บทที่103 รู้สึกว่าตัวเองเหมือนปลาเค็ม
เป้ยฉ่ายเวยนอนอยู่บนเตียง ด้านหน้ามีเพียงบราตัวหนึ่ง ร่างกายส่วนล่างเธอก็เปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้น
การพูดปลอบขวัญเช่นนี้ดีกว่าไม่มีอะไรเลย ช่วยบรรเทาความอึดอัดใจของเธอลงไปได้บ้าง
มีสัมผัสอันยอดเยี่ยมผ่านมาทางด้านหลัง ทำให้เธอถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย หลังจากคิดแล้วเธอก็อดกลั้นเอาไว้ เธอไม่อยากให้ฉูเจ๋อหยางเข้าใจผิด
ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ การรับสัมผัสของมนุษย์จะขยายออกไปอย่างไม่สิ้นสุด แม้แต่เป้ยฉ่ายเวยเองก็ต้องการที่จะหนีจากภาพที่ปรากฏขึ้นในหัวสมอง เส้นใยประสาทถูกส่งผ่านไปถึงสมองของเธอทีละขั้น
ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกถึงนิ้วเรียบยาวที่สัมผัสอยู่บนหลังของเธอ ปลายนิ้วนั้นมีสัมผัสของความเย็น เธอสั่นสะท้านขึ้นมา
แย่แล้ว เธอรู้สึกเหมือนว่าขนเธอลุกตั้งขึ้น
ดวงตากลมดำของฉูเจ๋อหยางมองไปที่ไหล่อันเพรียวบางของเธอทั้งสองข้างซึ่งนอนราบอยู่ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยและพูดว่า “พลิกตัวสิ”
“ข้างหน้าไม่ต้องทาหรอก ฉันทำเองได้”
เป้ยฉ่ายเวยส่งเสียงอู้อี้ดังมาจากโซฟา แขนขาเธอไม่มีแรง ไม่สามารถแม้แต่จะพลิกตัวได้
“ใครบอกจะทาข้างหน้าให้คุณ ผมแค่จะดูเข่าคุณหน่อย จะดูว่าเส้นเอ็นได้รับบาดเจ็บรึเปล่า”
เสียงของฉูเจ๋อหยางเปี่ยมไปด้วยความดราม่า ทำให้หน้าของเป้ยฉ่ายเวยนั้นร้อนผ่าว เธอพยุงตัวเองและพลิกตัวขึ้น จากนั้นก็มองตรงไปที่เขา “ดูสิ”
ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นปลาเค็ม พลิกตัวไปมาเพื่อโรยเกลือ ชุ่มไปทั้งตัว
เฮ้อ สะดือก็ดำตัวก็เหม็น ทำอะไรกันเนี่ย
ฉูเจ๋อหยางจัดการบาดแผลของเธอโดยที่ไม่ได้เหลือบตามอง สีหน้าเขาจริงจังมาก สายตาที่คมลึกไม่ได้สอดส่ายไปบนร่างกายส่วนบนของเธอเลยแม้แต่น้อย
การเคลื่อนไหวนั้นทั้งคล่องแคล่วและอ่อนโยน ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด แต่ยังทำไห้รู้สึกผ่อนคลายมากอีกด้วย
หน้าของเป้ยฉ่ายเวยแดงก่ำด้วยความละอาย เธออาจจะเข้าใจเขาผิดไป
“ไม่มีปัญหา พองนิดหน่อย ทายาแล้วเดี๋ยวก็หาย”
ฉูเจ๋อหยางเงยหน้าขึ้นและเห็นหน้าของเป้ยฉ่ายเวยแดงก่ำไปหมด ขนตาเรียงยาว ฟันกัดริมฝีปากล่างสีแดงเข้มอยู่
ภายใต้ลำคอที่สวยงามคือไหปลาร้าอันเซ็กซี่ ต่ำลงไปก็คือกระต่ายน้อยอันงดงามของเธอ เอวอันเพรียวบาง และยังมีขาสองข้างอันเนียนขาว
ต้องบอกว่า เธอมีหุ่นที่สมบูรณ์แบบมาก ความพอเหมาะพอดีบนเตียงกับเขาก็เช่นกัน
เมื่อคิดเช่นนี้ ดวงตาเขาก็ล่องลอยไปอยู่ครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น มันก็หายวับไปภายใต้การควบคุมตนเองกันแข็งแกร่งของเขา
“ดีนะ ไม่งั้นยุ่งแน่ๆ” เป้ยฉ่ายเวยโล่งอก ขาขยับไม่สะดวก ยังลำบากอยู่ เธอไม่อยากให้รุ่ยรุ่ยเป็นห่วง
เป้ยฉ่ายเวยพูดขอบคุณห้วนๆและเริ่มไล่เขา “ขอบคุณ ฉูเจ๋อหยางคุณไปได้แล้ว”
ฉูเจ๋อหยางเบ้ปากอย่างไม่พอใจ “เป้ยฉ่ายเวย คุณนี่ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“...” เป้ยฉ่ายเวยสงสัยว่าจะเธอจะสามารถขับไล่เขาออกไปได้ไหม เมื่อได้ยินคำพูดเขา เธอก็รู้ว่าไม่มีทาง
---จ๊อก จ๊อก
สองเสียงดังขึ้นข้างๆคนทั้งสอง เป้ยฉ่ายเวยไม่มีความกล้าแม้แต่จะมองฉูเจ๋อหยาง เธอหมุนตัวหันหน้ามุดเข้าหาโซฟา
โอ้พระเจ้า ทำไมถึงต้องให้เธอขายหน้าต่อหน้าผู้ชายคนนี้ เธออายจะตายอยู่แล้ว
“หิวแล้ว” เสียงของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉง
“อื้อ…” เป้ยฉ่ายเวยทำลายความเงียบ เสียงท้องร้องเบาๆ เธอหิวมากจริงๆ ท้องร้องเป็นเรื่องปกตินะ
ความจริงแล้วมันก็คือบะหมี่น้ำใส เธอยังสงสัยว่าชายคนนั้นได้ใส่เกลือลงในนั้นหรือไม่
ฉูเจ๋อหยางเห็นเป้ยฉ่ายเวยนั่งจ้องชามบะหมี่อยู่โดยตะเกียบไม่ได้สัมผัสในชามเลยแม้แต่นิดเดียว ขนคิ้วเขาตั้งชูขึ้นและตั้งคำถามเพื่อหาคำอธิบาย “คุณไม่หิวแล้วรึ”
เธอหิว แต่เธอไม่กินก๋วยเตี๋ยวแบบนี่ เป้ยฉ่ายเวยถอนหายใจ เธอเงยหน้ามองเขาและพูดว่า “คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม”
ถ้าหากว่าต้องทานบะหมี่ของฉูเจ๋อหยางเข้าไปจริงๆ เธอเป็นห่วงว่าอายุขัยของเธอคงจะหดหายไปอีกหลายปี
ฉูเจ๋อหยางวางตะเกียบลง สื่อความหมายให้เธอพูดต่อไป
“ฉันอยากจะเพิ่มไข่สักหน่อย คุณช่วยพยุงฉันไปที่ห้องครัวหน่อย ทำครู่เดียวก็ได้ทานแล้ว” เป้ยฉ่ายเวยพูดด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ
ฉูเจ๋อหยางเริ่มขยับริมฝีปากอีกครั้ง เธอคิดว่าเขาไม่มีฝีมือหรือไม่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำบะหมี่ เธอยังไม่รู้สึกซาบซึ้งใจ
เป้ยฉ่ายเวยเมื่อเห็นการกระทำที่เป็นเอกลักษณ์นั้น เธอรู้ทันทีว่าเขาไม่พอใจ เธอจึงพูดขึ้นอย่างมีเสน่ห์ “คุณเห็นนี่ว่าเข่าของฉันเจ็บ เลยอยากจะทานไข่บำรุงสักหน่อย จริงๆนะ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบบะหมี่ที่คุณทำ”
ฉูเจ๋อหยางเห็นใบหน้าอันบวมเป่งของเป้ยฉ่ายเวย บวมกับรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ของเธอ เขาประเมินค่าได้เพียงสองคำ
“อัปลักษณ์มาก”
เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกถึงรอยเกลือของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง เกิดรอยแตกร้าว เมื่อลมพัดตะกรันก็ตกลงสู่พื้น
เขาต้องคิดว่าเธออัปลักษณ์มากแน่ๆ!
“ฉูเจ๋อหยาง สายตาคุณไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เธอพูดพาดพิงถึงเขา ราวกับไม่ยอมลดค่าของตัวเอง
ดวงตาสีเข้มของฉูเจ๋อหยางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาลุกขึ้นลากเก้าอี้เดินตรงไปที่หน้าเธอ
“คุณ คุณจะทำอะไรน่ะ…” เป้ยฉ่ายเวยมองดูผู้ชายที่พยายามจะเข้าใกล้ เธอเริ่มเสียใจที่ตัวเองทำไมต้องทำเป็นปากแข็ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...