ตอนที่ 113 สาวร่างใหญ่อย่างหลูเสี่ยวหยา
แม้ว่าอวี่อานหรานจะน่าสนใจสำหรับฉูเจ๋อหยาง ทุกคนก็รู้ไส้รู้พุงหมดแล้ว แต่พอถูกหลูเสี่ยวหยาพูดออกมาต่อหน้าแบบนี้ นั่นก็หมายความว่ามันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นคือทุกคนรู้หมดว่าทนายฉูมีแฟนอยู่แล้ว
ลวี่อานหรานมองไปยังเพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆเขามองมาที่เขาเป็นตาเดียว นัยน์ตานั้นแฝงไปด้วยความอยากรู้ หัวเราะเยาะและความสนุกสนาน ทั้งทีบนใบหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรเลย
“หลูเสี่ยวหยา เธอพูดให้ความเคารพฉันหน่อย ใครอิจฉาเธอ ฉันเป็นทนายความมือทองทำไมต้องไปอิจฉาผู้ช่วยเล็กๆคนนึงด้วย แล้วก็เธอน่ะหลูเสี่ยวหยา อย่าลืมฐานะของตัวเอง เธอเป็นแค่ทนายความฝึกหัด แม้แต่ชื่อยังไม่มีเลย”
หลูเสี่ยวหยาหยุดร่างที่ ‘แข็งแกร่ง’ ของตัวเอง แล้วพูดออกไปโดยไม่เกรงใจ “ฉันที่เป็นแค่ทนายฝึกหัดก็ยังดีกว่าผู้ใหญ่ที่ทำตัวเป็นผู้อาวุโสแล้วเที่ยวดูถูกคนอื่น คอยรังแกคนอื่น ถ้าแน่จริงก็ไปหาทนายฉูเลยสิ”
เป่ยฉ่ายเวยมองไปที่หลูเสี่ยวหยา เธอไม่คิดว่าหลูเสี่ยวหยาจะออกมาปกป้องเธอ อยากจะขอบคุณจากใจ แต่ก็ไม่อยากให้หลูเสี่ยวหยาปัญหากับคนอื่นเพราะเรื่องของตัวเอง
“ขอบคุณนะเสี่ยวหยา แต่แค่เดินไปไม่กี่รอบเอง ไม่เป็นไรหรอก เธออยากกินอะไรไหมฉันไปซื้อให้ได้นะ” เป่ยฉ่ายเวยรีบพูดขึ้นมา
“ได้ยินหรือยังหลูเสี่ยวหยา ตัวเวยเวยเองก็ยินยอม เธออย่ามาก้าวก่ายเรื่องของคนอื่นจะดีกว่า” ลวี่อานหรานพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ
หลูเสี่ยวหยาที่กำลังจะพูดต่อ แต่ก็ถูกใครบางคนดึงแขนเสื้อเอาไว้ก่อน พอหันไปก็พบว่าเป่ยฉ่ายเวยกำลังส่ายหัวให้ตัวเอง บอกเป็นนัยๆว่าอย่าไปโต้เถียงกับคนพวกนี้เลย เธอลังเลสักพัก ก่อนจะพยักหน้า
“เวยเวย ไป ฉันจะไปกับเธอเอง อย่าเอาตัวไปแปดเปื้อนกับคนพวกนี้เลย”
แล้วหลูเสี่ยวหยาก็จูงมือเป่ยฉ่ายเวยออกไป
เป่ยฉ่ายเวยที่น้ำหนักน้อยกว่าก็ดูเหมือนจะถูกลากออกไปมากกว่าจูง แต่เธอก็ไม่ได้โกรธ กลับรู้สึกอบอุ่นด้วยซ้ำ เธอชอบที่หลูเสี่ยวหยาเป็นแบบนี้
และก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเสี่ยวหยาเลยแม้แต่น้อย หน้าอ้วนๆของเธอดูแล้วมีเสน่ห์มาก แล้วผิวก็ดีมากเช่นกัน
“ขอบคุณนะเสี่ยวหยาที่ช่วยฉัน”
“ไม่เป็นไร มันก็แค่เรื่องง่ายๆ ไม่ต้องออกแรงอะไรเลย ฉันก็ไม่ชอบการกระทำที่น่าเอือมระอาของพวกเขาเหมือนกัน” หลูเสี่ยวหยารู้สึกก้อเขินเล็กน้อยเมื่อโดนชม
เป่ยฉ่ายเวยล้อเลียนท่าทางที่น่ารักของเธอ “เสี่ยวหยา เธอนี่น่ารักมากจริงๆนะ”
“เวยเวย พอเธอยิ้มแล้วก็ดูดีขึ้นมากเลย”
หลูเสี่ยวหยาพูดอย่างแปลกใจราวกับค้นพบทวีปใหม่ ที่เธอพูดไม่ใช่คำพูดแสดงความเกรงใจอะไร ตอนที่เวยเวยยิ้มที่มุมปากของเธอปรากฏลักยิ้มเหมือนมีลูกแพร์เล็กๆสองลูก ดวงตากลมโตพอยิ้มแล้วก็เหมือนพระจันทร์เสี้ยวหนึ่งคู่ และขนตายาวๆนั้นก็ช่วยเพิ่มมิติให้กับมัน
“เวยเวยฉันอยากถามเธอเรื่องนึง”
เป่ยฉ่ายเวยถูกหลูเสี่ยวหยามองด้วยสีหน้าที่เอาจริงเอาจังจนเธอรู้สึกจริงจังไปด้วย “อื้ม ว่ามาสิ”
“เธอต่อขนตามาหรือเปล่าอะ ทำไมมันถึงยาวและงอนขนาดนี้ แนะนำร้านเสริมสวยให้ฉันสักร้านได้ไหม” หลูเสี่ยวหยาถามด้วยสีหน้าที่จริงจัง ทำยังไงได้ เธออยากมีขนตาที่หนาแบบนั้นบ้าง
เป่ยฉ่ายเวยก็คิดว่าจะถามอะไร ไม่คิดว่าจะเป็นคำถามที่ชวนหัวเราะขนาดนี้ “เสี่ยวหยา ขอโทษ ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้หรอก”
“แปลว่านี่มันยาวตามธรรมชาติจริงๆหรอ?” หลูเลี่ยวหยาร้องออกมาอย่างตกใจ
“ใช่แล้ว” เป่ยฉ่ายเวยเอามือป้องปากแล้วหัวเราะเบาๆ หลูเสี่ยวหยาทำให้เธอนึกถึงซือซือ “เสี่ยวหยา เธอนิสัยเหมือนเพื่อนฉันคนนึงเลย ฉันคิดว่าถ้าพวกเธอจะต้องเข้ากันได้ดีแน่ๆ”
“เพื่อนคนไหนของเวยเวยหรอ? เป็นเหมือนฉันใช่ไหม” จริงๆแล้วหลูเสี่ยวหยากำลังพูดถึงรูปร่างของตัวเอง
แต่เป่ยฉ่ายเวยคิดว่าหลูเสี่ยวหยาหมายถึงคือนิสัยที่ไม่เหมือนกัน “เอ่อ แม้ว่ามันจะต่างกันบ้าง แต่โดยรวมก็เหมือนกันนะ”
เมื่อมาถึงที่ทำงาน พวกลวี่อานหรานก็หงุดหงิดนิดหน่อย โดยเฉพาะตอนที่เห็นเป่ยฉ่ายเวยพูดไปหัวเราะไปกับคนอ้วนตันคนนั้น
“ซื้อแค่ไม่กี่อย่าง ทำไมต้องไปนานขนาดนี้”
“ลวี่อานหราน คุณอย่าเกินไปหน่อยเลย...”
เป่ยฉ่ายเวยเห็นแววตาที่ไม่เป็นมิตรของลวี่อานหราน มองไปที่หลูเสี่ยวหยาแล้วกำลังจะพูดอะไรต่อ เธอจึงรีบพูดขัดขึ้นมา “พอดีที่ไปซื้อแซนด์วิชมันค่อนข้างไกล ก็เลยเสียเวลานิดหน่อย ขอโทษค่ะคุณอานหราน”
ผู้หญิงที่ให้เธอไปพูดแซนด์วิชก็พูดช่วยเธอ “อานหราน แซนด์วิชที่ฉันต้องการมันก็อยู่ไกลจริงๆ ฉันคิดว่าเวยเวยจำได้เยอะขนาดนี้มันไม่ง่ายเลยนะ ช่างมันเถอะ”
“ใช่ น้ำผลไม้ที่ฉันอยากได้ก็มีแค่ร้านเดียวที่ซื้อได้” จริงๆการที่จะสั่งให้คนอื่นไปซื้อให้มันก็แย่อยู่แล้ว ยังจะมาพูดว่าคนอื่นอีก แบบนี้มันไม่เรียกว่าไม่มีเหตุผลหรือไง?
ลวี่อานหรานพยายามหาข้อผิดพลาดมาเล่นงาน แต่ไม่คิดว่าคนอื่นจะช่วยเป่ยฉ่ายเวยแบบนี้
เธอยิ้มแหยๆแล้วตอบกลับ “เหอะเหอะ ไม่เป็นไร ซื้อกลับมาได้ก็ดีละ”
แต่สายตาที่มองเป่ยฉ่ายเวยไม่ได้ดูถูกเหมือนตอนแรก เขาใช้สายตาพิจารณาเธออย่างถี่ถ้วน ผู้หญิงอย่างเป่ยฉ่ายเวยก็แค่แสร้งทำจริงๆ เกือบจะถูกเธอตบตาด้วยลักษณะภายนอกของเธอแล้ว
ที่แท้ก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบแกล้งเป็นหมูเพื่อกินเนื้อเสือ
ตัวเป่ยฉ่ายเวยเองก็ไม่ได้มีนิสัยชอบพูดจาโอ้อวด แค่ตอนที่ถูกบังคับให้ทำก็ต้องทำ ตอนนี้ถ้าอ่านจากสายตาของลวี่อานหราน เธอเข้าใจได้ว่าหลังจากนี้ชีวิตที่สะดวกสบายของเธออาจจะยิ่งลดน้อยลงทุกวัน
ด้วยเหตุนี้หลูเสี่ยวหยาอดไม่ได้ที่จะมองเป่ยฉ่ายเวย เธอยังคงคิดว่าเวยเวยเป็นซาลาเปาน้อยที่ต้องเผชิญสภาพที่เลวร้าย ดูเหมือนว่าความจริงแล้วอาจจะไม่ใช่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...