หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 162

บทที่162 วางแผนส่งรุ่ยรุ่ยไป

กลายเป็นเรื่องตลกไป เป้ยฉ่ายเวยหลุดคิดไปพักนึงเธอก็ได้สติ เธอเลิกคิ้วพลางพูดขึ้นว่า “ทำไม ของถังฉีตงไม่แซ่บอย่างนั้นหรอ”

“ฉันกับเขายิ่งกว่าน้ำเดือด” เมื่อกล่าวถึงชายที่ตัวเองรำคาญ อวี๋ซือซือก็มีท่าทางไม่พอใจในทันที

“ซือซือที่แท้เธอก็ยังไม่รู้ตัวนี่เอง จะมีผู้ชายสักกี่คนบนโลกนี้ที่สามารถมีอิทธิพลกับอารมณ์ของเธอได้” ถ้าหากว่าซือซือไม่ได้สนใจถังฉีตงจริงๆแล้วล่ะก็ ทำไมแค่คำพูดไม่กี่คำเกี่ยวกับเขาถึงสามารถทำให้เธอหงุดหงิดได้

คำตอบประโยคนั้น ทำให้คนข้างๆหลงกล

เธอก็เหมือนกับซือซือ ไม่มีใครว่าใครได้

มีแววตาแปลกประหลาดในสายตาของอวี๋ซือซือ และมันก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว เธอเอนกายพิงเก้าอี้และพูดขึ้นเบาๆ “ใครบอกว่าไม่ล่ะ ฉันรับปากตาแก่ที่บ้านแล้วว่าจะไปนัดบอด”

“...” เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้จะพูดอย่างไร

บรรยากาศมึนตึง

ไม่นานอวี๋ซือซือก็เริ่มกลับมามีท่าทีผ่อนคลาย เธอพูดจาสับสน “เธอก็โง่นะ คิดว่าฉันจะเชื่อฟังคำสั่งคนอื่นหรืออย่างไร จะเป็นไปได้ไง แต่ว่าทำสงครามเย็นกับตาแก่นั่นก็สนุกดีนะ”

เป้ยฉ่ายเวยเบ้ปากและยิ้มอย่างไม่ได้ยินดีนัก เธอรู้ว่าซือซือเองก็ไม่ได้สบายใจ หล่อนไม่ได้ชิวแบบที่แสดงออกให้เห็นหรอก

“นี่มันการแสดงออกแบบไหนกัน ฉันยังไม่ตายนะ ทำไมเธอต้องร้องห่มร้องไห้ เอาล่ะ จะไม่แซวเธอแล้ว” อวี๋ซือซือหัวเราะออกมายกใหญ่ ขอบตาเธอมองเห็นเป็นเส้น ขณะที่ความเจ็บปวดแผ่กระจายไปทั่วหน้าอก

“ซือซือ เธออย่าหัวเราะอย่างนี้เลย มันน่าเกลียดมาก” เธอเห็นแล้วก็ไม่สบายใจ

“จะหาเรื่องหรอ พี่น่าเกลียดตรงไหนฮะ” อวี๋ซือซือพูดเสียงไม่มั่นใจ เธอไม่ได้ต้องการให้เป้ยฉ่ายเวยออกความเห็นอะไร เธอจึงเปลี่ยนเรื่องเอาเฉยๆ “ตอนนี้บอกฉันได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้น”

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าถังฉีตงส่งข่าวมาบอก เธอก็คงไม่ได้รีบรุดมาที่โรงพยาบาลอย่างนี้

และก็คงไม่ได้เห็นฉากอันเร่าร้อนเช่นนี้

“ฉันอาจจะถูกคนสะกดรอยอยู่” เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้ปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นกับอวี๋ซือซือ เธอเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟัง

อวี๋ซือซือตบต้นขาพร้อมพูดด้วยความโมโห “ฉันไว้ใจคนผิดจริงๆ เธอรู้รึเปล่าว่าหัวใจหมูมีความหมายว่าอย่างไร”

เป้ยฉ่ายเวยส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ

“หัวใจหมูก็คือหัวใจของคนบาป” กฎบนเส้นทางอวี๋ซือซือก็เข้าใจอยู่บ้าง นี่ไม่ใช่การยั่วยุธรรมดา แต่มันคือความหมายของบันทึกเลือด

ที่แท้ฉูเจ๋อหยางเป็นคนแบบไหน ไม่สำคัญว่าเขาจะตายไปหรือยัง น่าจะให้เขาได้เจ็บปวดบ้างหลังจากความตาย

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยได้ฟังการอุปมาของซือซือ ใบหน้าเธอก็ขาวซีด เธอคิดว่ามันคือการแก้แค้นธรรมดาๆ ฉูเจ๋อหยางในฐานะนักกฎหมาย ชนะมาหลายร้อยคดี แน่นอนว่าคงจะมีคนที่โกรธเคืองเขาไม่น้อย

แต่ก็ไม่ได้รุนแรงเท่ากับครั้งนี้

“ซือซือ ทำอย่างไรดี เขาจะเป็นอันตรายไหม”

ซือซือตอบหน้าซื่อๆ “อย่าพูดถึงว่าเขาเป็นอันตรายเลย แค่ตัวเธอเองก็จะเอาไม่รอดแล้ว”

ยังมาบอกว่าจะเคลียร์ความสัมพันธ์กับฉูเจ๋อหยางให้ชัดเจน แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมา แทบจะไม่ได้ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง มัวแต่คิดถึงคนอื่น

เป้ยฉ่ายเวยพึมพำกับตัวเอง “แล้วจะทำอย่างไรดี…”

เมื่อคิดว่าฉูเจ๋อหยางอาจจะได้รับบาดเจ็บ หนำซ้ำอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต หัวใจเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะ

“เวยเวยเธอก็อย่าดูถูกฉูเจ๋อหยางเกินไป เขาเลือกอาชีพนี้ก็ย่อมต้องรู้อยู่แล้วว่าอันตรายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาไม่ได้หวั่นเกรงว่าจะต้องเผชิญหน้ากับคนที่เป็นภัย” เมื่อเปรียบเทียบกับอิทธิพลของฉูเจ๋อหยางแล้ว อวี๋ซือซือเป็นห่วงเพื่อนที่เหมือนไก่อ่อนของเธอเสียมากกว่า

“เธอไม่ต้องเป็นกังวลแทนเขาหรอก อพาร์ทเม้นต์ของเธอนั่นก็อย่ากลับไปอีกล่ะ ไปอยู่กับฉันก่อนเถอะ”

เป้ยฉ่ายเวยอยู่ๆก็ร้องออกมาอย่างจริงจัง “ซือซือ”

“ว่าไง” อวี๋ซือซือมองเป้ยฉ่ายเวยด้วยสายตาขึงขังและถามอย่างซีเรียส

“พรุ่งนี้ส่งรุ่ยรุ่ยกลับต่างจังหวัดไปนะ จะให้ใครพบเขาไม่ได้ วันนี้ฉันจะยังไม่ไปที่บ้านเธอ” เธอต้องการรอให้รุ่ยรุ่ยอพยพไปอย่างปลอดภัยก่อน เธอถึงจะไปอยู่กับซือซือได้

อวี๋ซือซือคิดแล้วคิดอีกก็เห็นควรว่าน่าจะส่งรุ่ยรุ่ยกลับไปที่ต่างจังหวัดก่อน แต่ว่า “ส่งกลับไปก็ไม่มีปัญหา แต่ว่าอีกหนึ่งสัปดาห์รุ่ยรุ่ยก็จะปิดเทอม เขาอยากจะไปเที่ยวสวนสนุกกับเธอ เธอคิดว่าจะพูดกับเขาอย่างไรล่ะ”

เป้ยฉ่ายเวยสะกดกั้นความเจ็บปวดจากความรู้สึกผิดในใจเอาไว้และพูดอย่างใจร้าย “ครั้งนี้สถานการณ์ไม่ปกติ ขอลาหยุดที่โรงเรียนก่อน คุณยายก็คิดถึงเขาเหมือนกัน”

ไม่รู้ว่าจริงๆกำลังพูดปลอบใจตัวเองอยู่รึเปล่า หรือว่ากำลังบังคับตัวเองไม่ให้ใจอ่อน “รุ่ยรุ่ยเขาจะต้องเข้าใจ”

“เฮ้อ ที่รุ่ยรุ่ยเข้าใจเพราะว่าเขาโตและรู้เรื่องเกินวัย” อวี๋ซือซือคว้าซองบุหรี่ในกระเป๋าด้วยความเคยชิน แต่เมื่อคิดว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาลเลยชะงักไว้ ความจริงรุ่ยรุ่ยอาจจะไม่ได้รู้เรื่องขนาดนั้น หัวใจเธอรู้สึกชาขึ้นมา

“ฉันรู้ ฉันเข้าใจ รอให้พ้นช่วงนี้ไปก่อน ฉันจะไม่ปล่อยให้รุ่ยรุ่ยอยู่คนเดียวแน่” เป้ยฉ่ายเวยมีความตั้งใจบางอย่างอยู่ในใจ รอให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไปก่อน เธอจะพารุ่ยรุ่ยไปเลี้ยงที่ต่างประเทศ

สำหรับเงื่อนไขสุดท้ายของฉูเจ๋อหยาง เธอจะหาโอกาสในช่วงเวลานี้อธิบายกับฉูเจ๋อหยาง

“เวยเวยเธอก็อย่ากดดันตัวเองจนเกินไป ก็อย่างที่เธอบอก รุ่ยรุ่ยรู้เรื่องมากแล้ว เขารู้เวลาที่เธอทุกข์ใจ” อวี๋ซือซือรู้สึกว่าประโยคที่เพิ่งพูดออกไปนั้นออกจะแรงไปอยู่บ้าง

ยังไงเวยเวยก็เป็นแม่ของรุ่ยรุ่ย มีแม่ที่ไหนกันไม่เป็นห่วงลูกตัวเองบ้าง และถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าหลายปีมานี้เวยเวยตรากตรำทำงานอย่างหนัก คงไม่สามารถจ่ายค่ายาอันแพงหูฉี่ของรุ่ยรุ่ยได้

ทางหนึ่งก็ต้องเลี้ยงลูกชาย อีกทางหนึ่งก็ต้องประคับประคองเรื่องการเงิน เวยเวยต้องเลือกที่จะแบกรับค่ารักษาพยาบาลเอาไว้ก่อน แล้วจึงค่อยหาเวลาว่างเล็กน้อยปลีกตัวจากงานอันแสนยุ่ง

เมื่อพูดถึงรุ่ยรุ่ย สีหน้าของเป้ยฉ่ายเวยก็ปรากฏแสงสะท้อนของใบหน้าคนเป็นแม่ “อื้อ”

เธอมองอวี๋ซือซือด้วยความขุ่นใจเล็กน้อย เธอไม่เคยมีลูก เธอเลยไม่สามารถเข้าใจลึกซึ้งในอารมณ์ของคนเป็นแม่ที่มีต่อลูกได้

หล่อนก็ต้องการที่จะมีลูก ลูกที่เป็นของหล่อนเพียงคนเดียว เงื่อนไขทางการเงินของหล่อนนั้นไม่ได้เป็นปัญหา

“เวยเวยเธอว่าฉันไปทำกิ๊ฟต์ดีไหม” เพียงแค่ไม่ต้องทำตามกระบวนการแบบเดิมๆ ทำเด็กหลอดแก้ว

“ไม่ดี ซือซืออย่าเป็นเหมือนฉันเลย เด็กจะมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ มันจะทำให้ใจเธอรู้สึกผิด” เป้ยฉ่ายเวยไม่เห็นด้วยกับที่ซือซือพูด

อวี๋ซือซือคิดแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุมีผล เธอจึงได้เลิกล้มความตั้งใจเสีย “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ยังคงต้องแกล้งลูกชายของฉันต่อไปล่ะสิ”

เป้ยฉ่ายเวยถามด้วยตาเป็นประกาย “แล้วถังฉีตงล่ะ”

“ฉันว่าคนที่เธอต้องไปถามก็คือถังฉีตงนะ” อวี๋ซือซือพูดด้วยความโกรธ

เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้ปฏิเสธหรือว่ายอมรับ “ก็พวกเขาสองคนออกไปแล้วนี่”

“เปล่า กำลังคุยกันอยู่หน้าประตู ฉันจะเรียกเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเธอ” อวี๋ซือซือไม่ได้สนใจว่าผู้ชายสองคนนั้นจะคุยเรื่องอะไรกัน

“อื้อ ฉูเจ๋อหยางเริ่มจะสงสัยฉันอยู่บ้างแล้ว เรื่องรุ่ยรุ่ยจะต้องระวังหน่อยนะ”

“วางใจเถอะ เรื่องนี้ฉันระวังตัวอยู่แล้ว” ความปลอดภัยของรุ่ยรุ่ยเธอไม่มีทางละเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว