ทั้งสองคนทำแบบเดิมซ้ำ ๆ ทุกวันจนเวลาล่วงเลยไปหกเดือน ตอนนี้มีมี่จดจำรายชื่อสมุนไพรได้ทั้งหมดอย่างคล่องแคล่ว แถมยังปรุงโอสถได้เลื่อนระดับมาอยู่ที่ระดับสูงแล้วส่วนพลังปราณก็พัฒนาขึ้นจนมาอยู่ระดับราชันย์ขั้นต้นแล้วเพราะแสงสีน้ำเงินอ่อนที่มีมี่ปล่อยออกมา
ส่วนตัวของไป๋หลันเองนั้นก็ต้องฝึกฝนเช่นกันเพราะที่ผ่านมานางเอาแต่เสกโอสถขึ้นมาจึงทำให้เม็ดยาอยู่ในระดับสูงเท่านั้น และหลังจากที่อยู่ฝึกในมิติหลายเดือนจึงทำให้นักปรุงโอสถของนางเลื่อนมาอยู่ในระดับปรมาจารย์แล้ว พลังปราณของนางยังเลื่อนขึ้นมาอยู่ในระดับเทพขั้นกลางแล้วด้วยดูได้จากแสงสีดำแต่ไม่เข้มมากที่ปล่อยออกมานั่นเอง...
ไป๋หลันและมีมี่ทั้งดื่มกินและลงแช่ในน้ำทิพย์วารีทุกวันและด้วยพลังปราณที่ขยับเลื่อนสูงขึ้นจึงทำให้ผิวพรรณของพวกนางเปล่งปลั่งขาวใสงดงามน่ามองขึ้นอีกหลายเท่า แต่ทั้งสองหรือจะรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงเพราะเห็นกันอยู่ทุกวันจนเคยชิน
เมื่อทั้งสองออกมาจากมิติก็พบว่าเป็นยามหม่าพอดี(05.00-06.59)ทั้งสองอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของทางสำนักเซียนคืออาภรณ์สีเขียวมีพู่หยกเขียวห้อย แต่ของไป๋หลันจะมีหยกขาวห้อยอีกหนึ่งอันเพื่อดูดซับกลิ่นกายที่มันหอมฟุ้งจนเกินไป ทั้งสองเดินมายังห้องที่เย่วซินนอนอยู่ เมื่อมาถึงก็พบว่าเย่วซินนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาเหมือนคนเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น
"เย่วซินเจ้ายังไม่หายอีกหรือ? หรือว่าเจ้ายังเจ็บปวดตรงไหนบอกข้ามาข้าจะได้เตรียมโอสถให้เจ้าถูก" ไป๋หลันเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
"ไป๋หลันขะ...ข้า...จริงหรือ?" เย่วซินเอ่ยถามพลางชี้นิ้วมาทางตนเอง เมื่อเช้านางตื่นขึ้นมาลูบหน้าบ้วนปาก แต่พอเห็นตัวเองในกระจกก็ต้องตกใจกับภาพในกระจกเพราะไม่ทราบว่านางนั้นเป็นใคร แต่พอลองขยับแขน ขาพบว่าคนในกระจกคือนางเอง
"ฮ่า ๆ ๆ...เจ้าจำตัวเองไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอก ข้าและไป๋หลันก็นึกไว้อยู่แล้ว" มีมี่หัวเราะเสียงดัง
"เจ้าโดนพิษปิดกั้นเส้นสายในร่างกายทำให้เลือดลมภายในแปรปรวน ผิวกายของเจ้าจึงกระดำกระด่าง พอข้าถอนพิษออกสำเร็จเลือดลมภายในและเส้นพลังปราณกลับมาใช้ได้ปกติจึงทำให้ผิวพรรณของเจ้ากลับสภาพเดิมดูใสขาวขึ้นมาก”ไป๋หลันเอ่ยอธิบาย แต่ไม่ได้บอกว่าเอาน้ำทิพย์วารีให้นางดื่ม
"เย่วซินเจ้าลองโคจรพลังปราณดูสิ ว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ ค่อย ๆ ทำไปไม่ต้องรีบร้อน" มีมี่เอ่ยบอก
เย่วซินได้ยินดังนั้นก็นั่งหลับตาทำสมาธิ ราว ๆ หนึ่งก้านธูปก็เริ่มรู้สึกว่าจุดตันเถียนของตนร้อนขึ้น จึงถ่ายความร้อนมาตามร่างกายอย่างช้า ๆ ผ่านไปสองเค่อ เย่วซินลืมตาขึ้นพร้อมกับแบมือข้างหนึ่ง แสงสีเเดงอ่อน ๆ ระดับก่อเกิดขึ้นต่ำ เย่วซินดีใจจนน้ำตาไหลออกมา ลุกขึ้นกอดทั้งสองคนทันที
“ขอบใจพวกเจ้าสองคนมากข้าไม่คิดไม่ฝันว่าจะสามารถใช้พลังปราณได้" เย่วซินกอดสหายทั้งสองพร้อมเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงสั่นเทาอย่างตื้นตันใจ
"พวกเราเป็นสหายกันแล้วข้าก็เต็มใจ วันนี้เจ้าก็พักอยู่ที่นี่แหละไม่ต้องออกไปด้านนอก ข้าจะให้เจ้านั่งดูดซับพลังปราณและลองดึงธาตุออกมาว่าเจ้ามีธาตุอะไรบ้าง แค่ดูอย่างเดียวนะไม่ต้องซัดใส่บ้านพักของข้าประเดี๋ยวจะพังเสียหายหมดเข้าใจหรือไม่" ไป๋หลันเอ่ยสั่งพร้อมกับหยิบโอสถเพิ่มพลังปราณระดับสูงให้เย่วซิน
"โอสถเพิ่มพลังปราณ ข้ากับมีมี่จะออกไปฝึกวรยุทธ์ก่อน"
"ขอบใจเจ้ามาก พวกเจ้าไปเถิดไม่ต้องห่วงข้า" เย่วซินเอ่ยรับปากจากนั้นก็แยกย้ายกันออกไป
ทางด้านลี่อินหลังได้รับจดหมายจากสหายที่อยู่เเคว้นเหว่ย ลี่อินและเมิ่งซูฮวาเป็นสหายกันมาแต่เด็ก และในเมื่อสหายรักมีเรื่องร้อนใจและอยากให้นางช่วยเหลือ นางก็ยินดีจะทำให้สหายได้สมหวังเสียหน่อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน
1...