หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 170

บทที่170 หญ้าเป็นกรดกำมะถัน

ฉูเจ๋อหยางมองออกว่าเป้ยฉ่ายเวยสงสัย เขาจึงลดเสียงลงเพื่ออธิบาย “วางใจเถอะ เขายังพอมีดีอยู่บ้าง”

“อื้อ” เป้ยฉ่ายเวยโดนรู้ทันก็รู้สึกอาย เธอจึงหลบสายตา

ขณะที่เจี่ยงเสี่ยวเล่อกำลังตั้งอกตั้งใจทำงาน เขาได้ยินคำที่ออกมาจากปากของฉูเจ๋อหยางเขาจึงพยายามโชว์ลวดไม้ลายมือเต็มที่ เพื่อผู้หญิงของตน ก็ไม่ควรว่าพี่น้องตัวเองแบบนี้ป่ะ

เขามีสายตาต่อต้าน หยุดแช่แข็งเมื่อไปถึงครึ่งทาง

แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกในเมื่อบรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน เขาคงทำได้เพียงทำลายกล่องนั้นเสีย

ก่อนอื่นเจี่ยงเสี่ยวเล่อสัมผัสกับวัสดุของกล่อง เขามองไปยังมุมทั้งสี่มุม ในใจข้อเกิดข้อสงสัย แต่ก็ไม่ได้เอะอะอะไร เขาหยิบของเหลวออกมาจากกล่องของตนเอง และหยดลงบนกล่องสองหยด

สีหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก และผละถอยหลังไป

“ฉันว่า ข้างในคงไม่ใช่วัตถุระเบิดจริงๆหรอกใช่ไหม”อวี๋ซือซือเห็นท่าทางของเจียงเสี่ยวเล่อ เธอก็อุทานออกมา

ฉูเจ๋อหยางรู้สึกได้ว่ามุมเสื้อของตัวเองถูกคนถึงไว้อยู่ในกำมือ เขาก้มลงมอง ก็เห็นมือน้อยๆของเป้ยฉ่ายเวยกุมชายเสื้อของตัวเองไว้ เขาพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “อย่าอู้ รีบพูดออกมา”

เจี่ยงเสี่ยวเล่อเผยรอยยิ้มที่มองดูแล้วน่าเกลียดยิ่งกว่าคนร้องไห้ออกมา “เคราะห์ดีที่พวกคุณไม่ได้แตะต้องกล่องนี้ ข้างในนี้เต็มไปด้วยกรดกำมะถัน ถ้าหากสัมผัสมันพวกคุณเสียโฉมแน่”

“กำมะถัน ใครมันช่างกล้า ส่งเจ้าสิ่งนี้มา” เมื่อได้ยินว่าเสียโฉม อวี๋ซือซือลมแทบใส่

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเป้ยฉ่ายเวยที่หน้าขาวซีด

“ผมจะไปรู้ได้ไง” เข้าแค่รับผิดชอบตรวจสอบเจ้าสิ่งนี้ ยังดีที่ไม่มีการรั่วไหล ถ้าไม่อย่างนั้นอีกหน่อยใบหน้าเขาจะน่าเกลียดมากแค่ไหน

“วันหลังล่ะก็ เตือนให้ผมเอาหน้ากากป้องกันแก๊สพิษมาด้วยล่ะ”

เมื่อฉูเจ๋อหยางได้ยินว่ามีกรดกำมะถันอยู่ข้างใน สีหน้าของเขาก็ยังคงเย็นชา “ไม่เห็นว่าใครส่งมา”

“ฉันถึงว่าไอ้บ้าตัวไหนมันแสนรู้ ทำไมมันถึงได้รู้ว่าวันนี้กล้องวงจรปิดที่ใช้ดูตอนกลางคืนพัง” อวี๋ซือซือพูดอย่างเจ็บใจ ถ้าหากเธอรู้ว่าเป็นไอ้หน้าไหนส่งมาล่ะก็ เธอจะสับให้เป็นสิบๆท่อน

“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ” ฉูเจ๋อหยางไม่เคยเชื่อเลยว่าโลกนี้มีเรื่องบังเอิญอยู่

เป้ยฉ่ายเวยนิ่งอึ้งไป ในไม่ช้าเธอก็เข้าใจความหมายของฉูเจ๋อหยาง มีคนตั้งใจทำร้ายซือซือ ถึงได้ส่งกล่องเช่นนี้มา “ซือซือ ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ฉันอยากกลับไป”

เธอไม่ต้องการให้เรื่องเดือดร้อนถึงคนอื่น

“เวยเวยเธอพูดบ้าอะไรน่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนหรือไม่เดือดร้อน แต่ไอ้พวกบ้านั่นไม่เห็นตระกูลอวี๋อยู่ในสายตา อุจอาจเช่นนี้ ใครกลัวใคร!” อวี๋ซือซือแทบระเบิด พวกคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไม่รู้ว่าเธอเป็นคนของตระกูลอวี๋รึไง

ส่งกรดกำมะถันมาเช่นนี้ เหมือนกับการตบหน้ากันรึเปล่า

เจี่ยงเสี่ยวเล่อที่ด้านข้างกล่าวเสริม “ที่แท้คุณก็คือคุณหนูอวี๋ พวกเขาน่าจะพอเห็นแก่หน้าพวกคุณอยู่บ้าง ความเข้มข้นของกรดจึงยังไม่มากนัก น่าจะเป็นการเตือนคุณไม่ให้เข้าไปยุ่งกับเรื่องบางอย่าง”

ใบหน้าฉูเจ๋อหยางเหมือนกับมีน้ำแข็งฉาบบางๆอยู่ชั้นหนึ่ง มีความอาฆาตอยู่ในแววตาของเขา ไม่ค่อยพอใจ เสียงกล่าวอย่างลุ่มลึก “เรื่องนี้ผมจะไปจัดการเอง จะไม่มีครั้งหน้าอีก”

เมื่อถังฉีตงและเจี่ยงเสี่ยวเล่อได้ยินก็เข้าใจความหมายของฉูเจ๋อหยาง พวกเขามองหน้ากันและเข้าใจแจ่มชัดในความนัยในคำพูดของฉูเจ๋อหยาง

เรื่องนี้วางใจได้

“ไม่ต้องไป จะเป็นอันตราย” เป้ยฉ่ายเวยคว้าแขนเสื้อของเขาโดยไม่รู้ตัว คนเหล่านั้นบ้ามาก ฉูเจ๋อหยางไปก็เหมือนกับพาตัวเองไปหาความตาย

เมื่อเห็นสายตากังวลของเป้ยฉ่ายเวย สายตาดำขลับของฉูเจ๋อหยางก็อ่อนโยนลงบ้าง “ผมไม่เป็นไรหรอก”

“แต่ว่า…” เป้ยฉ่ายเวยจะพูดอะไรได้อีก

“อื้อ” อวี๋ซือซือรู้สึกว่าเจี่ยงเสี่ยวเล่อเป็นคนบ้าๆบอๆ

หลังจากที่ทั้งสามคนไปแล้ว พวกเธอทั้งคู่ก็นั่งพิงกันด้วยความหวาดกลัว

“มันอึดอัดนะ ฉันไม่ได้พบเจอเรื่องแบบนี้มานานหลายปีมากแล้ว” ยังไงเธอก็เป็นพี่สาวคนโตของบ้านตระกูลอวี๋ แค่ครอบครัวของตัวเองถูกคนคุกคาม นั่นก็มากพออยู่แล้ว

“นี่เป็นครั้งที่สองของฉัน แต่ฉันว่ายังไงเสียฉันก็ไม่มีทางชินกับเรื่องพวกนี้หรอก” ชีวิตของเป้ยฉ่ายเวยค่อนข้างราบเรียบเธอไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเรื่องพวกนี้ได้แน่ เมื่อนึกถึงว่าหลายปีมานี้ฉูเจ๋อหยางเงียบๆไม่ค่อยพูดจา ใจเธอก็ทุกข์ใจอย่างบอกไม่ถูก

ถ้าหากไม่ใช่งานเลี้ยงในวันนั้น เธอก็คงไม่รู้ว่าฉูเจ๋อหยางที่แท้กำลังตกอยู่ในอันตราย เมื่อเห็นสายตาอันไม่แยแสของฉูเจ๋อหยาง ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะคุ้นชินกับเรื่องเช่นนี้มานาน หรือว่าตอนที่เธอไม่รู้เขาอาจจะกำลังเผชิญกับอันตรายบางอย่างอยู่ก็ได้

เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ เธอก็ไม่สามารถสงบจิตใจลงได้

อวี๋ซือซือเห็นท่าทางวิตกกังวลของเป้ยฉ่ายเวยเธอจึงแซวขึ้นมา “เธอเป็นห่วงฉูเจ๋อหยางหรอ”

“อย่าบอกนะว่าเธอไม่ห่วงถังฉีตง” เป้ยฉ่ายเวยย้อนกลับไป

“เชอะ ใครจะไปเป็นห่วงล่ะ” อวี๋ซือซือแสดงออกเกินจริงเพื่อที่จะปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงในใจของตนเอง

เป็นห่วงรึเปล่า น่าจะนิดหน่อยนะ ดูเหมือนจะเล็กแค่ขี้เล็บเท่านั้นล่ะ

เป้ยฉ่ายเวยคิดไม่ตก “เธอว่าทำไมอาชีพทนายความถึงได้อันตรายอย่างนี้ล่ะ”

“มีอาชีพไหนไม่อันตรายบ้าง ต่างกันที่ระดับเท่านั้น ระดับของฉูเจ๋อหยางไม่ธรรมดา ระดับอันตรายที่เขาต้องเผชิญจึงไม่ธรรมดาไปด้วย เธอว่าทนายหน้าไหนก็จะรับทำคดีความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนได้รึ แต่ละคนล้วนมีอิทธิพลทั้งนั้น ทนายคนไหนที่กล้ารับ ไม่เพียงแต่ต้องมีคนหนุนหลังดั่งขุนเขา และยังต้องมีความสามารถด้วย”

ข้อนี้ อวี๋ซือซือยังคงชื่นชมความสามารถของฉูเจ่อหยาง

เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้ตอบอะไร เธอพยายามย่อยความหมายในประโยคที่ซือซือเพิ่งอธิบาย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว