จ้าวฉี่ฉิงมองไปยังพนักงานเสิร์ฟด้วยความมึนงง เธอจำได้ว่าตัวเองไม่ได้สั่งแพกเกจคู่รัก
เมื่อเห็นความงงงวยของจ้าวฉี่ฉิง พนักงานเสิร์ฟจึงอธิบายว่า “ขออภัยด้วยครับ ฉันนึกว่าพวกคุณเป็นคู่รักกัน”
ร้านอาหารมิทเชลล์เน้นการบริการเป็นหลัก ตัวตนของทั้งสองคนทำให้เขาเข้าใจผิด คิดว่าเป็นความสัมพันธ์กันแบบคู่รัก จึงเป็นเรื่องปกติที่ต้องถามถึงรูปแบบในการรับประทานอาหาร
“เธอไม่เข้าใจหรอก ทำตามที่คุณพูดนั่นแหละ” ฟู่ซีเสินลูบศีรษะจ้าวฉี่ฉิงสองที แล้วยิ้มบางๆ ให้พนักงานเสิร์ฟ
พนักงานที่คอยบริการผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วน เข้าใจว่าฟู่ซีเสินหมายความว่าอย่างไร เขาโค้งคำนับอย่างสุภาพแล้วเดินจากไป
“เขาพูดอะไร?”
บนตัวของฟู่ซีเสินมีกลิ่นบุหรี่จางๆ ทำให้จ้าวฉี่ฉิงไม่มีสมาธิในการฟังบทสนทนาของพวกเขาทั้งสองคน
“ไม่มีอะไร”
ไม่นานเกินรออาหารเย็นก็มาเสิร์ฟ จ้าวฉี่ฉิงได้กลิ่นหอมเตะจมูก
หลังจากอาหารวางบนโต๊ะ จ้าวฉี่ฉิงได้กลิ่นหอมของสปาเกตตี ก็อุทานขึ้นมาอย่างลืมตัว “หอมจริงๆ”
“ไม่กินจะอิ่มไหม?” ท่าทีของจ้าวฉี่ฉิงทำให้ฟู่ซีเสินขบขัน
“มันคือพิธีการ”
ฟู่ซีเสินไม่เข้าใจพิธีการที่จ้าวฉี่ฉิงกล่าวถึงว่าเป็นพิธีการแบบใด เขาแบ่งบะหมี่ของตัวเองให้เธอ สายตาเย็นชาพลันอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย “กินอีกเยอะๆ”
บะหมี่นั้นมาจ่อถึงริมฝีปากของเธอแล้ว จ้าวฉี่ฉิงไม่รู้ว่าจะรับประทานต่อดีหรือไม่
เธอเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง รับประทานได้ไม่เยอะขนาดนั้น
ดูเหมือนว่าฟู่ซีเสินจะไม่สังเกตเห็นจุดนี้
“เป็นอะไร?” เมื่อเห็นจ้าวฉี่ฉิงจ้องเขานิ่ง ฟู่ซีเสินจึงหันไปเผชิญหน้ากับเธอ
“เยอะเกินไป” จ้าวฉี่ฉิงชี้นิ้วไปที่จานของตัวเอง
“เหลือก็เอามาให้ผม”
คำพูดของฟู่ซีเสิน ทำให้เธอต้องปรับทำความเข้าใจเสียใหม่
ภาพในความทรงจำ ฟู่ซีเสินไม่เคยเอาอาหารของตัวเองให้คนอื่น และยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เคยกินเศษเหลือจากคนอื่นเช่นกัน
จ้าวฉี่ฉิงคิดเพียงว่าคนที่อยู่ตรงหน้าตัวเองเป็นตัวปลอม ไม่ใช่ตัวจริง
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาตักเตือนของฟู่ซีเสิน จ้าวฉี่ฉิงจึงรีบถอนสายตาตัวเองกลับมา เคี้ยวบะหมี่ในปากราวกับเครื่องกล สูญเสียความอยากอาหารเมื่อก่อนหน้านี้ไปอย่างสมบูรณ์
อาหารมื้อค่ำไม่ค่อยเป็นอิสระเท่าไหร่นัก เพราะยังมีความโรแมนติกอยู่นิดๆ
เธอมีภาพลวงตาฉายขึ้นมาว่า ตัวเองกำลังมีรักแท้ และแฟนคนนั้นก็รักเธอมาก
พฤติกรรมของฟู่ซีเสินคืนนี้ มันทำให้เธอนึกถึงฉากที่ทั้งคู่ได้พบกันในครั้งแรก เขาให้ความรู้สึกคุ้นเคยและความปลอดภัยแก่เธอเสมอ
“ฟู่ซีเสิน ฉันต้องกลับแล้ว”
จู่ๆ จ้าวฉี่ฉิงก็นึกเสียใจที่ตัวเองขับรถมาเอง เช่นนี้จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องกลับไปกับฟู่ซีเสิน
“ขับรถระวังๆ หน่อยนะ ถ้ามีเรื่องที่แก้ไม่ตก ผมช่วยคุณได้”
ฟู่ซีเสินเดาว่าจ้าวฉี่ฉิงคงกำลังปวดหัวอยู่กับสองแม่ลูกเหม่ยหลาน รวมถึงเรื่องการหย่าร้างของพวกเขาด้วย
“ขอบคุณ”
มีความรู้สึกซาบซึ้งมากมายที่ต้องการพูดออกไป แต่เมื่อประสานเข้ากับสายตาของฟู่ซีเสิน จ้าวฉี่ฉิงจึงเอ่ยออกมาได้เพียงสองคำนี้
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และยังมีใครบางคนกำลังรอคอยเธออยู่ ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือลางร้ายกันแน่
เธอเดินไปที่ห้องครัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น รินน้ำใส่แก้ว แล้วเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่น
ไม่ว่าอย่างไรเรื่องก็ยังแก้ไม่ตก พวกนั้นคงไม่ยอมปล่อยตัวเธอไปแน่
เมื่อเห็นจ้าวฉี่ฉิงนั่งลงตรงหน้าด้วยความว่านอนสอนง่าย เหม่ยหลานยิ้มอย่างลำพองใจ เป็นไปอย่างที่คิด ยังเป็นเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีความคิดใดๆ
“เรื่องการหย่าร้างระหว่างเธอกับฟู่ซีเสินฉันจะไม่เข้าไปยุ่งด้วย แต่เรื่องหุ้นของเซิ่งฮุย เธอจะไม่อธิบายให้เราทราบสักหน่อยเหรอ?”
สายตาเย็นชาของเหม่ยหลานจ้องมองรูปร่างเพรียวบางของจ้าวฉี่ฉิง ดูเหมือนว่าชีวิตที่เธออยู่กับฟู่ซีเสินจะไม่ใช่สุกใสสวยงามเพียงแค่ที่แสดงให้เห็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังจากหย่าแล้ว อดีตภรรยาของผมหวานขึ้นมาก