หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 148

บทที่ 148ผู้หญิงของแกสวยมาก

เป้ยฉ่ายเวยดูเหมือนจะสงบ แต่ฝ่ามือกลับชื้นไปด้วยเหงื่อ รู้สึกกระสับกระส่าย

ทันใดนั้นเหมือนกับมีเซ้นท์อะไรบางอย่างบอกให้เงยหน้าขึ้นมอง ร่างสูงตระหง่านราวกับภูเขาที่สูงตรงแด่วของฉูเจ๋อหยาง นัยน์ตาดำคู่มองเลยไปยังตำแหน่งที่อยู่ข้างหลังเธอ

ไม่ว่าอย่างไร เมื่อเจอเขา ทำให้ใจเธอที่รู้สึกเป็นกังวลผ่อนคลายลงอย่างบอกไม่ถูก

สายตาสัตว์ป่าที่ส่อแววโหดร้ายใต้คิ้วที่ขมวดมุ่นของลิ่วเอ่อร์มองตรงไปยังฉูเจ๋อหยาง ทั้งสองปะทะสายตากันข้ามหัวเป้ยฉ่ายเวย ราวกับสู้กันไปแล้วโดยปริยายหลายยก

ทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าลึกๆในแววตาของฝ่ายตรงข้ามมีความหมายว่าจะไม่หยุดจนกว่าอีกฝ่ายจะตายกันไปข้าง

ลิ่วเอ่อร์ละสายตาออกก่อน มองไปยังเป้ยฉ่ายเวยอย่างกวนโมโห ดึงมุมปากขึ้น อ้าปากออกกว้างโชว์ฟันสีดำ

พูดกับเขาแบบไม่ออกเสียงว่า

ผู้ หญิง ของ แก สวย มาก

นัยน์ตาคมเข้มของฉูเจ๋อหยางหรี่ลง ไอเย็นในดวงตาราวกับใบมีดแหลมๆมองตรงไปยังลิ่วเอ่อร์

ลิ่วเอ่อร์ยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน เปิดเผยความป่าเถื่อนจากข้างในออกมา เป็นรอยยิ้มที่ดูสุภาพแต่ดูก็รู้ว่ามันขัดแย้งกันสุดๆ ยื่นนิ้วโป้งออกไปทางฉูเจ๋อหยาง อย่างกับอยากให้เขาได้เห็นชัดๆ

จากนั้นก็ค่อยๆวางลงบนคอของตน จากนั้นการทำท่าทางปาดคอช้าๆ

ถึงแม้จะรู้ว่าลิ่วเอ่อร์จงใจใช้เป้ยฉ่ายเวยมาล่อเขา แต่ฉูเจ๋อหยางกลับอดไม่ได้ที่จะระงับสีหน้าไม่อยู่ เขาจะให้ลิ่วเอ่อร์มีโอกาสเข้าใกล้เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้เด็ดขาด

เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขาทั้งสองคนเลย แล้วก็พบว่าลมหายใจที่ราบเรียบของฉูเจ๋อหยางเปลี่ยนไปเป็นถี่กระชั้นขึ้นอย่างรุนแรง

ฝีเท้าของเธอหยุดชนักอย่างช่วยไม่ได้ “ฉูเจ๋อหยาง คุณเป็นอะไรไป”

ฉูเจ๋อหยางเก็บความรู้สึกเยือกเย็นในกายเอาไว้ ยกแขนขึ้นนิดหน่อย เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นอีกครั้ง “คราวหน้าอย่าวิ่งไปทั่ว”

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยเห็นการกระทำของฉูเจ๋อหยาง แก้มก็แดงขึ้นจางๆในทันที ก้มหน้าลงแล้วพยักหน้า ยื่นมือออกไปควงแขนแกร่งของเขา พูดขึ้นเสียงเบาว่า “รู้แล้ว เมื่อกี้ฉันตกใจแทบแย่”

ฉูเจ๋อหยางซ่อนความโกรธในแววตา พาเธอเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง เหลือไว้เพียงเสียงเย็นๆที่ยังล่องลอยอยู่ที่เดิม “กลัว ก็บอกมาตรงๆเถอะ”

“เออน่า พวกเรารีบไปกันเถอะ คุณไม่รู้สึกหรือไงว่าเขาคนนั้นจ้องพวกเราอยู่ตลอดน่ะ?” เป้ยฉ่ายเวยเร่งรัด ลิ่วเอ่อร์ดูแล้วคงไม่ใช่ผู้ชายที่ซับซ้อนอะไร

แค่คนทั่วไปในสังคม ที่ไม่ใช้เหตุผล แต่ชอบใช้กำลัง

รอยยิ้มบนหน้าของลิ่วเอ่อร์ค่อยๆเปลี่ยนเป็นดูน่าเกลียดขึ้นเมื่อฉูเจ๋อหยางจากไป ความดุร้ายในแววตาปรากฏออกมาอย่างปิดไม่มิดเลยซักนิด ถ้าในตอนนี้เป้ยฉ่ายเวยหันกลับไปมองล่ะก็ ต้องรู้สึกว่าตัวเองคงเหมือนเด็กไม่รู้จักโตแน่ๆ

“เฮียลิ่ว คุณเสิ่นเชิญพบครับ” ผู้ชายใส่สูทสีดำพูดขึ้นเบาๆ

“รู้แล้ว” จุดประสงค์ที่เขามาวันนี้ อย่างแรกคือมาบอกฉูเจ๋อหยางว่าเขาออกมาแล้ว อย่างที่สองคือมาพบคุณเสิ่น เพื่อที่จะตั้งหลักปักฐานในเมืองจิ่นอันได้เร็วขึ้น

เมื่อมาเยือนถิ่นผู้อื่น ปกติแล้วก็ต้องเคารพเจ้าถิ่นด้วย

ลิ่วเอ่อร์เดินตามชายสูทดำไปตามทางเดินที่ทอดยาว

รอดจากคุกคามของลิ่วเอ่อร์มา เมื่อเป้ยฉ่ายเวยกลับเข้ามาในงานเลี้ยงก็ไม่มีอารมณ์จะอยู่ต่อแล้ว ไม่รู้ว่าคิดมากไปเองหรือเปล่า รู้สึกว่าเหมือนฉูเจ๋อหยางจะทั้งตั้งใจห้ามเธอดื่มแต่ก็ไม่ซะทีเดียว

แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็รู้สึกเริ่มเมาแล้วนิดหน่อย แต่ยังคงประคองสติได้อยู่บ้าง

ถึงแม้ฉูเจ๋อหยางจะกำลังพูดกับคนข้างๆอยู่ก็ตาม แต่หางตาก็เหลือบมองผู้หญิงตัวเล็กข้างกายอย่างระวังอยู่ตลอด เมื่อเห็นเธอใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว จึงรีบตัดบทคู่สนทนาที่กำลังจะคุยกันต่อในทันที

“รายละเอียดยิบย่อย ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะครับ”

อีกฝ่ายคิดไม่ถึงเลยว่าฉูเจ๋อหยางจะจบบทสนาทื่อๆแบบนี้ อึ้งไปพักนึง จากนั้นก็มองเห็นหญิงสาวตัวเล็กหน้าแดงเพราะเมาที่พยายามรักษาท่าทีอยู่ข้างกายเขา

แสดงออกว่าเข้าใจทางสีหน้า พูดขึ้นว่า “ได้ครับ พรุ่งจะเข้าไปหาคุณที่บริษัท”

ฉูเจ๋อหยางพยักหน้า ไม่รอช้าโอบเป้ยฉ่ายเวยเดินออกจากงานไป ถ้าไม่ใช่ว่าเขาความรู้สึกเร็ว ป่านนี้เป้ยฉ่ายเวยคงจะทรุดลงกับพื้นเพราะขาอ่อนไปหลายครั้งแล้ว

เมื่ออกมาจากงานเลี้ยง ลมกลางคืนพัดเอาความเย็นสบายมาปะทะหน้า เป้ยฉ่ายเวยที่ตาลายนิดหน่อยก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง ถามขึ้นเสียงอ้อแอ้ “ฉูเจ๋อหยาง เราออกมาทำไมเนี่ย”

“ไม่ออกมา แล้วทิ้งคุณปล่อยไก่อยู่ข้างในนั้นน่ะหรอ?” เขารู้ว่าตอนที่เป้ยฉ่ายเวยเมาแล้วจะเป็นยังไง

เป้ยฉ่ายเวยเรอออกมา ความรู้สึกแสบจมูกตีตื้นขึ้นมา เธอได้กลิ่นอะไรก็รู้สึกอยากอาเจียนไปหมด แต่ก็ยังอยากเถียงข้างๆคูๆเขาไป “ฉันปล่อยไก่ที่ไหนเล่า คุณไม่เห็นหรอว่าฉันน่ะอดทนมาจนถึงตอนนี้เลยนะ ห๊ะ?”

ฉูเจ๋อหยางมองค้อนเธอแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ประคองหญิงสาวที่เซซ้ายเซขวาไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินไปทางลานจอดรถ

“ฉูเจ๋อหยาง นี่คุณทำอะไร ฉันเดินเองได้น่า” เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้ตัวเลยว่าเหล้าเริ่มเข้าสมองแล้ว ผลักชายหนุ่มที่พยุงตัวเองไว้ออกอย่างดื้อด้าน

อย่าพูดถึงมือเล็กนุ่มไร้เรี่ยวแรงที่พยายามผลักฉูเจ๋อหยางออกเลย ไม่สะเทือนถึงร่างเขาเลยแม้แต่น้อยอย่างกับมีเต้าหู้มากระทบก็ไม่ปาน

ถ้าเขาไม่รู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดคออ่อน ฉูเจ๋อหยางก็อาจจะคิดว่าเธอต้องจงใจแกล้งเมาแน่ๆ ตอนพยุงแขนเธอไว้ยังรู้สึกว่าแขนของเธอเกร็งเบาๆเลย ราวกับกำลังเอาชนะอารมณ์บางอย่างที่ผุดขึ้นมา

เสียงทุ้มในลำคอพูดขึ้นว่า “อย่ากวน”

เป้ยฉ่ายเวยไม่ชอบคำพูดราวกับผู้ใหญ่สอนเด็กของฉูเจ๋อหยาง เธอโกรธจนขย้ำคอเสื้อของฉูเจ๋อหยาง “คุณคิดว่าคุณเป็นพระเจ้าที่มีอำนาจสูงสุดหรือไง อยากจะชี้นิ้วสั่งใครก็ได้งั้นหรอใช้ไม่ได้ผลกับฉันหรอก”

เมื่อออกแรง จึงทำให้เธอผลักผู้ชายที่พยุงเธอไว้ออกไปได้

เหยียบย่ำอยู่บนส้นสูงปลายแหลม โบกกระเป๋าสพายใบเล็กในมือไปมา เดินโซซัดโซเซไปข้างหน้า

ฉูเจ๋อหยางมองผู้หญิงที่ยิ้มโง่ๆไม่หยุด ดวงตาแข็งกร้าว ขายาวก้าวเดิน หนึ่งก้าวของเขาเท่ากับสองก้าวของเธอ เดินตรงไปอุ้มเธอขึ้นท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปยังที่จอดรถของตนเอง

“เห้ยๆ ทำอะไรเนี่ย ไม่ได้นะ มีอันตพาลอยู่ตรงนี้ ช่วยด้วยค่ะ มีคนข่มเหงสตรี”

ฉูเจ๋อหยางก้มหน้าลงมอง เสียงขบฝันกรอดดังรอดออกมา “หุปปาก”

เขาพูดแบบนี้ออกมา ไม่รู้ว่าไปจี้จุดต่อมน้ำตาเป้ยฉ่ายเวยตรงไหน เธอถึงได้พูดเสียงสะอื้น อย่างกับเด็กน้อยขี้ฟ้องขี้น้อยใจ “คุณดุฉัน ฮือๆ....”

ฉูเจ๋อหยางเพิ่งมีความรู้สึกหมดแรงอย่างนี้เป็นครั้งแรกกับผู้หญิงเมา อยากจะโยนหญิงสาวคนนี้ที่ก่อกวนไม่หยุดลงบนพื้นไม่สนใจ แต่ก็พาเธอมาถึงรถได้อย่างทุลักทุเลในที่สุด พร้อมทั้งรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ

ร่างสูงยังไม่ได้ผละกายออก มือเล็กที่นุ่มนิ่มก็จับเสื้อของเขาไว้อย่างหวาดกลัว

เป้ยฉ่ายเวยขย้ำเสื้อเขาไม่ยอมปล่อย น้ำตาหยดลงเปาะแปะ จ้องมองด้วยน้ำตาเอ่อคลอ “คุณบอกว่าคุณไม่ชอบฉัน แล้วทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย ทำไมไม่ปล่อยฉันไปซักที”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว