บทที่ 146 ทนายมีอาชีพเสริมไม่ได้หรอ
เสียงฉูเจ๋อหยางเย็นชาอย่างไม่ต้องสงสัย “กลับไปเปลี่ยนชุด”
“ไม่” เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกราวตัวเองโดนปั่นหัวเล่น ยิ่งไม่อยากจะฟังฉูเจ๋อหยางพูดแล้ว
ฉูเจ๋อหยางถามขึ้นเรียบๆ “แน่ใจนะ”
“ฉัน......”เป้ยฉ่ายเวยยังไม่ทันได้พูดว่าแน่ใจ เมื่อก้มลงมองก็พบว่าเสื้อที่เกาะอยู่ตรงอกโดนฉีกขาด ผ้าลูกไม้สีชมพูอ่อนก็ปรากฏสู่สายตาเธอร้องอย่างตกใจ รีบเอาเสื้อที่ฉูเจ๋อหยางโยนไว้ข้างๆกลับมาปิดร่างกายตัวเองไว้
ที่แท้ฉูเจ๋อหยางก็‘บังคับ’เธอไปเปลี่ยนชุดเพราะอย่างนี้นี่เอง
“ก็บอกไม่ไปไง!!” เป้ยฉ่ายเวยเกือบจะตะคอกออกมา ทำไมต้องมีผู้ชายที่หน้าเนื้อใจเสือแบบนี้ด้วย อา เธอจะบ้า
รถกลับมาแล่นบนถนนอีกครั้งเป้ยฉ่ายเวยพ่นคำบ่นมาตลอดทาง “คุณรู้ไหมชุดตัวนี้ ฉันยังไม่เคยใส่เลย”
“อือ เดี๋ยวผมซื้อคืนให้ตัวนึง” ฉูเจ๋อหยางตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง เปลี่ยนเป็นชุดปกติก็ดีเหมือนกัน ใส่น้อยชิ้นแบบตัวนั้นคงดึงดูดสายตาเพศตรงข้ามทั้งหลายแน่ ยังดีที่วันนี้มีแค่เขาที่ได้เห็น
ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นล่ะก็......
แค่คิดถึงภาพนั้น แววตาของฉูเจ๋อหยางก็วาวโรจน์
เขาคิดมาตลอดว่าควบคุมตัวเองได้ แต่ทุกครั้งที่เจอกับผู้หญิงข้างกาย มักจะหลุดการควบคุมตลอด เธอคงเป็นดวงชะตาที่ไม่ถูกกับเขาจริงๆนั่นแหละ
เป้ยฉ่ายเวยพูดตะกุตะกัก “ช่างเถอะ ยังไงซะตัวนั้นก็เป็นตัวที่คุณซื้อให้”
ฉูเจ๋อหยางเหลือบตามองเธอ เห็นใบหน้าเล็กๆนั้นที่ดูไม่เต็มใจ พูดขึ้นด้วยเสียงแข็งว่า “ผมตัดสินใจแล้ว”
เพราะงั้นเธอเลยไม่มีสิทธิ์พูดหรอ? เป้ยฉ่ายเวยอยากจะต่อต้าน แต่ทว่าเมื่อคิดไปถึงความกล้าหาญของเธอเมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา เธอถึงได้ล้มเลิกความคิดที่จะต่อต้านไป ถึงยังไงเขาก็มีเงินเยอะ ทำไมเธอต้องคอยประหยัดแทนเขาด้วยล่ะ
เธอก็สงสัยอยู่บ้าง แม้ฉูเจ๋อหยางจะเปิดบริษัททนายความขนาดใหญ่ แต่ว่าเป็นทนายความทำเงินได้เยอะขนาดนี้เลยหรอ จำนวนห้าร้อยล้านก็เป็นคำตอบที่ทำให้ตาค้างแล้ว
คงไม่ใช่ว่าได้รับเงินจากธุรกิจมืดด้วยนะ
คิดไม่ถึงเลยหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ดูเป็นผู้ดีจะทำเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย
เป้ยฉ่ายเวยคิดไปถึงนั่น ราวกับว่าฉูเจ๋อหยางทำเรื่องแบบนั้นจริงๆหลังจากที่จินตนาการในใจไปเรื่อยความอึมครึมเล็กๆในใจก็ค่อยๆสงบลง
ราวกับฉูเจ๋อหยางมีวิชาอ่านใจ พูดขึ้นเรียบๆว่า “สบายใจได้ เงินทุกบาททุกสตางค์ของผมหามาจากการทำงานอย่างถูกกฎหมาย”
ใครบอกกันว่าเป็นทนายแล้วจะทำเงินไม่ค่อยได้
คดีธรรมดาทั่วไปที่เธอต้องรับผิดชอบโดยปกติแล้วไม่ค่อยได้ค่าคดีเยอะเท่าไหร่ แต่ว่าถ้าเกี่ยวข้องกับการขัดแย้งทางการเงินของกลุ่มบริษัทข้ามชาติค่าทำคดีความก็จะต่างออกไป
อีกอย่างใครกำหนดกันว่าทนายความห้ามมีอาชีพเสริม
“ฉูเจ๋อหยางนี่คุณแอบติดตั้งเครื่องดักฟังความคิดฉันหรือไง!” ทำไมไม่ว่าเธอจะคิดอะไรเขาถึงรู้ไปหมด ถ้าคิดดูดีๆแล้วก็รู้สึกน่ากลัวสุดไปเลย
เสียงเย็นๆของฉูเจ๋อหยางพูดอย่างไม่แยแสว่า “ติดตั้งเครื่องดักฟังไอคิวของคุณคงสิ้นเปลืองเปล่าๆ”
อารมณ์ทั้งหมดเขียนอยู่บนหน้าขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องไปตั้งใจทายอะไรเลย มองแค่แวบเดียวก็รู้แล้ว
“ฉูเจ๋อหยางนี่คุณปากคอเราะร้ายแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน!!” เป้ยฉ่ายเวยก็ตอกกลับไปอย่างไม่ยอมเหมือนกัน
เพียงประโยคเดียวของฉูเจ๋อหยางก็ทำให้เป้ยฉ่ายเวยเงียบเหมือนคนใบ้ “ก็ตั้งแต่วันแรกที่คุณรู้จักผมจริงๆ”
โมโหชะมัด ทุกครั้งต้องเป็นเธอที่ยอมลง เป้ยฉ่ายเวยรู้ตัวว่าถ้ายังเถียงกันอีกต่อไปก็จะเป็นการหาเรื่องให้ตัวเอง ทำได้แค่เหวี่ยงหัวไปด้านข้าง แสดงการท่าทีประท้วงอย่างเงียบๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...