ส่วนเมิ่งซูฮวาที่ได้รับยาพิษสลายวิญญาณตอนนี้ยาคงยังไม่ออกฤทธิ์ นางยกยิ้มในใจเพราะยาถอนพิษที่นางมีไว้ในครอบครองนั่นเอง เมิ่งซูฮวารีบหยิบยาถอนพิษขึ้นมาหย่อนใส่ปากทันที แล้วรีบเดินไปดูอาการของอาจารย์ตัวเอง ก็พบว่าร่างกายของอาจารย์เจ้าสำนักบัดนี้ไม่มีพลังปราณหลงเหลืออีกแล้ว คนในสำนักช่วยกันพยุงร่างของท่านเจ้าสำนักเข้าไปด้านในโดยไม่สนในสตรีสองนางที่ยืนอยู่อีกเลยแม้แต่น้อย เมิ่งซูฮวาขยับเท้าเตรียมก้าวตามเข้าไปภายในสำนักแต่ต้องชะงัก...
"เมิ่งซูฮวา เจ้าพ้นจากการเป็นศิษย์ของสำนักเหลียงซานตั้งแต่บัดนี้ ออกไปให้พ้นจากที่นี่เสีย คงไม่ต้องให้ข้าบอกว่าเพราะเหตุใดหรอกนะ..." รองเจ้าสำนักเอ่ย เขาอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นและได้ยินทุกคำพูดว่าผู้ใดเป็ยฝ่ายผิดถูก กล่าวจบก็เดินหันหลังกลับเข้าสำนักทันทีแล้วสั่งปิดประใหญ่ด้านหน้าห้ามผู้ใดเข้าออกอีกเด็ดขาด
เมิ่งซูฮวากำมือแน่นด้วยความแค้นนางจะไม่ยอมให้มันจบแบบนี้เป็นแน่ ไม่มีวัน!!
"ซูฮวา...เรากลับแคว้นเหว่ยกันเถิด" ลี่อินเอ่ยเสียงแผ่วเพราะไอเย็นจากน้ำแข็งทำให้ร่างกายอ่อนล้ามาก
"เป็นเพราะเจ้า!! ที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้" เมิ่งซูฮวากล่าวโทษสหายโดยไม่สำนึกว่าตนเองผิดแม้แต่อย่างใด ลี่อินแม้จะไม่พอใจเท่าใดนักแต่ก็พยายามข่มอารมณ์ของตนเองเอาไว้
"ข้าผิดเอง เจ้าใจเย็นลงก่อน"
"คุณหนู!!" เงาของเมิ่งซูฮวาปรากฏกายขึ้น
"ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมา...ใยไม่ออกมาช่วยข้า" เมิ่งซูฮวาตวาดเสียงดัง
"ข้าน้อยถูกคนของมันสกัดเอาไว้ จึงไม่สามารถมาช่วยได้ทันข้าน้อยสมควรตาย"
"เอาล่ะ ๆ ข้าจะกลับแคว้นเหว่ยไปหาท่านพ่อ ข้าจะต้องแก้แค้นนังสารเลวนั่นให้ได้" เมิ่งซูฮวาเอ่ยอย่างเครียดแค้น โดยหารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังจะมีสภาพเช่นไรในอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามข้างหน้า เมิ่งซูฮวากล่าวจบก็ดีดตัวขึ้นใช้วิตัวเบาลัดเลาะลงจากเขามุ่งหน้าไปทางแคว้นเหว่ยบ้านเกิดของตนโดยไม่สนใจสหายอย่างลี่อินเลยสักนิดเดียว...
ทางด้านสามสหายที่เข้ามาในมิติ ก็ได้มานอนแช่ตัวด้วยน้ำทิพย์วารีกันอย่างสบายใจและคลายอารมณ์
"หลันหลัน เราจะไปที่ใดกันต่อ หรือจะกลับจวนไปหาท่านพ่อท่านแม่และพี่หยางดี" มีมี่เอ่ยถาม
"ยังไม่กลับ ขี้เกียจตอบคำถามพี่ใหญ่" ไป๋หลันเอ่ย แล้วหันไปทางเย่วซิน "เย่วซิน เจ้าอยากแก้แค้นครอบครัวที่ทำร้ายเจ้าหรือไม่ ไม่สิ ๆ...เจ้าอยากแก้แค้นแบบไหน เอาถึงตายหรือแค่สั่งสอน"
"ข้าอยากให้พวกเขาได้ลิ้มลองความยากลำบาก ต้องทนทุกข์ทรมานเหมือนที่ข้าเคยเป็น..." เย่วซินเอ่ย
"แล้วเจ้าจะกลับไปอยู่ที่จวนอีกหรือไม่" มีมี่เอ่ยถามเย่วซินด้วยความอยากรู้
"ข้าจะไม่กลับไปอยู่ที่จวนนั้นอีก ข้าไม่อยากจดจำอดีตที่โหดร้ายและข้าก็จะไม่ใช้แซ่กู้ให้ตอกย้ำความเจ็บปวดในใจอีก" เย่วซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น นางจะไม่ใช้แซ่เดียวกับบิดาอีกเป็นอันขาดในเมื่อพวกเขาไม่เคยเห็นนางเป็นคนในครอบครัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว
"ดี!! เช่นนั้นเจ้ามาอยู่ตระกูลของพวกเราใช้แซ่หลินดีหรือไม่" ไป๋หลันเอ่ยถามสหายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดีที่จะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน
"บิดามารดาของเจ้าจะไม่ว่ากระไรหรือ?" เย่วซินเอ่ยถาม
"พวกท่านใจดีมาก คงดีใจด้วยซ้ำที่มีบุตรเพิ่มขึ้น ว่าแต่...ตอนนี้เราต้องหาเงินทุนเลี้ยงชีพให้เจ้าก่อน เราจะออกปล้นจวนตระกูลกู้กัน..." ไป๋หลันเอ่ย
"เจ้าติดใจหรือ? ปล้นจวนแม่ทัพครั้งนั้นได้มาไม่น้อยเลยนี่" มีมี่เอ่ยเย้าสหาย
"ห๊า...อย่าบอกนะว่าเป็นเจ้า!!" เย่วซินเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อรู้ว่าสหายเป็นโจรปล้นจวนแม่ทัพใหญ่ เย่วซินเองก็ได้ข่าวคราวเรื่องจวนแม่ทัพใหญ่ถูกปล้นมาบ้างเพราะมีแต่ผู้คนเอ่ยถึงแต่ไม่นึกว่าโจรผู้นั้นจะเป็นคนใกล้ตัว
"เจ้าบอกมาว่าจะเอาให้สาหัสถึงแม่ทัพหลินหรือไม่" ไป๋หลันไม่ตอบคำถามเย่วซินแต่กลับทำหน้ายิ้ม ๆ แล้วเอ่ยถามกลับ เย่วซินพยักหน้าตอบทันทีด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เช่นเดียวกันแล้วเอ่ยบอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน
1...