หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 180

บทที่180 ผู้ชายอย่างคุณยุ่งเหมือนหมา

แปลกที่หลังจากวันนั้น ซือซือไม่มาให้เห็นหน้าเลยเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ฉูเจ๋อหยางก็ยังไม่กลับมา

เป้ยฉ่ายเวยอยู่ที่อพาร์ทเม้นต์เพียงลำพัง ทุกวันมีคนมาส่งอาหารตรงเวลาเป๊ะ ส่งซุปมาบำรุง และยังมีหมอมาตรวจแผลให้อีก

ผ่านไปหลายวัน เธอใช้ชีวิตเหมือนหมูที่ลูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดี

ไม่สิผิดแล้ว เธอไม่ใช่หมู

เป้ยฉ่ายเวยนั่งดูทีวีบนโซฟาฆ่าเวลา เมื่อวานเพิ่งจะโทรหารุ่ยรุ่ย จึงได้รู้ว่าเขาอยู่กับคุณยายมีความสุขดี เธอก็รู้สึกโล่งใจ

มีบางคนที่ไม่ได้คิดถึง แต่พอคิดเท่านั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เป้ยฉ่ายเวยแปลกใจที่ได้รับสายจากอวี๋ซือซือ “ทำไมถึงได้โทรมาได้ล่ะ”

“ทำไมเธอไม่กลับมา” อวี๋ซือซือถามอย่างไม่สบอารมณ์

โชคดีของเป้ยฉ่ายเวยที่เพื่อนไม่ได้อยู่ข้างๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ได้สงบสุข “กลับไปแล้วต้องเห็นอะไร18+ ฉันต้องไปล้างตาอีก ลำบากเปล่าๆ”

“ฟะ พูดบ้าอะไร”

เมื่อได้ยินก็รู้สึกผิด “ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องรอนานขนาดนี้กว่าจะโทรหาฉันได้ ฉันยังคิดว่าเธอคงจะถูกถังฉีตงกลืนไปหมดทั้งตัวแล้ว”

อวี๋ซือซือไม่ยอมแพ้ “แล้วเธอล่ะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าหลายวันนี้เธอกลับรังของตัวเอง ไปอยู่กินตับกับฉูเจ๋อหยางมาใช่ไหมล่ะ”

“ฉันอยู่บ้านเขา แต่ว่าเขาไม่ได้กลับมาหลายวันแล้ว” เป้ยฉ่ายเวยแสร้งทำเป็นพูดธรรมดาๆ

แต่ว่าความขมขื่นในแววตานั้นไม่สามารถหลอกกันได้ เขาไม่สนใจจริงๆหรอ ไม่ เขาสนใจ สนใจจะตาย

แต่ว่าเธอถามได้ไหมล่ะ แน่นอนว่าไม่ได้ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ต้องวางกลับไป ถาม ในฐานะอะไรล่ะ แขกที่มาขออาศัยหรอ คู่นอนหรอ ข้ออ้างแต่ละคำดูเหมือนจะยิ่งตอกย้ำฐานะของเธอ

เธอไม่ได้มีสิทธิ์อะไรที่จะไปถามหาสาเหตุว่าเขาหายไปไหนสองสามวัน ยิ่งอยู่ในห้องนอนที่เต็มไปด้วยรสนิยมของเขา เธอยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ

แต่ว่าจะทำอย่างไร ได้แต่อดทน อดทนต่อไป ทนจนหัวใจแทบจะระเบิด แต่ก็ยังทำเป็นว่าตัวเองไม่สนใจ

อวี๋ซือซือพูดอย่างในละคร “ทำไมฉันฟังน้ำเสียงเธอแล้วเหมือนกับคำตัดพ้อของเมียน้อยอย่างงั้นแหละ”

“ดูเหมือนว่าหลายวันนี้เธอจะไม่ค่อยว่างนะ ไม่ทราบว่าฮันนีมูนเป็นยังไงบ้างล่ะ” เป้ยฉ่ายเวยเดาว่าแปดสิบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ซือซือได้ยุติการถือครองพรหมจรรย์ของตัวเองแล้ว

อวี๋ซือซือหน้าแดง เธอรู้ว่าปิดไปก็ไม่มีประโยชน์ เธอจึงยืดอกยอมรับ “ก็ไม่เลว เดี๋ยวตาแก่กลับมาก็พาเข้านอนแล้วล่ะ”

“เธอพาเขาเข้านอน หรือว่าเขาพาเธอเข้านอน อยากรู้จริง” เป้ยฉ่ายเวยไม่เชื่อในสิ่งที่เพื่อนพูด

อวี๋ซือซือกลัวเป้ยฉ่ายเวยจึงไม่ยอมรับ เธอพูดอย่างหน้าไม่อาย “จริง ตอนจบเขายังคุกเข่าร้องเรียกหาพ่อ”

“....” เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้จะหาคำพูดอะไรมาเถียง

“อวี๋ซือซือเบื่อ เวยเวยเธอว่างอยู่รึเปล่า อยากออกไปสปาและไปเดินเล่นกันไหม ฉันมีบัตรลด”

“เธอไม่ไปทำงานหรือไง” ถ้าเธอจำไม่ผิด วันอังคารยังเป็นวันทำงานอยู่นะ

อวี๋ซือซือกรอกตาอย่างเสียไม่ได้ “เธอคิดว่าฉันโดดงานหรือไง”

เป้ยฉ่ายเวยตอบอื้อเพียงคำเดียว ก็เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ

“ฉันเป็นคนแบบนั้นหรอไง”

คราวนี้อวี๋ซือซือไม่รอให้เป้ยฉ่ายเวยตอบ เธอก็รีบพูดต่อ

“เอาล่ะ เธอไม่ต้องว่าแล้วฉันจะบอกเธอให้ ไม่รู้ว่าเจ้านายเราเป็นบ้าอะไรอยู่ๆก็พักกิจการ คนก็หายไปไร้ร่องรอย มันยากนะที่ฉันจะทำอะไรอย่างจริงจัง ดูเหมือนว่าบรรณาธิการของพวกเราก็จะกลับไปเลี้ยงปลาแล้ว”

ในสายตาของเป้ยฉ่ายเวย เสิ่นเย่ามีนิสัยโหดเหี้ยม เธอจำได้ว่าตัวเองยังเป็นหนี้ชายคนนั้นอยู่สองมื้อ แต่ว่าดูเหมือนว่าเขาจะลืมไปแล้วเธอเป็นใคร ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขาเป็นเหมือนเส้นขนาดที่ไม่มีทางบรรจบกันได้

“ออกมาน่า”

เธอก็เบื่ออยู่แล้ว ทีวีก็ไม่มีอะไรให้ดู อีกอย่างยิ่งอยู่ในอาณาเขตของฉูเจ๋อหยางก็ยิ่งทำให้เธอจิตตก

“ตกลง เจอกันในเมือง”

“โอเค”

เป้ยฉ่ายเวยรออวี๋ซือซือวางสายแล้วจึงพักสายตา เธอนั่งพักบนโซฟาต่ออีกสักครู่ ก่อนที่จะลุกขึ้นพร้อมกระเป๋าถือเล็กๆ สวมใส่รองเท้าเพื่อที่จะออกไปข้างนอก

เธอมาถึงได้พักหนึ่งแล้ว ซือซือก็ตามมา ผมสีชมพูกับรูปร่างอันสูงโปร่งนั้นดึงดูดสายตาคนเป็นอย่างมาก

“เวยเวย มาสิ”

เป้ยฉ่ายเวยชินกับการเป็นเป้าสายตาแล้ว เธอเดินตามอวี๋ซือซือไป “ทำไมเธอไม่เปลี่ยนสีผมซะที”

“จะเปลี่ยนทำไม ฉันก็เป็นฉันสีพลุเด่นดี ไม่่อย่างนั้นฉันย้อมให้เธอสีอื่นสีหนึ่งดีไหม”

ถ้าหากว่าเป็นสีเขียว ทั้งสดชื่นและสะดุดตา อีกย่างยังสะท้อนใบหน้าฉูเจ๋อหยางให้เป็นสีเขียวได้อีกด้วย

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว หวาน

“ช่างเถอะ ถ้าหากว่าย้อมเหมือนเธอ ฉันคงรักษางานไว้ไม่ได้แน่” แม้ว่าเป้ยฉ่ายเวยจะสามารถรักษางานเอาไว้ได้ เธอก็คงไม่เอาสีชมพู

“ไม่เป็นไร มันต้องลองดู” อวี๋ซือซือไม่หยุดหยอกเย้า

เป้ยฉ่ายเวยยืนกรานปฏิเสธ “ไม่เอา”

“น่าเบื่อเหลือเกิน” อวี๋ซือซือไม่บังคับขู่เข็ญอีกต่อไป

เป้ยฉ่ายเวยเดินไปถามไป “กลับไปคืนนี้สะดวกไหม”

เธอหมายถึงว่า คืนนี้เธอกลับไปนอนด้วยได้ไหม

“เธอกลับมาก็ดีแล้ว ยังจะมาถามฉันอีก” อวี๋ซือซือมีสีหน้าไม่ปกติ

เป้ยฉ่ายเวยเพ่งมอง หาไม่ได้ง่ายๆเลยที่จะเห็นเพื่อนมีท่าทีขี้อาย “ไม่ต้องสืบเลยเธออยู่กับถังฉีตงไม่ได้อยู่ที่อพาร์ทเม้นต์ใช่ไหมล่ะ”

“เปล่า ฉันว่าเธอหยุดถามได้แล้วน่า” อวี๋ซือซือตอบครึ่งๆและรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ทำไมเธอต้องรายงานทุกอย่างให้ผู้หญิงโง่ๆคนนี้ฟังด้วย “เธอก็พอกันไม่ต้องพูดแล้วน่า”

เป้ยฉ่ายเวยเลิกคิ้ว “ก็ฉันไม่ได้เห็นหน้าเขามาหลายวันแล้วนี่”

อวี๋ซือซือเห็นหน้าเป้ยฉ่ายเวยเหมือนจะมีคำว่า “ฉันไม่เหมือนเธอ” แปะอยู่ที่หน้าผาก เธอจึงจับแขนหล่อนและยิ้มอย่างมีเลศนัย “อยากรู้ล่ะสิว่าฉูเจ๋อหยางไปไหน”

“เปล่า” เป้ยฉ่ายเวยกระพริบตาและแกล้งทำท่าไม่สนใจ

ที่จริงแล้วซือซือรู้หรือเปล่าว่าฉูเจ๋อหยางไปไหน หรือว่าทุกคนรู้กันหมด มีแต่เธอเท่านั้นที่ไม่รู้นะ

“ไม่คิดถึงไม่อยากรู้ แต่ทำไมตาเธอลุกเป็นไฟอย่างกับพระอาทิตย์” ใบหน้าอวี๋ซือซือมีรอยยิ้มกว่างปรากฏขึ้น “เธอต้องยอมรับแล้วล่ะ ฉันถึงจะบอกเธอ”

เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นคนที่เข้มแข็ง ถ้าหากพูดว่าไม่อยากรู้ก็คือไม่อยากรู้ แต่เพื่อคำพูดออกมากลับกลางเป็นว่า “ฉันอยากรู้”

ก็ได้ เธออยากรู้มากว่าฉูเจ๋อหยางหายตัวไปไหนตั้งหลายวัน

อวี๋ซือซือมองเป้ยฉ่ายเวยด้วยความเห็นใจ “ฉันรู้แล้วว่าเธอโง่จริง ช่วงนี้เธอไม่ได้ดูข่าวเลยหรือไง”

“ว่าไงนะ” เป้ยฉ่ายเวยมองเธอด้วยความงุนงง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข่าวด้วยหรอ”

“แน่นอนล่ะ ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองนะที่รู้ เขาน่าจะรู้กันทั้งประเทศนั่นล่ะ ฉูเจ๋อหยางรับคดีฉ้อโกงเงินข้ามชาติ หลายวันนี้เขาคงจะวุ่นกับการจัดการกับนักข่าว นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องหยุมหยิม” อวี๋ซือซือกระแอมสองครั้งก่อนพูด

หลายวันมานี้เป้ยฉ่ายเวยมัวแต่อุดอู้อยู่ในอพาร์ทเม้นต์ดูแต่รายการทีวี ถึงจะเปลี่ยนช่องแต่ว่าใจก็ไม่ได้อยู่ที่รายการบนจอโทรทัศน์ มีเรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้น เธอกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด

มิน่าล่ะฉูเจ๋อหยางถึงได้ไม่มีเวลากลับมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว