บทที่ 143 มันเป็นงาน
“เรื่องของทนายฉูผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่” หลินไห่คิดว่าเป้ยฉ่ายเวยคงไม่รู้จะบอกกับแฟนหนุ่มตัวเองยังไงดี น้ำเสียงเลยเพิ่มความจริงจังเข้าไป “เวยเวย ครั้งนี้ไม่ใช่การไปเที่ยวเล่น แต่มันเป็นงาน”
เป้ยฉ่ายเวยเห็นหลินไห่พูดว่าเป็นเรื่องงาน เธอก็ไม่รู้จะหาข้ออ้างไหนแล้ว ทำได้แค่ตอบตกลงไป “เลขาหลิน ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
หลินไห่ได้ยินคำตอบของเป้ยฉ่ายเวย ก็สลับโหมดมายิ้มแย้มทันที พูดปลอบใจว่า “เวยเวยคุณไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระนะ ครั้งนี้มีทนายฉูอยู่ด้วย คุณต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ”
เป้ยฉ่ายเวยบ่นในใจเงียบๆ ก็เพราะฉูเจ๋อหยางนี่แหละถึงได้อันตราย แต่เธอก็ไม่กล้าพูดออกไป แค่ถามขึ้นว่า “เลขาหลิน ฉันถามได้ไหม ใครให้คุณมาบอกให้ฉันไปหรอคะ”
หลินไห่แสดงสีหน้าประมาณว่าก่อนหน้านี้ผมรู้อยู่แล้ว แล้วพูดขึ้น“ทนายฉูให้ผมจัดการ เรื่องง่ายๆ ผมจะคิดอะไรก็ต้องให้ความปลอดภัยแก่ชีวิตเขา คุณรู้ดีอยู่แล้ว”
ใช่ เธอรู้ดี รู้ดีกับผีน่ะสิ
เป้ยฉ่ายเวยฟังไปก็แทบกระอักเลือด ความรู้สึกที่เธอต้องเข้าไปอยู่กับ ‘เรื่องง่ายๆ’ ก็เพราะความปลอดภัย เพราะเธอขึ้นชื่อว่ามี ‘แฟน’ อยู่แล้ว ดังนั้นก็คงจะไม่มีทางปรารถนาฉูเจ๋อหยางอยู่แล้วงั้นหรอ!
“เลขาหลิน ขอบคุณนะคะ!”
หลินไห่ยังคงแยกไม่ออกว่าเป้ยฉ่ายเวยประชด คิดว่าที่เธอขอบคุณก็เพราะเขามอบโอกาสพบปะสังคมแก่เธอ จึงตอบกลับแบบเกรงใจว่า “ไม่ต้องขอบคุณหรอก วันนี้กลับเร็วได้นะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดี๋ยวทนายฉูจะไปรับคุณเอง”
“รับทราบค่ะ” เป้ยฉ่ายเวยออกมาจากห้องทำงานของหลินไห่อย่างไร้เรียวแรง
ราวกับมีสายตาทิ่มแทงราวลูกธนูพุ่งเป้ามาที่เธอเป้ยฉ่ายเวยรู้ตัวในที่สุด ว่าทำไมตอนที่เธอกลับมาถึงออฟฟิศถึงได้รู้สึกว่าบรรยากาศมันอึมครึมแปลกๆ ที่แท้ก็เป็นเพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่า วันนี้คนที่ ‘โชคดี’ก็คือเธอ
ดังนั้นถึงได้มีบรรยากาศไม่พอใจแบบนี้ เธอก็ไม่ได้อยากจะไปสักหน่อย ใครอยากจะไปกันเล่า
หลูเสี่ยวเหยาวิ่งเข้ามาหาพร้อมส่งสายตาแซวพูดขึ้น “เวยเวยเธอก็น่าจะรู้แล้วล่ะเนอะ”
“แหงอยู่แล้วสิ” เธอโดนหลินไห่ดักไว้ทุกทางเลย
หลูเสี่ยวเหยาตบหลังของเป้ยฉ่ายเวยอยู่สองสามครั้ง พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “เวยเวย ถึงแม้ทนายฉูจะมีเสน่ห์มากจริงๆ แต่ฉันเชื่อว่าเธอต้านเสน่ห์เขาได้อยู่แล้วล่ะ”
“โอ้ย เสี่ยวเหยาเบาหน่อยสิ” เป้ยฉ่ายเวยรับแรงจากฝ่ามือกระสุนจากเสี่ยวเหยาไม่ไหว เกือบจะโดนตีจนหลังหักแล้วแรงของเสี่ยวเหยานี่แรงไม่เสียแรงเกิดจริงๆ
หลูเสี่ยวเหยาพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด “แหะๆ โทษทีเวยเวย ฉันตื่นเต้นน่ะเลยยั้งแรงไม่อยู่”
“ช่างเถอะ ฉันก็แค่ล้อเล่น” เป้ยฉ่ายเวยพูดพร้อมโบกมือไปมา
หวางเมิงหอบเอกสารกองหนึ่งเดินเข้ามา พูดด้วยน้ำเสียงอิจฉา “เวยเวยฉันล่ะอิจฉาเธอจริงๆ ตอนเย็นได้ไปออกงานเลี้ยงสำคัญกับทนายฉูซะด้วย”
เป้ยฉ่ายเวยมีสิทธิ์อะไร แล้วทำไมเธอถึงไม่มี ถ้าพูดถึงตำแหน่งของทั้งสอง ถึงแม้ตอนนี้เธอจะเป็นแค่ทนายฝึกหัด แต่ว่าหลังจากเรียนจบก็สามารถเข้ามาในบริษัทแห่งนี้ทำหน้าที่เป็นทนายเต็มตัวได้แล้ว เป้ยฉ่ายเวยพยายามแค่ไหนก็เป็นได้แค่ผู้ช่วยอยู่ดี
เธอรู้สึกไม่พอใจมากๆ
“หวางเหมิง เธอจะอิจฉาไปทำไม ไปพูดกับเลขาหลินเอาสิ ให้เขาเอาเธอไปแทน” หลูเสี่ยวเหยาเบ้ปากพูดขึ้น อิจฉาอะไรกัน อยากจะไปกับทนายฉูแทนเวยเวยล่ะสิไม่ว่า
“เสี่ยวเหยานี่เธอพูดไร้สาระอะไร” หวางเหมิงมองไปยังเป้ยฉ่ายเวย แต่กลับพบว่าเธอไม่ได้โกรธอะไร ถึงได้พูดต่อว่า “การตัดสินใจของเลขาหลินจะให้ฉันที่เป็นแค่ทนายฝึกหัดไปมีอิทธิพลไดยังไง”
หวางเหมิงพูดประโยคนี้ออกมาโดยที่ไม่ได้มีสีหน้ามีปัญหาอะไร ลองขบคิดดีๆก็รู้สึกน่าสนุกดี เธอไม่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเลขาหลิน แต่เป้ยฉ่ายเวยก็บอกปัดไม่ไปได้หนิ หรือไม่ก็ให้เธอไปแทนก็ยังได้
“หวางเหมิงสมองเธอนี่นะ.....”หลูเสี่ยวเหยากำลังจะพูดคำไม่พึงประสงค์ออกไปแต่ก็ถูกเป้ยฉ่ายเวยห้ามไว้
“หวางเหมิง มันคืองาน ฉันก็ทำได้แค่ทำตามคำสั่งของเจ้านาย” หรือความหมายโดยนัยก็คือเธอทำอะไรไม่ได้แล้ว
หวางเหมิงแสร้งหัวเราะขึ้นมา “ที่เวยเวยพูดก็ถูกนะ ในฐานะที่พวกเราเป็นพนักงานก็ต้องปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด เธอว่างั้นไหม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...