายอย่างสุภาพ
จ้าวฉี่ฉิงเคาะประตูห้องทำงานเบาๆ สองครั้ง โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับ เธอก็ดันประตูเข้าไป
เหนือความคาดหมาย ฟู่ซีเสินไม่ได้อยู่ในห้องทำงาน
ออกไปตอนนี้และทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะสายเกินไปไหมนะ?
เสี้ยววินาทีที่จ้าวฉี่ฉิงหันหลังเพื่อจากไป พลันได้กลิ่นกาแฟอันแสนคุ้นเคยโชยมา ความกังวลภายในใจหายไปทันที
เดิมตามกลิ่นกาแฟไป สายตาของจ้าวฉี่ฉิงจับจ้องไปที่แก้วกาแฟบนโต๊ะ มองเพียงแวบแรกเธอก็จำแก้วน้ำที่เธอใช้ครั้งล่าสุดได้ทันที
ในเมื่อรู้มาเธอจะมา กาแฟนี้คงเตรียมไว้สำหรับเธอ
จ้าวฉี่ฉิงหยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบโดยไม่ลังเลใจ พลางหรี่ตาลงอย่างมีความสุข
แต่ปากกาหมึกซึมที่อยู่ไม่ไกล ดึงดูดความสนใจของจ้าวฉี่ฉิง
เธอจำที่ตัวเองเคยพูดได้ “ฉันอยากออกแบบปากกาสองด้าม ฝังด้วยเพชรสีชมพูและเพชรสีขาว”
หลังจากนั้น มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ทำให้เธอไม่มีอารมณ์ที่จะออกแบบมัน ความคิดนี้จึงถูกลืมไปจนหมดสิ้น
ดูเหมือนว่าความทรงจำจะสัมผัสได้ถึงหัวใจของจ้าวฉี่ฉิง เธอหยิบปากกาขึ้นอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้ วางนิ้วของเธอลงบนตำแหน่งที่ต้องการอยากฝังเพชร แล้วหมุนควงปากกาไปมา
หมุนไปได้หนึ่งรอบ จ้าวฉี่ฉิงรู้สึกได้ถึงความขรุขระ เมื่อยกนิ้วขึ้นดู เห็นเพชรสีขาวส่องแสงแวบวาบ
“เป็นคุณใช่ไหม?” จ้าวฉี่ฉิงจ้องมองเพชรสีขาวเป็นประกาย ภายในใจเกิดไหวหวั่นขึ้นมา ตรงตามที่เธอจินตนาการเอาไว้
ฟู่ซีเสินประชุมเสร็จก่อนกำหนด แต่กลับไม่เห็นแม้เงาของจ้าวฉี่ฉิง เมื่อเขาถามผู้ช่วยเว่ย จ้าวฉี่ฉิงก็เดินออกมาจากห้องรับรอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังจากหย่าแล้ว อดีตภรรยาของผมหวานขึ้นมาก