หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 168

บทที่168 พึ่งลำแข้งตนเอง

“ไม่ได้ทำเพื่อเธอ” อวี๋ซือซือยกมือขึ้นแล้วยืดผมยาวเหยียดตรงไปที่หน้าอกของตัวเองและกล่าวอย่างมีพลัง

“ฉันเป็นพี่ใหญ่ของตระกูลอวี๋ บัตรเชิญแบบนี้ถูกส่งไปที่บ้านฉันแล้ว ฉันให้คนใช้โยนทิ้งถังขยะไปเอง เดี๋ยวจะบอกให้คนหาเอากลับมา เธอสวดภาวนาดีกว่าว่าอย่าเพิ่งให้รถขยะเก็บไป ไม่อย่างนั้นเราคงจะต้องไปที่ลานเก็บขยะกัน”

“ค่ะค่ะ พี่ใหญ่อวี๋ของฉัน” เป้ยฉ่ายเวยหัวเราะและเห็นเป็นเรื่องตลก

“คุยเสร็จรึยัง” ถังฉีตงเคาะประตูเข้ามา

อวี๋ซือซือบ่นไม่พอใจ “มีความอดทนหน่อย”

“ครั้งนี้คุณได้รับมอบหมายให้สัมภาษณ์ผมไม่ใช่รึ ผมจะว่างให้คุณตอนบ่ายนี้ก็แล้วกัน” ถังฉีตงพูดพร้อมวางมาด

อวี๋ซือซือเห็นเป้ยฉ่ายเวยหรี่ตาลง เธอหน้าแดงด้วยความอายจนแกล้งทำเป็นโกรธและแผดเสียง “หุบปาก ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอกนะ”

เป้ยฉ่ายเวยใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บยกขึ้นมาปิดหูและพูดว่า “ฉันไม่ได้ยินอะไรเลย”

“ที่แท้คุณไม่เต็มใจ อย่างนั้นก็ได้ ผมจะได้ให้คนปฏิเสธไป” ถังฉีตงพูดพล่อยๆ มีรอยยิ้มน้อยๆอยู่ในสายตาของเขา

“ไม่ต้องปฏิเสธ เดี๋ยวฉันจะไปเผาบ้านคุณ” อวี๋ซือซือโมโหควันออกหู ล้อเล่นรึเปล่านั่นเป็นโบนัสของเธอเดือนนี้เลยนะ

พูดแล้วก็เจ็บใจ เธอไม่รู้ว่าชายชรานั่นเป็นอัลไซเมอร์รึเปล่า เมื่อได้ยินคำพูดของคนข้างๆ เขาก็หยุดไพ่ของเธอทั้งหมดเพื่อขอร้องเธอ

ยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง!

ถ้าหากว่าเมื่อก่อนเรื่องของเธอเป็นนาที แต่ว่าตอนนี้เธอเป็นบรรณาธิการตัวน้อย บวกกับแนวคิดที่จะกินในระยะยาว ภายใต้แสงจันทร์ กระเป๋าสตางค์สำคัญกว่าหน้าตา

เธอต้องคว้าโอกาสที่จะทำให้ชีวิตในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้สุขสบาย

ของรักที่จอดรออยู่ในโรงรถยังรอการซ่อมบำรุงอยู่เลย

“ด้วยความยินดี” ถ้าหากว่าเธอได้รับอนุญาตให้เข้าไปในบ้าน เธอย่อมจะเลือกทางเลือกนี้

อวี๋ซือซือตาเป็นประกาย และตะโกนออกไป “ออกไป”

“ขอโทษนะ นี่พวกเธอจีบกันต่อหน้าฉันใช่ไหม ถึงฉันจะไม่ถือ แต่ว่าอีกเดี๋ยวพยาบาลก็จะเข้ามาเก็บกวาดท้องแล้วนะ” เป้ยฉ่ายเวยตั้งใจมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนกำแพงห้อง

เมื่อได้ยิน พวกเขาก็ทำเป็นว่าสนใจที่ไหน

อวี๋ซือซือเหมือนแมวถูกหนีบหาง เธอร้องอย่างโหยหวน “ใครจีบกัน เวยเวยเธอไม่ใช่เพื่อนฉันหรือยังไง”

