หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 161

บทที่161 ยังมีเรื่องที่น่าอายยิ่งกว่า

เมื่อฉูเจ๋อหยางออกมาจากห้องน้ำ เขาเห็นเป้ยฉ่ายเวยทำสีหน้าไม่ยำเกรง เธอนั่งนิ่งจ้องเขาราวกับว่าเขาทำเรื่องอะไรที่ไม่สามารถให้อภัยได้ ดวงตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความขุ่นเคือง

เขาพูดมึนๆแต่นุ่มนวลราวขนนกว่า “ไม่ชอบรึ”

เมื่อคิดถึงความรุนแรงบนเตียงของเขา เป้ยฉ่ายเวยก็ส่ายศีรษะ คุณกล้าดียังไง เธอชอบมาก

ชอบจนอยากจะเตะเขาให้ตายไปเลยทีเดียว

ดูเหมือนว่าฉูเจ๋อหยางจะตีความหมายไปในทางที่ผิด ดวงตาเขาจ้องลึกลงไปที่เธอ เสียงทั้งลุ่มลึกและสับสน “ไม่ต้องห่วง ครั้งต่อไปผมจะต้องทำให้คุณชอบอีกแน่นอน”

เป้ยฉ่ายเวยยกมือขึ้นโบกสะบัดอย่างรวดเร็ว “ไม่ ไม่ ฉันชอบมาก ไม่ต้องมีครั้งต่อไปแล้ว”

เธอแค่ยั่วโทสะเขาเท่านั้น

“ชอบมากกกก” ฉูเจ๋อหยางลากเสียง “ถ้าอย่างนั้นก็ต่อเลยแล้วกัน”

เธอพูดอะไรเขาก็อ้างเอาเป็นเหตุผลเข้าข้างตัวเอง เป้ยฉ่ายเวยไม่สบอารมณ์ ไม่มีทางเอาเขาอยู่ นึกถึงสองขาที่ถูกตรึงกับเตียงใต้ผ้าห่ม แล้วเธอก็กลืนน้ำลายพลางพูดว่า “ฉูเจ๋อหยาง คุณนั่นน่ะ เรื่องนั้นจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วรึ”

ฉูเจ๋อหยางรู้ว่าเธอตั้งใจที่จะเปลี่ยนเรื่อง เขาพยักหน้าเชิงว่าเป็นคำตอบ

“วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น คุณสวมเสื้อผ้าหน่อยดีไหม” ถ้าหากว่าเธอไม่ได้ความจำเสื่อม ฉูเจ๋อหยางยังคงเปลือยอยู่ภายใต้ผ้าเช็ดตัวผืนโตนั่น

ขณะที่มีความคิดเช่นนั้นสายตาเธอก็เผลอเลื่อนไปมองที่บริเวณท้องน้อยของเขา เมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏเธอก็ผงะไป ฉูเจ๋อหยางมีขนเล็กๆโผล่ขึ้นมาบริเวณท้องส่วนล่าง ยาวไปจนถึงที่ไหนสักแห่งบนทางแยกที่ยาวไปจนถึงสะดือ

ยังมีหยดน้ำเปียกอยู่สองสามหยด แสงแดดภายนอกหน้าต่างนั้นสว่างจ้าจนกระทั่ง เธอสามารถมองเห็นหยดน้ำตั้งแต่บนส่วนท้องของเขาไปจนถึงจุดที่พรรณนาไม่ได้

ช่วยด้วย ฉากนี้มันเร้าอารมณ์เกินไป

ถ้าหากจับฉูเจ๋อหยางไปอยู่ในร้านขายเป็ด เขาต้องเป็นราชาเป็ดแน่ๆ จู่โจม ถังฉีตงยังไม่เด็ดแต่ก็นับว่าพอเป็นแม่ทัพได้ เจี่ยงเสี่ยวเล่อก็ดูไม่เลว

ภาพของคนทั้งสองอยู่ด้วยกันน่าจะสวยงามสะดุดตานะ

ถ้าหากว่าฉูเจ๋อหยางรู้ว่าเป้ยฉ่ายเวยกำลังจ้องมองตัวเขาจนหน้าแดง และยังคิดเอาเขาไปเทียบกับผู้ชายคนอื่น เขาคงไม่จ้องเธออย่าง “เป็นมิตร” เช่นนี้แน่นอน

“มองพอแล้ว”

เป้ยฉ่ายเวยหน้าร้อนผ่าว เธอค่อยๆพลิกตัวไม่หันกลับไปมองอีก เธอหันไปทิศทางที่ฉูเจ๋อหยางมองไม่เห็นและแอบกรีดร้องเบาๆ

จะยังมีอะไรน่าอายกว่าเรื่องที่จับได้ว่าเธอแอบมองของเขาอีกรึเปล่า

แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว

ประตูห้องคนไข้ถูกคนผลักเปิดออกอย่างรุนแรง

“เวยเวย เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”

อวี๋ซือซือและถังฉีตงตามกันเข้ามาติดๆ

เมื่อเห็นฉูเจ๋อหยางนุ่งผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว ท่อนบนยังโชว์กล้ามแปดมัด อวี๋ซือซือเคยเห็นฉากนั้นนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เลยไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร สายตาตันเฟิ่งทั้งคู่ไปสะดุดที่เจ้านาย

พ่อเอ๋ย ไม่คิดเลยว่าฉูเจ๋อหยางจะงานดีขนาดนี้

ดูเหมือนถังฉีตงจะไม่พอใจอย่างมากกับสายตาที่อวี๋ซือซือจ้องฉูเจ๋อหยาง เขายื่นมือออกไปปิดตาเธอไว้และพยายามลากตัวเธอออกไป “ให้เวลาพวกเธอสิบนาที”

ประตูถูกปิดลงอีกครั้ง เป้ยฉ่ายเวยยังได้ยินสิ่งที่ถังฉีตงพูดกับอวี๋ซือซือก่อนที่จะเดินออกไป “ของผมก็ไม่ได้แซ่บน้อยไปกว่าเขาหรอก ถ้าคุณอยากดู ไว้กลับบ้านเราค่อยไปดูกัน”

อวี๋ซือซือไม่รู้ว่าด่าออกไปเพราะโกรธหรืออาย “อยากดูบ้านพ่องสิ”

เป้ยฉ่ายเวยห่อตัวอยู่ในผ้าห่ม เธอหลับตาทำสมาธิ เธอกำลังฝัน แน่นอนว่าต้องฝันอยู่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นภาพมายา วิญญาณชั่วร้ายจงหายไป

เมื่อฉูเจ๋อหยางเห็นหญิงสาวบนเตียงช่างมีวิสัยทัศน์สั้นดังนกกระจอกเทศ ปากเขาก็อมยิ้มและกระซิบเบาๆ “คุณทับกางเกงผมอยู่”

เสียงหวืดดังขึ้น กางเกงในสี่มุมที่น่าสงสารกำลังลอยว่อนไปยังทิศทางของฉูเจ๋อหยาง

ฉูเจ๋อหยางสามารถจินตนาการถึงใบสีแดงน้อยๆภายใต้ผ้าห่มของเป้ยฉ่ายเวยออก เขารับกางเกงในที่เธอโยนมาอย่างชิวๆ แม้ว่าเขาไม่คิดจะใส่มันอีกต่อไป แต่ก็ไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนแล้ว เขาได้แต่ฝืนใจใส่มันกลับไป

เป้ยฉ่ายเวยซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มทำเสียงเหมือนม้าคำราม มันกำลังวิ่งอยู่ในทุ่งหญ้าเขียวขจีซึ่งไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ นี่เป็นจุดจบของโลกแล้วใช่ไหม เหตุใดเรื่องน่าอายหลายเรื่องกลับถูกคนพบเห็นเช่นนี้

เพื่อนผู้ซึ่งฟันผุเหลืองเต็มปากเห็นเข้า เธอนึกถึงภาพวันแห่งความมืดมนในภายหลัง ว่าจะต้องได้ยินเธอยกเอาเรื่องอัปยศอดสูนี้ขึ้นมาพูดอย่างไร

ถ้าหากสามารถย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะไม่พลาดติดกับฉูเจ๋อหยางเป็นอันขาด เธอม้วนผ้าปูที่นอนที่โรงพยาบาลอย่างมึนงง

ผู้ชายรักสะอาดคนนั้น เสื้อผ้าสะอาดก็ไม่ได้เอามาเปลี่ยน เขาทนได้หรอ

สิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ประตูห้องคนไข้เปิดขึ้นอีกครั้ง มีเสียงเดินเข้าและเดินออก จากนั้นก็เงียบลงอีกครั้ง

เป้ยฉ่ายเวยเลือกวิธีที่ง่ายที่สุด หลับตาแกล้งตาย ไม่ว่าจะเป็นใครเข้ามาเธอแกล้งตายไปเลยก็พอ ไม่ต้องคิดอะไร

เสียงฝีเท้าเหมือนแมวค่อยๆย่องเข้ามา เป้ยฉ่ายเวยหลับตาปี๋

นิ้วเรียวยาวยื่นไปจับคนที่อยู่ภายใต้ผ้าห่ม “โอเคแล้ว คนออกไปกันหมดแล้วไม่ต้องแกล้งแล้วล่ะ”

ไม่ได้ยิน ไม่ได้ยิน หล่อนพูดอะไรฉันไม่ได้ยิน

ผ้าที่ปิดศีรษะอยู่ถูกคนเปิดออก อวี๋ซือซือเห็นว่าเป้ยฉ่ายเวยแกล้งนอนหลับ เธอจึงกล่าวด้วยเสียงเฉื่อยชา “ลุกขึ้นมาเถอะ ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้หลับ”

หลับที่ไหนกัน หน้าแดงอย่างกับอะไร จะหลอกคนอื่นก็ต้องเป็นมืออาชีพสักหน่อยไหม

เป้ยฉ่ายเวยรู้ตัวว่าหลบพ้นแล้ว เธอจึงค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆและถามอย่างหน้ามึน “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอ”

อวี๋ซือซือมองเธอปราดหนึ่งและพูดขึ้นดั่งปีศาจร้าย “เกิดเรื่องแล้วดาวอังคารพุ่งชนโลก จะให้ฉันเล่าต่ออีกไหม”

ขอร้องล่ะขอร้อง เธอกลัวแล้วโอเคไหม

สำหรับเหตุการณ์อุกอาจเช่นนี้ คนทั่วไปมักจะมีปฏิกิริยาสองอย่าง หนึ่งคือละอายใจ อีกหนึ่งคือยอมรับชะตากรรมอย่างเป้ยฉ่ายเวย หน้าจะหนาแค่ไหน

“เธอมาได้อย่างไร”

อวี๋ซือซือลากเก้าอี้มานั่งไขว่ห้างตรงหน้าเธอ สายตาตันเฟิ่งคู่นั้นเต็มไปด้วยดราม่า “พูดได้แล้วเรอะ”

“ก็ถามอยู่ไม่ใช่หรอว่ามาได้อย่างไร” เป้ยฉ่ายเวยลุกขึ้นและนั่งพิงกับหัวเตียง

เมื่อเรื่องถึงตรงนี้ เธอได้แต่สงบสติอารมณ์ตัวเองให้มากที่สุด ใบหน้าล่องลอยเหมือนเป็นก้อนเมฆ

“แน่นอนว่าพอรู้ข่าวก็รีบมา” ยากที่จะอวี๋ซือซือจะจับเธอได้ท่ามกลางฉากอันร้อนแรงเช่นนี้ จะปล่อยหล่อนไปเรอะ มันไม่ใช่นิสัยเธอแน่

เธอโน้มตัวไปข้างหน้าและถามออกมา “เป็นไง จ้ำจี้ที่โรงพยาบาลตื่นเต้นดีไหม”

เป้ยฉ่ายเวยสะกดอารมณ์และพ่นออกมาสี่คำ “ตื่นเต้นเธอสิ”

ฉูเจ๋อหยางฉวยโอกาสจากคนอื่น เธอน่ะเป็นเหยื่อ ใครจะรู้ว่าพอหลับไปก็จะมีคนเอาผ้าปูเตียงไป

อวี๋ซือซือเงยหน้ามองไปรอบๆและกระแอมออกมา “บะเริ่มเทิ่มอยู่นา”

เป้ยฉ่ายเวยคิดว่าตัวเองหน้าหนาแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนเธอก็ระเบิดขึ้นทันที “พูดจาให้มันดีดีหน่อยได้ไหม”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เอาล่ะไม่ล้อเธอแล้ว แต่ว่าหุ่นฉูเจ๋อหยางนี่งานดีมากเลยนะ เหอเหอ เขาว่ากันว่าผู้ชายถ้าเอวแคบ ของลับใหญ่ ชีวิตจะสุขสบาย”

อวี๋ซือซือหัวเราะอยู่หลายรอบก่อนจะถามขึ้นอย่างขึงขัง “เธอบอกฉันมาซิ ของฉูเจ๋อหยางสยิวกิ้วมากเลยใช่ไหม”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว