บทที่ 142กับดัก
คุณหยางไม่ได้ขัดขวางการไปของเป้ยฉ่ายเวย ทำแค่จ้องมองแผ่นหลังของเธอที่เริ่มห่างออกไปไกล จนเป้ยฉ่ายเวยหายไปจากระยะสายตา เธอก็ไม่ได้ลุกขึ้นจากนั่งเพื่อจากไปแต่อย่างใด
เหมือนกำลังรอใครสักคน
ผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงสวมหมวกแก็ป อากาศอบอ้าวในหน้าร้อนแบบนี้ยังจะใส่เสื้อแขนยาวตัวหนา ห่อหุ้มทั้งร่างของเขาเอาไว้ข้างในนั้น เหลือแค่ปากที่ยังพอเห็นไว้พูดคุย
เขาก้าวเดินพรวดพราดเข้ามา จนถึงเก้าอี้ที่เป้ยฉ่ายเวยเพิ่งนั่งไป แล้วก็ย่อตัวนั่งลงไปบนนั้น
สายตาคุณหยางจดจ้องไปยังภาพถนนนอกกระจกใส แต่กลับเอ่ยถ้อยคำกับชายหนุ่มที่นั่งลงตรงหน้า “ทำดีมาก”
“ถ่ายเสร็จเรียบร้อย รับรองว่าไม่มีปัญหาแน่ๆ” เสียงแหบต่ำในลำคอของชายหนุ่มเหมือนเป็ดที่ถูกคนบีบคอไว้ ฟังดีๆแล้วก็ทำให้คนฟังรู้สึกอึดอัดไปด้วย
คุณหยางละสายตากลับมา มองเห็นมุมปากที่ดูภูมิใจนักหนาของชายหนุ่ม ในดวงตาก็ฉายแววรังเกียจออกมา แต่ไม่นานก็หายไป เชิดคางแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันให้เงินแกแล้ว ปิดปากแกให้ดี”
เธอรู้ดีว่าเป้ยฉ่ายเวยคงไม่ต้องการเงินนี้ เงินในซองจึงเป็นเงินที่เตรียมไว้ให้ชายตรงหน้า ถ้าเป้ยฉ่ายเวยยอมรับแฟลชไดร์ฟของเธอไป เธอก็คงไม่ต้องใช้แผนสองแบบนี้หรอก โทษเป้ยฉ่ายเวยที่อ่านสีหน้าของตัวเองไม่ออกเอง
“เหอะๆ คุณหยาง สบายใจได้เลย ปากไอ้หกอย่างผมน่ะปิดสนิทที่สุดแล้ว” ไอ้หกจ้องมองซองเงินที่นูนออกมาอยู่ข้างหน้าตนเอง ไม่ได้สนใจท่าทางเย่อหยิ่งของคุณหยางเลย รีบหยิบซองเงินยัดไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างละโมบ
แต่คุณหยางกลับไม่วางใจ“เอารูปมาให้ฉันดูก่อน”
“ไม่มีปัญหาครับ คุณหยางค่อยๆดูก็ได้ ผมถ่ายไว้ร้อยกว่ารูปเลย” เมื่อได้รับเงินไอ้หกก็กระตือร้นเอากล้องออกมาวางไว้ตรงหน้าเธอ
คุณหยางกดเปิดอัลบั้มรูปดู ทุกรูปเป็นรูปที่เธอและเป้ยฉ่ายเวยกำลังคุยกัน ตอนที่เธอดันซองเงินไปข้างหน้าของเป้ยฉ่ายเวย ไอ้หกก็ตั้งใจซูมเข้าเป็นพิเศษ เพื่อให้เห็นเป็นภาพใหญ่ๆ ทำให้คนรู้ได้ง่ายว่าเงินในซองมีเยอะแค่ไหน
รูปท้ายๆเธอค่อนข้างจะพอใจ ไม่ว่าเป้ยฉ่ายเวยจะหยิบเงินไปหรือไม่ เพียงแค่ปล่อยรูปพวกนี้ออกไป ทุกคนก็จะคิดเพียงแค่ว่าเป้ยฉ่ายเวยรับเงินนี้ไปแน่ๆ
ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงต้องทำแบบนี้ ก็คือมีคนสั่ง ทีนี้คนก็จะโทษแค่เป้ยฉ่ายเวยที่ไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่งด้วย
“โอเค รอคำสั่งจากฉัน แล้วแกค่อยปล่อยรูปพวกนี้ออกไป” คุณหยางส่งกล้องคืนให้เขา
“ได้เลยครับ คุณหยางถ้าครั้งหน้ามีงานที่ได้เงินดีแบบนี้อีก อย่าลืมเรียกใช้ผมนะครับ ผมรับรองว่าคราวหน้าจะลดราคาให้คุณยี่สิบเปอร์เซ็นต์เลย” ไอ้หกเปิดปากพูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็กระจายออกมา
คุณหยางขมวดคิ้วอยู่หลายครั้ง ไม่อยากจะเสวนากับคนชั้นต่ำแบบนี้อีก จึงเหยียดกายลุกขึ้นและก่อนจะเดินจากไปก็พูดทิ้งท้ายว่า “ถ้าแกทำพลาด แกคงรู้ผลลัพธ์ดี”
“คุณหยางวางใจได้เลย ต้องคอยปฏิบัติตามกฎ ข้อนี้ผมเข้าใจดี” เสียงหัวเราะคิกๆของไอ้หกทำให้คนฟังปวดแก้วหู
คุณหยางทนอยู่ตรงนี้ไม่ได้แม้แต่วิ ก้าวเท้าเดินออกไปจากที่นี่ทันที
เมื่อกลับมาถึงที่ทำงานเป้ยฉ่ายเวยก็มาถึงโต๊ะทำงานของตนอย่างใจลอย หลูเสี่ยวเหยาเรียกอยู่หลายครั้ง เธอก็ไม่รู้ตัว
หลูเสี่ยวเหยาไม่รู้จะทำยังไง จึงผลักเธอเบาๆ “เวยเวย เป็นอะไรไป ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย”
“เสี่ยวเหยา? เธอเรียกฉันหรอ” เป้ยฉ่ายเวยเอาแต่คิดถึงจุดประสงค์ที่คุณหยางมาพบเธอ เธอไม่สบายใจเลย
หลูเสี่ยวเหยามองซ้ายมองขวา ก็ไม่เห็นว่าเป้ยฉ่ายเวยจะเป็นอะไร “ใช่น่ะสิ เรียกเธอตั้งหลายรอบ ตอนเที่ยงเธอออกไปทำอะไรคนเดียว กลับมาถึงได้ดูสติหลุดแบบนี้”
“ฉันเปล่า แค่ออกไปเจอเพื่อน” เป้ยฉ่ายเวยไม่อยากให้หลูเสี่ยวเหยาเป็นกังวลไปด้วย จึงหาเหตุผลมาอ้างแบบขอไปที
“เวยเวย เธอมานี่หน่อย”
เป้ยฉ่ายเวยเก็บอาการเอาไว้ไม่ได้ฟังคำที่หลูเสี่ยวเหยาพูดชัดๆ ได้ยินแค่เสียงหลินไห่ตะโกนเรียกเธอ “เสี่ยวเหยา เดี๋ยวฉันไปก่อนนะ เธอมีเรื่องอะไรไว้ค่อยพูดแล้วกัน”
“โอเค งั้นเธอก็รีบไปเถอะ” ถ้าให้หลูเสี่ยวเหยาเดา เรื่องที่หลินไห่จะพูดกับเป้ยฉ่ายเวยก็น่าจะเรื่องเดียวกันกับเธอ
เป้ยฉ่ายเวยพยายามเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ยืนสูดลมหายใจเข้าลึกๆอยู่หน้าประตู แล้วค่อยเปิดประตูกระจกเข้าไป “เลขาหลิน คุณเรียกพบฉันหรอคะ?”
เพื่อไม่ให้เกิดความคลางแคลงใจ ตอนนี้เธออยู่ในบริษัททเธอก็ต้องเรียกเขาว่าเลขาหลินแบบคนอื่นๆ
“อืม เชิญคุณนั่งก่อน อยากดื่มอะไรไหม?” หลินไห่หัวเราะเบาๆแล้วพูดขึ้น
เมื่อเป้ยฉ่ายเวยเห็นสีหน้าผ่อนคลายของหลินไห่ ก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แสดงว่าเรื่องที่หลินไห่จะพูดคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เธอจึงนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานอย่างเชื่อฟัง “ฉันไม่ดื่มอะไรหรอกค่ะเลขาหลิน คุณเรียกฉันมามีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“อ่อ เรื่องนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ก็แค่คืนนี้คุณต้องไปเข้าร่วมงานเลี้ยงกับทนายฉู” หลินไห่พูดอย่างฉะฉาน
เมื่อสียงนั้นดังถึงหูเป้ยฉ่ายเวย ก็ราวกับมีเสียงระเบิดที่ทำให้เธอตกใจโดยไม่ต้องสงสัย เธอรีบดึงสติกลับมาพูดปฏิเสธ “เลขาหลิน โอกาสแบบนี้ให้ฉันที่เป็นแค่ผู้ช่วยไปมันคงไม่เหมาะเท่าไหร่นะคะ”
“ผมรู้ว่าโอกาสสำคัญๆแบบนี้ถ้าให้คุณไปก็คงรู้สึกอึดอัด แต่ว่าเงื่อนไขในครั้งนี้ต้องมีคู่เต้นรำ ผมเป็นผู้ชายคงไม่ดีถ้าต้องไปด้วย” หลินไห่ก็กุมขมับอย่างหมดหนทาง
“แล้วทนายฉูไม่มีแฟนหรือยังไงคะ?”
เป้ยฉ่ายเวยพยายามเตือนถึงการมีอยู่ของหนานฉิงอย่างนุ่มนวล เธอเคยบอกคุณหญิงเหาว่า จะไม่ติดต่อกับฉูเจ๋อหยางให้มาก ในงานเลี้ยงนั้นคงต้องหลีกเลี่ยงการถ่ายรูป ถ้าหากให้คนรู้จักของตระกูลจิ่งเห็นเข้าคงไม่ดีแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...