“โอเค ฉันจะไม่พูดแล้ว ตอนนี้เราไปกันได้รึยัง” เป้ยฉ่ายเวยทำท่ายอมแพ้ในทันที เธอแอบบ่นอยู่ในใจ ถ้าไม่สนใจล่ะก็ทำไมต้องทำท่าเดือดร้อนด้วย

“ไป ไปกันได้แล้ว” อวี๋ซือซือก็รู้ตัวเหมือนกันว่าเธอออกท่าทางมากเกินไป เธอหันไปค้อนให้กับผู้ชายที่กำลังอมยิ้มอยู่ สายตาปะทะกับเขาโดยบังเอิญ เธอตกใจ แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น

ถังฉีตงส่งพวกเขากลับไปและตัวเองก็กลับไปทำงานต่อ ส่วนการสัมภาษณ์นั้นค่อยให้อวี๋ซือซือไปหาเขาในตอนค่ำ

เป้ยฉ่ายพยักหน้าและกล่าวอย่างลึกซึ้ง “ตอนค่ำ เป็นช่วงเวลาที่ไม่เลวนะ”

“ไม่เลวบ้านเธอสิ ฉันไม่ไปหรอก ถ้าหากว่าปล่อยเธอไว้ ไม่รู้จะมีใครหน้าไหนโผล่..….”

อวี๋ซือซือพูดออกไปก็รู้ตัวว่าไม่ถูกต้อง เมื่อเธอเห็นสายตาของเป้ยฉ่ายเวย เธอก็รีบเปลี่ยนเรื่องในทันที “ก็รุ่ยรุ่ยนั่นแหละ เมื่อวานก่อนเขาไปก็กำชับกับฉันอยู่ตั้งนาน ให้ฉันดูแลเธอให้ดี”

เมื่อเห็นว่าหล่อนทำเพราะเป็นห่วงเธอ สายตาของเป้ยฉ่ายเวยก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลงในทันที “ซือซือ รุ่ยรุ่ยเสียใจรึเปล่า”

อวี๋ซือซือเก็บสีหน้า เธอเกือบจะหลุดบอกข้อตกลงออกมา ท้ายที่สุดแล้วจะได้รับค่าคุ้มครองเป็นเงินจำนวนมหาศาล จึงต้องพยายามรับผิดชอบหน่อย หูลีจะได้ไม่มาว่าได้ เธอก็ช่วยแล้วนะ

แต่ว่าสถานการณ์มันบีบบังคับ เรื่องมันยุ่งเหยิง ดังนั้นเธอจึงได้เพิ่มเงื่อนไขเข้าไปเล็กน้อย คิคิ ไม่ต้องพูดถึงรายละเอียดหรอก

เมื่อได้ยินเป้ยฉ่ายเวยถาม เธอก็รีบตอบโดยไม่ลังเล “รุ่ยรุ่ยไม่เสียใจหรอก เขาก็ไม่ได้เจอยายนานแล้ว ฉันบอกเขาว่าเธอหายยุ่งแล้วจะรีบไปหา”

“อื้อ ถ้าอย่างนั้นก็ดี” เมื่อรู้ว่ารุ่ยรุ่ยไม่ได้เสียใจ เป้ยฉ่ายเวยก็ค่อยสบายใจขึ้นบ้าง

“บริษัทให้เธอแจ้งเหตุผล ว่าเธอเดินทางไปดูงานหนึ่งสัปดาห์ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ทำตามนั้นอยู่พักผ่อนที่นี่ไปก่อนเถอะ” อวี๋ซือซือหยิบลูกแพร์บนโต๊ะขึ้นมากัดไปหนึ่งคำ มีน้ำผลไม้ไหลผ่านมุมปากของเธอ

เธอรีบดึงกระดาษทิชชู่สองสามแผ่นขึ้นมาเช็ดปาก

“เธอหมายความว่าก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะสงบลง ให้ฉันทำตัวเหมือนนักโทษนั่งๆนอนๆอยู่ในบ้าน” เป้ยฉ่ายเวยใช้เวลาไม่นานนักในการทำความเข้าใจความหมายใจคำพูดของอวี๋ซือซือ การที่บอกว่าไม่ให้เธอไปไหนทั้งนั้น นี่ก็เหมือนกับว่าเธอกำลังติดคุกรึเปล่า

อวี๋ซือซือส่ายนิ้วชี้ของเธอแล้วพูดต่อหน้าเธอ “โน โน ดีกว่าเข้าคุกตั้งเยอะ เธอเคยเห็นคุกที่ไหนใหญ่โตขนาดนี้ แถมยังมีสองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น ทีวี คอมพิวเตอร์ ไวไฟ ซื้อของออนไลน์ก็ได้ สะดวกจะตาย”

ยกเว้นออกไปข้างนอก

“ถ้าอย่างนั้นขอให้คุณหนูอวี๋ได้โปรดช่วยอธิบายหน่อย นี่ใช่การกักบริเวณหรือไม่” เธอไม่ใช่เด็กอายุสามสี่ขวบ และก็ไม่ใช่วัยรุ่ยอายุสิบหกสิบเจ็ด ถึงจะโดนกักบริเวณ

“ถ้าจะคิดอย่างนั้นก็ได้แหละ” อวี๋ซือซือกัดลูกแพร์อีกคำหนึ่ง เธอรู้สึกว่าสายตาของเป้ยฉ่ายเวยไม่ถูกต้องจึงพูดกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม “ที่จริงแล้วฉันคิดว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันไม่ใช่หรอ”

เป้ยฉ่ายเวยพูดด้วยน้ำเสียงอึมครึม “ก็ไม่มีอะไรไม่ดี ถ้าอย่างนั้นเธอมาลองดูกับฉันไหมล่ะ”

“ไม่ได้หรอก ฉันมีหน้าที่การงานต้องทำนี่” อวี๋ซือซือหยุดนิ่งและพูดทวนอีกครั้ง “เวยเวยเธอไม่รู้ตัวใช่ไหมว่าถูกสะกดรอยอยู่ ข้างนอกอันตราย เธอพักอยู่ที่นี่จะได้ปลอดภัยหน่อย”

“เอาล่ะ ฉันรับปากเธอ” เป้ยฉ่ายเวยผงกหัว

ความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอวี๋ซือซือ ไม่คิดว่าเวยเวยจะมีเหตุมีผลอยู่เหมือนกันนะ ความสุขของเธอยังค้างอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งนาที

เวยเวยก็พูดขึ้นอีก “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเธอไปไหนฉันก็ไปที่นั่น”

“ว่าไงนะ เวยเวยคำขอเธอข้อนี้มันทำได้ยากนะ ฉันทำงานมันไม่เหมือนกัน” อวี๋ซือซือแทบจะกระโดดลุกจากโซฟา “อีกอย่างตอนนี้เธอก็ได้รับบาดเจ็บอยู่”

เธอใช้สายตามองไปที่มือหล่อนที่กำลังได้รับบาดเจ็บ และยังใส่เฝือกอยู่!!

เป้ยฉ่ายเวยเผยให้เห็นฟันอันขาวเรียบของเธอด้วยการยิ้มให้อวี๋ซือซืออย่างไม่มีพิษสง "วางใจเถอะ มือฉันเจ็บ แต่ขาไม่ได้พิการ ไม่เป็นตัวถ่วงเธอหรอก"

อวี๋ซือซือรู้สึกว่าคนเดียวคล่องตัวสองคนเกะกะ เงินนี้ไม่ได้ง่ายๆเสียแล้ว "เวยเวย ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากให้เธอไปด้วย แต่เธอลองคิดดูถ้าเธอออกไปตอนนี้ ก็จะต้องถูกพบเห็นอย่างแน่นอน"

อีกนิดเดียวก็จะอ้างฉูเจ๋อหยางแล้ว

เป้ยฉ่ายเวยเห็นเพื่อนของเธอพูดจาแปลกๆ บ่ายเบี่ยงเธอสองรอบแล้ว "ซือซือ เธอมีเรื่องอะไรปิดบังฉันอยู่รึเปล่า"

"เหอเหอเหอ เวยเวย เธอก็ พูดอะไรน่ะ" อวี๋ซือซือไม่รัดกุมจนถูกจับได้ เธอหายใจหน้าอกกระเพื่อมอยู่สองสามครั้ง แย่แล้ว ทำไมเชื่อยากอย่างนี้ ให้เธอหาเงินง่ายๆหน่อยได้ไหม

“ซือซือ เธอเป็นอะไรรึเปล่า" เป้ยฉ่ายเวยไม่คิดว่าอวี๋ซือซือจะมีการตอบสนองเช่นนี้ เธอรีบรินน้ำใส่แก้วยื่นให้หล่อนในทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว