เมื่อทั้งหมดกินอาหารเย็นกันเสร็จเรียบร้อยต่างก็แยกย้ายกันเข้าห้องเพื่อไปฝึกพลังปราณ ไป๋หลันเมื่อเห็นพี่กำลัง จะเดินเข้าห้องจึงรีบเอ่ยถาม “พี่ใหญ่คืนนี้ไปห้องข้าอีกหรือไม่”
"พี่ก็อยากไปดูละครต่อให้จบเหมือนกันแต่พี่เกรงใจกลัวว่าเจ้าจะนอนดึก"
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะพี่ใหญ่ ข้าอดนอนเป็นประจำตอนอยู่เวรดึก" ไป๋หลันกล่าวออกไปอย่างลืมตัวเพราะภพเก่าตอนฝึกงานอยูที่โรงพยายาบาลนางอดนอนอยู่เป็นประจำ
"เจ้าไปทำอะไรมาหรือ? ถึงอยู่เวรดึก" เฉินหยางสงสัยก็นางอยู่บ้านตลอดไม่ใช่หรือ
"ข้าก็พูดเรื่อยเปื่อยไม่ต้องสนใจหรอกเจ้าค่ะ เราเข้าห้องกันดีกว่า" ไป๋หลันเอ่ยพลางกอดแขนพี่ชายแล้วลากไปเข้าห้องทันที เมื่อเข้ามาในห้องนางก็เปิดละครเรื่องเดิมเพราะมันมีหลายตอนดูสิบวันก็ยังไม่จบ นางเสกขนมกับน้ำส้มแท้ออกมาให้พี่ชายได้ลิ้มลองเพราะไม่อยากให้เขาดื่มแต่น้ำอัดลมมันไม่ดีต่อร่างกายเท่าใดนัก
"พี่ใหญ่นั่งดูคนเดียวไปก่อนนะประเดี๋ยวข้ามา แป๊บ...นึง" ไป๋หลันกล่าวออกไปด้วยภาษาบ้านเกิด(โลกเก่า)
เฉินหยางขมวดคิ้ว น้องสาวเขาช่วงนี้พูดจาแปลกประหลาดฟังไม่ค่อยเข้าใจเลยถามออกไปว่า "แป๊บ...นึงคืออะไรหรือ?"
ไป๋หลันได้ยินพี่ชายถามด้วยน้ำเสียงยาน ๆ เช่นนั้นก็หัวเราะชอบใจแล้วเอ่ยตอบไปว่า "แป๊บ~นึง ก็หมายถึงรอสักครู่หนึ่งเจ้าค่ะ มันเป็นการประหยัดคำพูด สั้น ๆ ง่าย ๆ ไม่ต้องพูดเยอะเจ็บคอ"
"อ๋อ...พี่เข้าใจแล้ว" เฉินหยางพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วก็หันหน้าไปดูละครที่ชื่นชอบต่อทันที
ไป๋หลันเดินไปที่เตียงนอนเตียงของนางยังไม่ได้เปลี่ยนเพราะห้องนอนมันคับแคบเกินไป จากนั้นใช้เวทย์วิเศษเสกแหวนมิติที่มีพื้นที่จัดเก็บหลายไร่ออกมาจำนวนสี่วง แล้วนึกถึงอาวุธต่าง ๆ ที่นางเคยเห็นจากร้านขายอาวุธออกมาทั้งหมด แล้วจัดเก็บใส่ไว้ในแหวน ทีละวง ๆ จนครบทั้งสี่วงมันเป็นของนางหนึ่งวงเพราะคนจะได้ไม่สงสัยเวลาหยิบของออกมาจากมิติ
นางใส่เงินไว้ในแหวนของบิดาและมารดา คนละหนึ่งหมื่นเหรียญทอง ส่วนของพี่ชายไม่ได้ให้เพราะเขายังมีเงินจากการขายสมุนไพรอยู่ ตอนนี้นางยังมีเงินไม่มากและต้องนำไปจ่ายค่าบ้านพรุ่งนี้อีก เมื่อทำธุระเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปนั่งข้างๆพี่ชายทันที
นางมองพี่ชายที่นั่งดูละครอย่างใช้ความคิดจากนั้นก็เอ่ยขึ้น “พี่ใหญ่ต่อไปนี้ท่านนอนกับข้าที่ห้องนี้เถิดเพราะด้านนอกอากาศหนาว”
"..." เงียบไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจากคนที่นั่งอยู่ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจึงหันหน้าไปมองพี่ชายที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาดูละครอยู่
"ตั้งใจเกิน..." ไป๋หลันพลางล้มตัวลงนอนเอาหัวไปหนุนตักพี่ชายแล้วหลับไปอย่างมีความสุข เพราะวันนี้นางเพลียมาทั้งวันแล้ว
มื้อเช้าที่โต๊ะอาหารวันนี้เป็นข้าวต้มหมูร้อน ๆ ให้ทุกคนได้กินและมีขนมปังกับนมข้นหวานวางไว้บนโต๊ะ หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วไป๋หลันก็เอ่ยขึ้นทันที "ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ ข้ามีของมามอบให้พวกท่านเจ้าค่ะ"
"อะไรหรือ?หลันเอ๋อร์" เฉินหยวนเอ่ยถามบุตรสาวอย่างสงสัย
ไป๋หลันหยิบแหวนมิติออกมาสามวงวางไว้ตรงหน้าแล้วเอ่ย "มันคือแหวนมิติเจ้าค่ะ ลูกใส่อาวุธไว้หลายชนิดและเงินอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนของพี่ใหญ่อาวุธมีพร้อมขาดแต่เงินเจ้าค่ะ พี่ใหญ่น่าจะยังมีเงินเหลืออยู่ เอาไว้วันหน้าข้าค่อยให้ท่านนะเจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยบอกพี่ชาย
"ไม่เป็นไรหรอกหลันเอ๋อร์ พี่ยังมีเงินอยู่เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก" เฉินหยางเอ่ยบอกน้องสาว ทั้งสามรับแหวนมาแล้วส่งจิตเข้าไปสำรวจดูเมื่อเห็นอาวุธมากมายก็ต้องตกใจ
"หลันเอ๋อร์เจ้าไปเอาของพวกนี้มาจากที่ใดกันหรือ?" เฉินหยางเอ่ยถามน้องสาว เขาสงสัยเพราะของพวกนี้ไม่น่าจะมาจากโลกในฝันมันช่างดูคุ้นตาเขายิ่งนัก
ไป๋หลันได้ยินพี่ชายถาม ก็ตอบออกไปอย่างไม่ได้ทันคิด “ก็เมื่อวานข้าออกไปที่ร้านขายอา...อุ๊บ!!..." นางรีบเอามืออุดปากตัวเองเอาไว้แน่นแล้วกลอกตามองทั้งสามคน
"นี่เจ้า!!...แอบหนีไปข้างนอกคนเดียวหรือ? หึ่ยย... " เฉินหยางกล่าวออกมาอย่างเข่นเขี้ยวเขากลัวว่านางจะได้รับอันตรายนางยังเด็กนักจึงไม่ไว้ใจให้ไปไหนมาไหนผู้เดียว
"แฮะ แฮะ ขอโทษเจ้าค่ะ ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่" ไป๋หลันหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วเอ่ยขอโทษอย่างสำนึกผิด
"เอาล่ะ ๆ คราวหน้าจะไปไหนก็บอกกล่าวกันก่อนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง" เฉินหยวนเอ่ยตัดบท
“เจ้าค่ะท่านพ่อ”
"ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากับหลันเอ๋อร์จะออกไปพบท่านพ่อค้าเพื่อติดต่อซื้อบ้านนะขอรับ" เฉินหยางเอ่ยบอกบิดามารดา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน
1...