บทที่ 156 ฉูเจ๋อหยางผู้โกรธจัด
ถังฉีตงค่อยวางแก้วชาในมือลงช้าๆ พูดขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “อยากรู้หรอ?”
ทุกคนพยักหน้า อยากรู้อยู่แล้วสิ เรื่องนินทาไอ้คนเจ้าเล่ห์ใครเขาจะไม่อยากรู้กัน
ถังฉีตงมองสายตาอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา เผยฟันขาวสะอาดและพูดขึ้นช้าๆว่า “ไม่บอกหรอก”
“ปั๊ดโถ่ แล้วให้ลุ้นทำอะไรเนี่ย”
“ใช่ นายนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ”
“บัดซบ นายยังเป็นคนอยู่ไหม มาทำให้คนค้างคาเนี่ย”
พูดแล้วไม่พูดต่อให้จบนี่จะฆ่ากันหรือไง? แต่ถังฉีตงก็ยังทำเป็นไม่รู้เรื่องนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น
ก็อยากพลิกโต๊ะถามไปเลยเหมือนกันนะ แต่เมื่อนึกถึงนิสัยชอบแก้แค้นแม้แต่เป็นเรื่องเล็กน้อยของคนเจ้าเล่ห์อย่างฉูเจ๋อหยาง พวกเขาก็ไม่คิดกล้าแหยมแล้ว
เมื่อฉูเจ๋อหยางได้ฟังคำตอบที่เป้ยฉ่ายเวยพยายามรวบรวมสติตอบกลับมาอย่างยากลำบากเสร็จ ก็วางโทรศัพท์ลง ขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาเย็นชาในเวลานี้มีแต่เกรี้ยวกราด พูดขึ้นเสียงเย็นว่า “เรื่องที่เหลือพวกนายจัดการให้ฉันด้วยนะ”
“อาเจ๋อ นั่นนายจะไปไหน” มีคนอยากที่จะทำให้บรรยากาศกลับมาเฮฮา จึงแกล้งถามขึ้นอย่างสนอกสนใจ
แต่เมื่อได้รับสายตาเย็นชาจากฉูเจ๋อหยาง คนพูดก็หดคอลงอย่างรู้ตัวกลับไปนั่งที่เดิม ให้ตาย แววตาของฉูเจ๋อหยางน่ากลัวเกินไปแล้ว
ผู้ชายที่เคยยืนอยู่ตรงนี้ ไม่นานก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
คนที่เหลือมองหน้ากันเลิกลั่ก เรื่องวันนี้สำคัญมากแค่ไหนอาเจ๋อรู้ดีอยู่แล้ว ยังคุยกันไม่จบเลยเขาก็ทิ้งพวกเขาไว้หนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้
เจี่ยงเสี่ยวเล่อที่เป็นคนรับสายคนแรกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
คนอื่นจึงมองมาที่เขาอย่างไม่เข้าใจ “เจี่ยงรองนายรู้อะไรมาใช่ไหม พูดมาเร็ว”
“บังอาจเรียกฉันว่าเจี่ยงรอง ยังจะให้ฉันพูดให้ฟังอีก ฝันไปเถอะ”
คนอื่นๆเริ่มแย่งกันถาม เรื่องนินทาภูเขาน้ำแข็งเดินได้อย่างฉูเจ๋อหยาง แค่คิดก็ทำให้ตื่นเต้นแล้ว
นอกจากถังฉีตง สายตาของทุกคนก็เริ่มครุ่นคิดอย่างจริงจัง หรือจะเป็นเรื่องเวยเวย มีแค่เรื่องของเวยเวยเท่านั้นแหละที่ทำคนด้านชาอย่างฉูเจ๋อหยางหวั่นไหวได้
พวกเขาโต้เถียงกันเรื่องนี้กันอย่างคึกคัก
เมื่อฉูเจ๋อหยางมาถึงที่พักของเป้ยฉ่ายเวย ก็เปิดประตูเข้าไป เห็นแค่กล่องใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ แต่ไม่เห็นหญิงสาวเลยแม้แต่เงา
กวาดสายตาไปรอบๆ ก็พบว่ามีคนนั่งอยู่หลังผ้าม่านตรงมุมห้อง เมื่อลองฟังดูดีๆก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้อยู่ตรงนั้นด้วย
ฉูเจ๋อหยางรู้สึกราวกับถูกใครบางคนชกเข้าที่หัวใจ เจ็บหัวใจไปหมด เขาก้าวเดินเข้าไปช้าๆ เพราะกลัวว่าจะทำให้ผู้หญิงที่ยังตกอยู่ในอาการหวาดกลัวยิ่งหวาดกลัวขึ้นไปอีก
จนเมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ เสียงสะอื้นเล็กๆก็ยิ่งดังขึ้น หัวใจของฉูเจ๋อหยางก็ยิ่งเจ็บปวดตามไปด้วย
เขายื่นมือออกไปเปิดผ้าม่านออก มองเห็นเป้ยฉ่ายเวยขดตัวอยู่ตรงมุมในสุด ผ้าพันแผลสีขาวบัดนี้กลายเป็นสีแดงไปแล้ว ใบหน้าเล็กๆที่งดงามมีแต่รอยน้ำตาเต็มไปหมด ในดวงตาที่เป็นประกายสดใสตอนนี้เต็มไปด้วยความหวดผวา
ดวงตาของฉูเจ๋อหยางแข็งกร้าวขึ้นมา เขาอยากจะสับร่างกายคนที่บังอาจมาทำให้เป้ยฉ่ายเวยหวาดกลัวออกเป็นชิ้นๆ
แต่เมื่อสายตาหันมองที่เป้ยฉ่ายเวยดวงตาก็ฉายแววอ่อนแสงลง ค่อยๆย่อตัวลงไปกอดเธอเอาไว้ “เวยเวย ผมมาแล้ว”
เขามาแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าได้กลัวอีกเลย
เป้ยฉ่ายเวยได้ยินเสียงฉูเจ๋อหยาง ก็คิดว่าตัวเองหูฝาด จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงความอุ่นจากร่างกายของเขา เธอถึงได้ควบคุมความหวาดกลัวไม่ได้อีกต่อไป กอดคอของฉูเจ๋อหยางเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ร้องไห้งอแงเสียงดังราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง
เธอกลัวมากจริงๆ อยากหนีออกไปจากห้องนี้ แต่เมื่อคิดว่าผู้ชายน่ากลัวคนนั้นอาจจะยังอยู่นอกประตู เธอก็ไม่กล้าที่จะออกไป
ทำได้แค่มาหลบอยู่ตรงมุมห้อง ใช้ผ้าม่านกำบังตัวเองเอาไว้
นิ่งไปสักพักถึงได้พูดเสริมเสียงเบาว่า “ฉันกลัว”
อย่าทิ้งเธอไว้
มือของฉูเจ๋อหยางรองอยู่ตรงสะโพกของเธอ อุ้มเธอเดินไปข้างหน้า
เป้ยฉ่ายเวยเหมือนหมีโคอาล่าตัวเล็กๆที่กอดต้นไม้ของตัวเองไว้หาที่ปลอดภัย
สำหรับเป้ยฉ่ายเวยแล้ว ฉูเจ๋อหยางก็เป็นเหมือนกับต้นไม้ต้นใหญ่ เพียงแค่เขาโอบกอดเธอไว้ เธอก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมา
นัยน์ตาของฉูเจ๋อหยางกวาดมองหัวใจสดๆที่อยู่ในกล่องนั้น น้ำแห็งแข็งแห้งที่อยู่ในกล่องก็ค่อยๆละลายหมดแล้ว กลิ่นคาวเลือดจึงแผ่กระจายปะทะจมูก ไม่แปลกใจเลยที่หญิงสาวในอ้อมกอดจะตกใจจนเป็นแบบนี้
เสียงทุ้มต่ำของเขาพูดขึ้นอย่างนิ่งๆว่า “มันคือหัวใจหมู”
เมื่อได้ยินว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นคือหัวใจหมู เป้ยฉ่ายเวยจึงโล่งอกขึ้นมาหน่อย ค่อยยังชั่ว ที่เป็นแค่หัวใจหมู
ถ้าเป็นหัวใจของคนเป็นๆวางอยู่ตรงนั้นล่ะก็ เพียงแค่คิดความรู้สึกสะอิดสะเอียนในกระเพาะอาหารก็แทบจะสำรอกออกมาแล้ว
ฉูเจ๋อหยางเข้าใจความหมายของลิ่วเอ่อร์แล้ว อุ้มเป้ยฉ่ายเวยเดินออกไปจากห้องของเธอทันที
เมื่อลงมาจากตึก ฉูเจ๋อหยางก็เดินตรงไปที่รถ เอื้อมมือออกไปเปิดประตูรถข้างคนขับ โค้งตัววางเป้ยฉ่ายเวยลงบนที่นั่ง
เป็นเพราะวันนี้เป้ยฉ่ายเวยเจอเรื่องน่ากลัวเยอะเกินไป เมื่อก้นแตะเบาะรถ ก็คิดไปตามสัญชาตญาณว่าฉูเจ๋อหยางจะทิ้งเธอไว้ จึงกอดคอของเขาไม่ยอมปล่อย
“ฉูเจ๋อหยาง อย่าทิ้งฉันไว้นะ”
ฉูเจ๋อหยางได้ยินเสียงที่ฟังดูน่าสงสารของเป้ยฉ่ายเวย ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “ผมจะพาคุณไปทำแผลใหม่ที่โรงพยาบาล”
พูดถึงแผล เป้ยฉ่ายเวยถึงได้รู้สึกเจ็บที่หลังมือ ไม่รู้เลยว่าตั้งแต่ตอนไหน ที่แผลของเธอฉีกขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...