หลินไป๋หลัน นิยาย บท 82

"หลันหลัน เจ้าสังเกตไหมว่าศิษย์พี่ลี่อินมองพวกเราด้วยสายตาแปลก ๆ โดยเฉพาะกับเจ้า!" มีมี่อดถามไม่ได้เพราะสังเกตมานานและก็มั่นใจด้วยว่าคิดไม่ผิด นางชะนีขี้แอ๊บ...

"ตราบใดที่นางยังไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อนก็จงเฉย ๆ ไว้ " ไป๋หลันเอ่ย ทำไมนางจะไม่รู้เล่าแต่นางเลือกที่จะเฉยเสียมากกว่าปล่อยให้ศิษย์พี่ลี่อินได้กระทำตามที่นางต้องการ

"แต่นางก็ทำให้เราได้แผลเกือบทุกวัน" มีมี่เอ่ย ศิษย์พี่ลี่อินมีเพลงกระบี่คู่ที่ร้ายกาจซึ่งเป็นเคล็ดลับวิชาของท่านอาจารย์สามมอบให้ศิษย์ของตนฝึกฝนจึงทำให้พวกนางรับมือยากและบาดเจ็บอยู่เป็นประจำ โชคดีที่ไป๋หลันมียาทาแผลที่ล้ำเลิศไม่ทิ้งแผลเป็นเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเนื้อตัวคงดูไม่จืดไปแล้วกระมัง

"ปล่อยนางไปก่อน ข้าจะรวบยอดทั้งต้นทั้งดอกทีเดียววันประลองตอนนี้ปล่อยให้นางได้ใจไปก่อน" ไป๋หลันเอ่ยหน้านิ่งพลางคิดในใจ 'ใครจะปล่อยให้นางลอยนวลกันเล่าแค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น'

'ร้ายกาจ!!' เย่วซินและมีมี่ตะโกนในใจ

"ตอนนี้พวกเรามาฝึกเพลงกระบี่ของอาจารย์หม่ากันดีกว่า สุดยอดเคล็ดลับวิชาบุบผาไร้เงาที่ท่านมอบให้ไว้น่ะ" ไป๋หลันเอ่ยจบก็จับมือสหายทั้งสองเอาไว้แล้วพาเข้ามาในมิติส่วนตัวของนาง

ครั้งแรกที่เย่วซินเข้ามาค่อนข้างตกใจเป็นอย่างมากเพราะไม่เคยเห็นสิ่งที่สวยงามเช่นนี้มาก่อนและก็คาดไม่ถึงว่าธาตุมิติจะมีผู้ครอบครองมันอยู่อีกเพราะเป็นธาตุที่หายากและหายสาบสูญไปนานแล้วตำราได้บอกเอาไว้อย่างนั้น สหายเล่าเรื่องราวลี้ลับที่นางพบเจอให้ฟังเรื่องโลกในฝันและสิ่งของแปลกประหลาดทั้งหลาย นางก็เป็นผู้ฟังที่ดีและไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไรมากมายให้สหายรำคาญ

ทั้งสามฝึกวิชาบุบผาไร้เงากันอย่างเคร่งเครียดและเคร่งครัด ไป๋หลันปรับเวลาในมิติสามเดือนในแต่ละคืน เพราะไม่อยากเคร่งเครียดมากเกินไป ทั้งสามฝึกฝนด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจนเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบแปดปีในมิติหรือหนึ่งเดือนภายนอกนั่นเอง

เพลงกระบี่บุบผาไร้เงาร้ายกาจรวดเร็วไร้ร่องรอย แต่อ่อนช้อยน่าชื่นชม วิชาตัวเบาบุบผาไร้เงาก็ร้ายกาจไม่แพ้กันรวดเร็วจนไม่สามารถมองเห็นได้รับรู้เพียงสายลมที่พัดผ่านเพียงเท่านั้น กว่าพวกนางจะฝึกซ้อมกันมาได้ถึงขั้นสุดยอดนี้ก็ใช้เวลาในมิติไปเกือบแปดปีเลยทีเดียว

หลังจากสำเร็จวิชาบุบผาไร้เงาที่ฝึกซ้อมกันมาหลายปีทุกกระบวนท่า พวกนางจึงตัดสินใจหลบหนีออกจากสำนักในยามค่ำคืนนี้ไปยังภูเขาลูกหนึ่งที่อยู่ห่างจากสำนักไปมากโขและไร้ผู้คนอาศัยอยู่ เพื่อทดสอบเพลงกระบี่ที่จะอัดแน่นไปด้วยพลังปราณเพราะฝึกในมิติทั้งสามไม่ได้ทดลองปล่อยพลังปราณออกมาด้วยเพราะกลัวมิติพังเสียหาย ส่วนเฟยเฟย เป็นผู้อาสาพาบินมายังภูเขาที่ห่างไกลทันทีเพียงไม่กี่ลมหายใจก็มาถึงยังที่หมาย

ทั้งสามต่างใช้วิชาบุบผาไร้เงา เคลื่อนไหวคล่องแคล่วราวกับหายตัวได้ พร้อมฟาดฟันกระบี่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณระดับสูงจนต้นไม้ขนาดใหญ่โค่นล้มลงทันทีจากต้นนั้นไปต้นนี้

ทั้งสามใส่พลังกันเต็มที่โดยไม่ออมแรง เพราะอัดอั้นมานานตั้งแต่อยู่ในมิติวันนี้คือวันปล่อยผี พวกนางซัดพลังธาตุออกไปทั้งธาตุไฟ ธาตุน้ำ ธาตุลม เกิดเป็นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวพื้นดินสะเทือนไปทั่วทิศ

เมื่อซ้อมกันได้ราว ๆ หนึ่งชั่วยามก็รีบพาตัวเองกลับสำนักทันที เพราะเกรงว่าจะมีคนมาพบเข้า พวกนางเพิ่งจะมารู้ตัวว่าได้ทำเรื่องที่ผิดพลาดอย่างมหันต์หลังจากมองดูต้นไม้บนภูเขาที่โค่นล้ม พื้นดินยุบเป็นหลุมลึกหลายแห่งเรียกได้ว่าภูเขาทั้งลูกเละเป็นโจ๊กเลยก็ว่าได้ ทั้งสามรีบกลับสำนักโดยเฟยเฟยเป็นผู้พากลับเช่นเดิมจากนั้นก็พักผ่อนไปด้วยความอ่อนเพลียเพราะใช้พลังปราณไปมาก...

ช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น วันนี้เป็นวันเปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขันทั้งด้านปรุงยาและด้านประลองยุทธ ในการแข่งขันจะแบ่งเป็นศิษย์ของอาจารย์แต่ละท่านลงแข่งกัน ในนามของศิษย์อาจารย์หม่าชิงหลุนไป๋หลันและมีมี่จึงลงแข่งขันด้านหลอมโอสถ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน