หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 157

บทที่ 157ตั้ง27องศาแต่ทำไมรู้สึกหนาวถึงเพียงนี้

กระทั่งถึงโรงพยาบาลเป้ยฉ่ายเวยก็ยังเกาะฉูเจ๋อหยางไม่ยอมปล่อยราวกับลูกนกที่เพิ่งฟักตัว

หมอก็ยังเป็นหมอคนเดิม หลังจากที่คุณหมอค่อยๆแกะผ้าพันแผลออกอย่างระมัดระวัง ก็เห็นแผลที่เย็บฉีกขาดไปเกือบครึ่ง จึงอดมองตำหนิฉูเจ๋อหยางไม่ได้ “ทำไมแผลฉีกแบบนี้ล่ะ ผมบอกให้ระวังไม่ใช่หรือไง?”

เขาเป็นแฟนภาษาอะไรกันเนี่ย ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบเลย ปล่อยให้แฟนตัวเองได้แผลบ่อยๆแบบนี้ได้ยังไงกัน

เป้ยฉ่ายเวยมองหน้าฉูเจ๋อหยางที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆอย่างอึกอัก รีบอธิบายกับหมอว่า “คุณหมอคะ ฉันไม่ระวังทำแผลฉีกเอง ไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลยนะคะ อีกอย่างเขาก็ไม่ใช่แฟนฉันด้วย”

ถ้าจะเรียกให้ถูก จะเรียกว่าเจ้าหนี้หรือคู่นอนดีล่ะ?

คุณหมอส่ายหน้าพร้อมทั้งถอนหายใจออกมา “คนหนุ่มคนสาวสมัยนี้ ไม่รักตัวเองกันเลย หน้าตาดีแล้วหากินเป็นไหม?”

เขากำลังจะบอกว่าเป้ยฉ่ายเวยสายตาแย่มาก มีแฟนหน้าตาดีแต่พึ่งพาอะไรไม่ได้ หาคนดีที่จริงใจกับตัวเองยังจะดีกว่าอีก

แม้ว่าคนบางคนไม่ได้โต้กลับ แต่แววตากลับค่อยๆอึมครึม

จนทำให้บรรยากาศภายในห้องราวกับมีลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามา

จู่ๆหมอก็รู้สึกได้ถึงไอเย็นแปลกๆ จึงเอ่ยปากถามผู้ช่วยว่า “เสี่ยวเฉิน คุณปรับอุณหภูมิแอร์ต่ำไปหรือเปล่า”

ดวงตาตระหนกของเสี่ยวเฉินเอาแต่ปรายตามองฉูเจ๋อหยาง คุณหมอนี่ก็ช่างตาฝ้าฟาง ดูไม่ออกเลยหรือไงว่าไอเย็นๆนั่นมาจากไหน เขากลัวผู้ชายคนนั้นจนจะตายแล้ว

“คุณหมอหลิว อุณหภูมิในห้อง 27 องศานะครับ”

“ตั้ง27องศา ทำไมหนาวถึงเพียงนี้นะ? แปลกจริงๆ” คุณหมอมองอุณหภูมิที่โชว์อยู่บนเครื่องปรับอากาศ พูดมุบมิบๆกับตัวเองเบาๆ ไม่ได้สงสัยอะไรอีก หันกลับไปพูดกับเป้ยฉ่ายเวยว่า “แผลที่ฉีกต้องเย็บใหม่หมด คืนนี้คุณนอนที่นี้ดูอาการสักคืนก่อนนะครับ”

“ค่ะ งั้นเดี๋ยวอีกสักพักฉันจะไปทำเรื่องนอนค้างนะคะ” เป้ยฉ่ายเวยที่หันหลังให้ฉูเจ๋อหยางยังสัมผัสได้ถึงไอเย็นๆที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ได้แต่หวังว่าคุณหมอจะรีบตรวจให้เสร็จ ปล่อยเธอไว้ก็พอแล้ว

อาจเป็นเพราะคุณหมอมีอายุแล้ว เห็นเรื่องไม่ยุติธรรมแบบนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดฉอดสักประโยค “อะไรกัน คุณเจ็บขนาดนี้จะไปทำเรื่องเองได้ยังไง ถึงเขาจะไม่ใช่แฟนของคุณ อย่างน้อยช่วยคุณในฐานะเพื่อนก็ได้หนิ”

ไม่ต้องหันกลับไปมองเป้ยฉ่ายเวยก็รู้ว่าผู้ชายที่อยู่ข้างหลังจะโกรธขนาดไหน ห่วงก็แค่เขาจะระเบิดอารมณ์ออกมานี่ล่ะ

เสียงทุ้มต่ำของเจ๋อหยางจึงพูดขึ้นว่า “ผมทำเรื่องนอนค้างแล้ว”

เมื่อได้ยินว่าฉูเจ๋อหยางทำเรื่องแล้ว เป้ยฉ่ายเวยก็ทำหน้างงขึ้นมาทันที ห๊า? ทำไมเธอไม่รู้

คุณหมอไม่คาดคิดว่าจะได้คำตอบแบบนี้ ตอนแรกก็คิดว่าจะใช้โอกาสที่ตัวเองเป็นผู้อาวุโสกว่าสั่งสอนผู้ชายคนนี้สักหน่อย ในใจเตรียมปล่อยคำที่จะสอนพูดออกมาอย่างคล่องๆสักหน่อย แต่ผู้ชายคนนั้นก็บอกว่าจัดการอะไรเรียบร้อยแล้ว ทำให้เขาต้องเก็บคำเหล่านั้นทั้งหมดกลับไป

สายตาเคืองๆเบนไปทางผู้ช่วยของตน “เสี่ยวเฉิน เป็นแบบนั้นหรอ?”

“ใช่ ใช่ครับคุณหมอหลิว ก่อนหน้าที่คุณผู้ชายท่านนี้จะมา เขาบอกพยาบาลให้ทำเรื่องให้แล้วครับ” เสี่ยวเฉินพูดความจริง เขารู้ว่าคุณหมอหลิวมีนิสัยขี้ฉอด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร

คุณหมอหลิวทำได้เพียงให้มันแล้วๆไป กระแอมไอพูดขึ้นว่า “โอเค ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วก็เริ่มเย็บแผลเถอะครับ”

เป้ยฉ่ายเวยตกใจนิดหน่อยที่ฉูเจ๋อหยางอดทนได้ ถ้าเป็นตอนปกติ เขาคงเดินหนีไปตั้งนานแล้ว ที่เขาทนได้แบบนี้หรือจะเป็นเพราะเธอได้แผล?

เวลาต่อมาเธอก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมากแล้ว แผลที่เย็บใหม่เจ็บจนต้องร้องขอชีวิต แต่เพราะฉูเจ๋อหยางยังอยู่ข้างๆ เธอเลยฝืนทนเจ็บ

เล็บแทบจะหลุดออกมา

ไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังโน้มเข้ามาใกล้ตอนไหน กุมมือของเธอที่แอบจิกเก้าอี้ไว้ในฝ่ามือตัวเอง เล็บคมของเธอออกแรงมากเกินไปจึงจิกเข้าไปในฝ่ามือของชายหนุ่ม

เธอรู้สึกได้ถึงเล็บของตัวเองที่จิกข่วนฝ่ามือหยาบกร้านของเขาที่กุมมือเธอไว้ จิกลึกๆเข้าไปจนความอุ่นร้อนพรั่งพรูตามออกมา

มันคือเลือดของเขา

เป้ยฉ่ายเวยตกใจจะดึงมือออก แต่ผู้ชายที่กุมมือเธอไว้กับออกแรงกุมมือเธอแน่นขึ้น เสียงเข้มพูดขึ้นว่า “อยู่นิ่งๆ”

เป้ยฉ่ายเวยชะงัก ความร้อนอกร้อนใจก็ถูกเขาปลอบประโลมให้สงบลงราวปาฏิหาริย์ นิ้วมือที่เหยียดเกร็งก็ค่อยๆอ่อนลงด้วย

เธอพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิดว่า “ขอโทษ”

ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายไม่ตอบอะไรกลับมา

คุณหมอหลิวไม่เข้าใจว่าผู้หญิงที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วิยังดูเจ็บปวดอยู่เลย ทำไมถึงได้เอาแต่ก้มหน้าลงด้วยใบหน้าแดงซ่าน ตาจึงมองไปยังมือของทั้งคู่ที่กุมมือกันไว้อยู่ เห็นแบบนั้นคุณหมอจึงเร่งเย็บแผลให้เสร็จ

การเย็บแผลเป็นไปได้สวย

เพราะแผลฉีกไปแค่ครึ่งหนึ่ง และมือของฉูเจ๋อหยางที่คอยกุมมือเธอไว้อย่างห่วงใย ทำให้ความเจ็บเหล่านั้นหายไป

คุณหมอหลิวเย็บแผลเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว “ผมจะไม่พูดซ้ำแล้วนะ ถ้าแผลยังฉีกอีก คุณก็เตรียมติดพลาสเตอร์เองแทนละกัน”

“รับทราบค่ะ ขอบคุณนะคะคุณหมอ” เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่โดนดุ แต่เธอก็รู้ว่าที่คุณหมอพูดก็เพื่อให้เธอหายดีทั้งนั้น

คุณหมอหลิวรู้สึกเขินแปลกๆ จึงรีบสะบัดมือแกล้งทำเป็นรำคาญพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเฉิน รีบพาพวกเขาไปห้องพักฟื้นได้ละ เดี๋ยวจะเกะกะคนไข้คนต่อไปของผม”

“คุณเป้ยเชิญทางนี้ครับ” เสี่ยวเฉินถือใบประวัติคนไข้ของเป้ยฉ่ายเวยเดินไปถึงประตู

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยลุกขึ้น ก็ทรุดลงกลับไปนั่งเหมือนเดิมเพราะขาชาจากการนั่งนานจนเกินไป ตอนที่กำลังรู้สึกลำบากจากการเหน็บชาอยู่นั้น จู่ๆทั้งร่างก็ลอยขึ้นสูง เป็นเพราะเธอถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขน จากนั้นเขาก็พาเดินออกจากห้องไป

เธอจึงได้แค่ซบหัวลงตรงอกของชายหนุ่ม แอบดีใจอยู่ลึกๆที่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนคนในโรงพยาบาลเลยไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่

ฉูเจ๋อหยางจองห้องวีไอพีไว้ให้เธอ ภายในห้องสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีทั้งตู้เสื้อผ้า โซฟา โทรทัศน์ และก็ตู้เย็นขนาดเล็ก พร้อมทั้งห้องน้ำเดี่ยวภายในตัว

สะดวกแล้วก็สบาย

เป้ยฉ่ายเวยนอนอยู่บนเตียง มองผู้ชายข้างกาย สายตาของเธอไล่มองขึ้นมองลงก็เห็นฝ่ามือของเขามีรอยเลือดที่แห้งกรังติดอยู่แวบๆ จึงพูดขึ้นว่า “ฉู๋เจ๋อหยาง คุณไปทำแผลดีกว่าไหม”

เสียงของฉูเจ๋อหยางพูดขึ้นอย่างไม่เก็บมาใส่ใจอะไร “คุณหมายถึงฉีดวัคซีนกันโรคพิษสุนัขบ้างั้นหรอ”

ตอนแรกเป้ยฉ่ายเวยไม่เข้าใจที่ฉูเจ๋อหยางพูด แต่ผ่านไปไม่นาน เธอก็พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “นี่คุณกำลังบอกว่าใครเป็นหมานะ”

ฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้า ไม่ใช่จะบอกว่าเธอเป็นหมาหรอ!!

“ในเมื่อไม่ใช่ ก็นอนลงไปดีๆ”

แต่ก่อนเขาเคยได้แผลหนักกว่านี้อีก บางครั้งทำแผลไม่ทันจนแผลอักเสบเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ส่วนนี้แผลแค่นิดเดียวไม่ต้องถึงขนาดไปทำแผลหรอก คนย่างฉูเจ๋อหยางไม่ได้บอบบางขนาดนั้น

เธออุตส่าห์เป็นห่วงยังจะถูกเขายอกย้อนอีก เป้ยฉ่ายเวยไม่อยากสนใจเขาแล้ว แต่ก็เอาชนะความอยากรู้อยากเห็นในใจไม่ได้ “คุณรู้จุดประสงค์ที่ลิ่วเอ่อร์ทำแบบนี้ไหม?”

สายตาของฉูเจ๋อหยางมองมาทางเธอ “อยากรู้หรอ?”

เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้าหงึกหงัก “อยาก”

“อืม งั้นก็อยากรู้ต่อไป”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว