หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 175

บทที่175 บาร์Ambilight

เมื่อทุกคนออกไปแล้ว หมาป่าก็อดถามเสียงดังออกมาไม่ได้ “เฮียเอ่อร์ แค้นของพี่ลิง ผมจะไปจัดการเอง”

“ไอ้โง่ มึงคิดว่าฉูเจ๋อหยางมันสามารถเชิญหัวหน้าเฉินออกมาได้ มึงคิดว่าจะจัดการมันได้ง่ายๆเรอะ” ลิ่วเอ่อร์ตบเขาไปโดยไม่ต้องคิดหนึ่งฉาด

หมาป่าไม่รู้สึกเจ็บ ตาเขาแดงด้วยความเคียดแค้น “เฮียเอ่อร์ แล้วพี่ลิงล่ะจะทำอย่างไร ตายฟรีหรอ”

“วางใจ กูจะไม่ปล่อยให้ไอ้ลิงมันตายเปล่า ฉูเจ๋อหยางเป็นหนี้พวกเรา พวกเราจะไปเอาคืนพร้อมดอกเบี้ย” ฉูเจ๋อหยางร้ายกาจกว่าคุณเสิ่น มีลำแสงแปลกๆในแววตาของลิ่วเอ่อร์

เมื่อได้ยินลิ่วเอ่อร์พูดเช่นนั้นหมาป่าก็ดีขึ้นหน่อย “เฮียเอ่อร์เฮียว่าพวกเราควรทำไงต่อไป ไอ้บ้าหัวหน้าเฉินนั่นก็รีดเงินไปแต่ไม่ทำห่าอะไรเลย ร่างของพี่ลิงก็ถูกลากออกไปแล้ว”

“เรื่องนี้กูจัดการเอง มึงเอาเงินให้ครอบครัวลิงสักเล็กน้อย” ลิ่วเอ่อร์ทั้งเหนื่อยและเจ็บใจ ไม่มีของยังพอว่า กลัวแค่พอมีเงินแต่จะไม่ได้ใช้ อย่างนั้นน่าสิ้นหวังจริงๆ

การฆ่าลิงก็เหมือนกับการตัดแขนขาของเขา

หาทางแห่งการแก้แค้นไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ เขาก็ยิ่งอยากเห็นฉูเจ๋อหยางทรมานจนไม่อยากมีชีวิตอยู่

หมาป่าพยักหน้า ลิงและลิ่วเอ่อร์อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว ไม่คาดคิดว่าพอจวนตัวขึ้นมาลิ่วเอ่อร์ก็ไม่เห็นแก่ญาติมิตร คิดจะฆ่าลิงก็ฆ่าเสียอย่างนั้น เป็นไปได้ไหมว่าในอนาคตเขาเองก็จะมีจุดจบเช่นนี้

คิดแล้วก็สะเทือนใจ

ทันใดนั้นไหล่ก็ถูกคนตบหนึ่งครั้ง หมาป่าเงยหน้าขึ้นมอง “เฮียเอ่อร์รึ”

“มึงกำลังคิดว่ากูโหดเหี้ยมใช่ไหม หมาป่า”

ประกายจากดวงตาของลิ่วเอ่อร์สาดส่องไปที่เขาอย่างชัดแจ้ง “หมาป่า มึงกับลิงอยู่กับกูมานานมากแล้ว กูเห็นพวกมึงเป็นเหมือนญาติพี่น้อง มึงก็เห็นสภาพของลิงตอนนั้น ขาข้างนั้นเหมือนพิการไปแล้ว ถ้าหากไม่มีคนเสียสละ เราสองคนก็ต้องตาย”

“หรือว่ามึงอยากตาย”

ประโยคสุดท้ายเป็นเหมือนดังก้อนหินที่บดขยี้ความรู้สึกผิดในใจเขา เขาพูดขึ้นอย่างจริงจัง “เฮียเอ่อร์ ผมไม่อยากตาย ผมอยากรอด”

ลิ่วเอ่อร์เข้าใจและตบไหล่เขาพลางพูดว่า “กูเข้าใจ ถ้าหากว่ามึงคิดจะไปกูก็จะไม่รั้งมึงเอาไว้ แต่ถ้าหากว่าเมิงคิดจะอยู่กับกูต่อไป ถ้าหากว่ากูลิ่วเอ่อร์ได้กินหนึ่งคำ กูจะไม่มีทางยอมให้พี่น้องกูอดอยาก”

“เฮียร์เอ่อร์ เฮียไม่ต้องพูดแล้ว ผมจะอยู่รับใช้เฮียไปชั่วชีวิต” แม้ปากหมาป่าจะพูดเช่นนั้น แต่ใจเขาก็ยังคงนึกถึงคมมีดที่ลิ่วเอ่อร์แทงลิงโดยไม่ลังเล ภาพนั้นทำให้ตอนนี้หัวใจเขาหนาวเหน็บยิ่งกว่าอะไร

เห็นพวกเขาเป็นญาติพี่น้องรึ ใครกันที่สามารถตัดแขนขาของตัวเองได้โดยไม่กระพริบตา จิตใจต้องโหดเหี้ยมขนาดไหน แต่พวกเขาก็ต้องทนกล้ำกลืนมันเข้าไป

“มึงพักผ่อนก่อนเถอะ ผ่อนคลายเสียหน่อย มีอะไรกูจะเรียกมึงเอง” ลิ่วเอ่อร์ต้องการเวลาเล็กน้อยในการทำใจยอมรับ

หมาป่าพยักหน้าไม่ได้ปฏิเสธ

ตอนเช้าเขายังอยู่อย่างสงบสุข แต่ตอนนี้กลับเดือดเนื้อร้อนใจ ลิ่วเอ่อร์ให้คนกระจายกันไป ส่วนตัวเองก็ครุ่นคิดว่าจะหาทางนัดพบกับคุณเสิ่นได้อย่างไร

ฉูเจ๋อหยางทางนั้น ในรถเงียบสงบจนน่าผิดสังเกต

อดทนอยู่นาน ในที่สุดถังฉีตงก็เอ่ยปากถาม “ทำไมผมรู้สึกว่าผู้หญิงที่ลิ่วเอ่อร์จับอยู่นั้นดูคล้าย…”

“ไม่คล้าย” ฉูเจ๋อหยางไม่รอให้ถังฉีตงพูดจบ เขาก็รีบปฏิเสธขึ้นมาก่อน

ถังฉีตงกระซิบ “คล้ายมากนะ”

ไม่รู้ลิ่วเอ่อร์ไปหาตัวตายตัวแทนมาจากไหน ดูไปก็คล้ายเป้ยฉ่ายเวยอยู่บ้าง ไม่ใช่เรื่องรูปร่างหน้าตา แต่ว่าเป็นลักษณะของแววตาคู่นั้น ถ้าหากว่าเป็นคนสนิทก็จะสามารถบอกได้ในทันที

จะบอกว่าอย่างไรดี ความสามารถของเป้ยฉ่ายเวยในการทำให้อาเจ๋อหงุดหงิดได้ ไม่ใช่ว่าใครก็เป็นกันได้

จอมเผด็จการไม่เข้าใจ ไม่ถาม และไม่พูดจา เมื่ออยู่กับเจี่ยงเสี่ยวเล่อเขาถึงจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เมื่อพวกเขาทั้งสามถึงอพาร์ทเม้นต์ของอวี๋ซือซือ ก็พบว่ามันว่างเปล่า

ตอนที่อยู่กับลิ่วเอ่อร์นั้นสีหน้าของฉูเจ๋อหยางไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่ตอนนี้เมื่อเขาเห็นห้องว่างเปล่า นัยน์ตาสีดำบีบแคบลง เสียงทุ้มต่ำพูดแต่ละคำด้วยน้ำเสียงอันตราย “เจี่ยงรอง!”

“รีบโทรหาเจี่ยงรอง เขาพาคนไปไหนแล้ว” สีหน้าถังฉีตงก็ไม่สู้ดี เมื่อนึกถึงความคิดบ้าบอของเจี่ยงเสี่ยวเล่อ เขาเป็นห่วงจริงๆว่าผู้หญิงของเขาจะเป็นอะไรไป

แค่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของเขาเองก็ทำให้เขาปวดเศียรเวียนเกล้าพออยู่แล้ว นี่จะยิ่งไปกันใหญ่

จอมเผด็จการเฉียวเจิ้นหลีหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าและโทรออกด้วยอาการสงบนิ่ง ไม่นานหลังจากที่มีคนรับเสียงเพลงก็ดังลอดเข้ามาในโทรศัพท์

ชายสองคน ณ ที่นั้นแทบจะพุ่งทะยานไป

“หนูน้อยหมวกแดงคุณอยู่ที่ไหน” ขณะที่พูดกับเจี่ยงเสี่ยวเล่อ สายตาของเฉียวเจิ้นหลีมีประกายของความอ่อนโยน

“อย่าเรียกผมว่าหนูน้อยหมวกแดง ผมอยู่ที่บาร์Ambilight ว่าไง คุณสนใจไหม” เจี่ยงเสี่ยวเล่อส่งเสียงดัง

เมื่อพวกเขาทั้งสามได้ยินก็ร้องอ๋อ

เฉียวเจิ้นหลีเหลือบไปมองชายทั้งสองคนข้างๆและสรุปได้ในทันทีว่า “หนูน้อยหมวกแดงคุณตายแน่”

เมื่อได้ยินว่าบาร์Ambilightก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่กลับทำให้ชายสองคนที่หน้านิ่งยิ่งกว่าขุนเขาตอนนี้ใบหน้าเปลี่ยนสีได้ แน่นอนว่านั่นไม่ใช่สถานที่อันดีแน่

อย่างน้อยสำหรับผู้หญิงแล้วก็ไม่ใช่สถานที่อันดีแน่

ที่ที่หญิงแก่ขี้เหงาหรือว่าสาวผู้ต้องการยุติความโดดเดี่ยวไปกัน

มีสาวๆ ที่เด็ดที่สุดก็คือระบำเปลื้องผ้าผู้ชาย!

“ไม่ต้องมาห้ามผม” ฉูเจ๋อหยางทิ้งท้ายไว้ก่อนจะลงไปชั้นล่าง

ถังฉีตงตบไหล่เฉียวเจิ้นหลีและตามลงไปชั้นล่างด้วยความโมโห “คราวนี้เจี่ยงรองทำเกินไป ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”

เฉียวเจิ้นหลียักไหล่และตามลงไป ตราบใดที่เขาไม่พบตัวผู้ชายก็ไม่เห็นจะเป็นไร

หลังจากที่รู้ว่าเจี่ยงเสี่ยวเล่อพาพวกเธอไปที่ไหนแล้ว เป้ยฉ่ายเวยก็รู้สึกอึดอัดไม่เป็นตัวของตัวเอง

แต่อวี๋ซือซือกลับไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนัก ไม่มีอะไรที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เธอก็เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ

ในกล่องใหญ่ โคมไฟระย้าสูงที่ส่องแสงสลัวนั้น สว่างเพียงพอแค่ให้เห็นแค่ชายหนุ่มที่ยืนสง่างามอยู่ตรงหน้า “เสิร์ฟแบบบุพเฟ่ต์”

ดีที่คนดูแลที่นี่ช่างรู้ใจ แขกนั่งอยู่ที่โซฟา ถ้าหากว่าไม่ได้เปิดไฟด้านใน ก็จะไม่มีใครสามารถมองเห็น

ด้านข้างยังมี “กระหรี่” นางหนึ่งยืนชม้อยม้ายอยู่ คอยต้อนรับแนะนำแขกเหรื่อ “แขกทั้งสามท่านช่างมาเวลาพอเหมาะพอเจาะ นี่เป็นหนุ่มหล่อที่เพิ่งจะมาล๊อตใหม่ของเรา จะเอาแนวติสท์ๆ แนวคมเข้ม แนวพ่อบ้านใสๆ แนวสปอร์ต ชอบแบบไหนเราก็มีค่ะ”

พูดแล้วแม่เล้านางนั้นก็เอามือปิดปากหัวเราะคิกคัก

“เป็นไงผมไม่ได้หลอกพวกคุณนะ ที่นี่น่าสนใจมาก อยากเลือกกี่คนก็ได้ วันนี้ผมอารมณ์ดีเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” เจี่ยงเสี่ยวเล่อไม่รู้ว่าคราวนี้ฉูเจ๋อหยางเรียกจอมเผด็จการมาด้วย เขายังทำหน้าที่เจ้าบ้านอย่างภาคภูมิใจ

ถ้าหากเขารู้ว่าฉูเจ๋อหยางอยู่ใกล้ๆ เขาคงจะต้องกัดลิ้นตัวเองอย่างแน่นอน

“เวยเวยคุณชอบแบบไหน ผมคิดว่าริมสุดนั่นก็ไม่เลวนะ ซิกแพ็คด้วย ลูบแล้วคงจะได้สัมผัสดี” อวี๋ซือซือชอบผู้ชายที่ร่างกายกำยำแข็งแกร่ง นี่เป็นสิ่งที่ผู้ชายควรจะมี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว