หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 184

บทที่184 ความอิจฉาและความเกลียดชัง

สาวๆสองสามคนที่แต่เดิมไม่ได้เข้าใจ ตอนนี้ก็เริ่มรู้ตัว ถ้าหากไม่ใช่เพราะคำพูดที่ชวนให้คนเข้าใจผิดของหนานฉิง พวกหล่อนก็คงจะไม่คิดว่าอวี๋ซือซือและเป้ยฉ่ายเวยเป็นผู้หญิงกลางคืน

พวกหล่อนจ้องมองหนานฉิงด้วยความโกรธเคือง “หนานฉิงทำไมร้ายกาจกับพวกเราอย่างนี้ล่ะ”

“เธอบอกว่าพวกเราเป็นเพื่อนซี้ไม่ใช่หรอ ที่แท้เธอก็หลอกใช้เพื่อนอย่างนี้นี่เอง”

เบื้องหน้ายังมีคนชี้ตั้งข้อสังเกตไปทางเป้ยฉ่ายเวย ตอนนี้เจอกับตัวเอง หนานฉิงถึงได้รู้ว่ารสชาตินี้มันไม่น่ารื่นรมย์เลย เคราะห์ดีที่ ร.ป.ภ.ทั้งสี่นายลากคนออกไปหมดแล้ว จึงไม่มีเสียงอะไรต่อไปอีก

หนานฉิงก็ไม่มีหน้าอยู่ตรงนั้นต่อ เธอได้แต่กระทืบเท้าเดินไป ตามไปทางที่ ร.ป.ภ.ออกไป เธอจะต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายของเธอก่อน ไม่อย่างนั้นในละแวกนี้ เธออาจจะตกเป็นเป้าสายตาของฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายๆ

หลินเฟยเฟยซึ่งถูกทิ้งเอาไว้ในที่สุดเธอเข้าใจเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ เธอเห็นเป้ยฉ่ายเวยและอวี๋ซือซือกำลังจะไป จึงอยากจะพูดขึ้นมา

อวี๋ซือซือพูดขึ้น “เรื่องไร้สาระฉันไม่อยากได้ยิน วันนี้คุณตบเพื่อนฉันฉันก็ตอบคุณคืน ต่อไปเราก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่อย่างนั้นก็อย่ามาว่ากันถ้าหากว่าฉันต้องลงมือกับคุณอีก”

“คุณหนูอวี๋ คุณหนูพอใจแล้วรึยัง…” ผู้จัดการถามด้วยรอยยิ้มในดวงตา

“เรื่องนี้ทำได้ไม่เลว กลับไปแล้วจะไปพูดถึงความดีของคุณให้เขาฟัง” อวี๋ซือซือพูดจบก็ลากเป้ยฉ่ายเวยให้เดิน

ผู้จัดการยังยืนอยู่กับที่และใช้สายตาส่งพวกเธออย่างตื่นเต้น “คุณหนูอวี๋ค่อยๆเดินนะครับ ขอให้คุณหนูอวี๋สงบสุขสุขภาพแข็งแรง คุณหนูอวี๋หวังระวังขึ้นบันได คุณหนูอวี๋….”

“หุบปากเดี๋ยวนี้!” อวี๋ซือซือคำรามออกมาอย่างสุดจะทน

ด้านหลังเงียบลงในทันที

“ซือซือ เธอรู้จักเจ้าของสถาบันความงามหรอ” เป้ยฉ่ายเวยถามด้วยความสงสัย ทำไมถึงไม่เคยได้ยินซือซือพูดถึงมาก่อน

ใบหน้าอวี๋ซือซือปรากฎลำแสงแปลกๆขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เธอกระแอมขึ้นสองครั้งก่อนจะพูดว่า “เธอยังจะกล้าถามเนอะ คนอื่นรังแกยังไม่รู้จักสู้กลับ”

“ฉันก็อยากจะสู้อยู่หรอกนะ ถ้ามือที่ไม่เจ็บไม่ได้ถูกคนจับเอาไว้อยู่ มือที่เจ็บก็ไม่มีแรงอะ” เป้ยฉ่ายเวยตอบอย่างไร้ประโยชน์ เธอไม่ได้เรื่องจริงๆ เธอรู้สึกผิดกับหนานฉิง ไม่มีประโยชน์อะไรกับใครเลย

อวี๋ซือซือถอนหายใจโล่งอก โชคดีที่ไม่ได้โง่จริงๆ เรื่องหนานฉิงนั้นเวยเวยมีวิธีคิดของตัวเอง เธอคงพูดอะไรไม่ได้มาก แต่ถ้าหากว่าโดนคนอื่นรังแกแล้วยังไม่สู้กลับนี่ เธอจะระเบิดหล่อนจริงๆ

“เธอก็บอกเองแต่แรกนี่ ว่าให้ฉันจับหล่อนเองไว้แล้วเธอจะจัดการเอง”

“ฉันว่าเธอเสพติดการชกต่อยแล้วนะ” เธอเห็นความตื่นเต้นสนุกสนานโผล่ขึ้นในสายตาของซือซือ

“คิคิ ตาฝาด ทุกอย่างเป็นภาพลวงตา ฉันออกจะเป็นคนสุภาพอ่อนโยน จะไปชอบเรื่องชกต่อยคนได้ยังไง” อวี๋ซือือปิดปากหัวเราะ เธอแค่ชอบจัดการกับคนเท่านั้น ไม่ได้ชอบชกต่อยสักหน่อย

เป้ยฉ่ายเวยสงสัยในท่าทีแสดงออกเกินจริงของอวี๋ซือซือ “เธอยังไม่ได้บอกเลยว่าเธอรู้จักกับเจ้าของสถาบันความงามนั่นหรอ”

“เวยเวยเธอกลายเป็นคนชอบเรื่องซุบซิบนินทาตั้งแต่เมื่อไหร่” อวี๋ซือซือไม่อยากพูดถึงมัน

เป้ยฉ่ายเวยหยุดเดินและพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เธออย่าบอกนะว่าถังฉีตงเปิดสถาบันเสริมความงานน่ะ”

“เวยเวยทำไมตอนที่ควรจะฉลาดเธอกลับไม่ฉลาดนะ เรื่องที่ไม่ควรฉลาดกลับฉลาดนัก” ช่างน่าหงุดหงิด

เป้ยฉ่ายเวยผงกหัว “ดูเหมือนว่าฉันจะพูดถูกสินะ ไม่คิดเลยว่าถังฉีตงจะเป็นคนรักสวยรักงาม”

“ไม่อย่างนั้นเธอคิดว่าฉันมีเงินเยอะนักหรือไง ถ้ารู้แต่แรกว่าไปแล้วจะเจอเรื่องเฮงซวย ฉันไม่ไปดีกว่า ว่าแต่หน้าเธอยังเจ็บอยู่รึเปล่า” อวี๋ซือซือพูดแล้วก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง

“ไม่เป็นไร ไม่เจ็บ” เป้ยฉ่ายเวยพูดด้วยรอยยิ้ม

อวี๋ซือซือมีคำใบ้ในสายตา ปากเธอก็ยังพูดอย่างเป็นพิษ “เวยเวยเธอรู้ตัวรู้รึเปล่าว่าตอนเธอยิ้มดูโง่แค่ไหน”

และยังสามารถทำให้ใจคนอ่อนไหวได้ โง่ออกอย่างนั้น บริสุทธิ์ออกอย่างนั้น เศร้าโศกออกอย่างนั้น

“เธอน่ะสิโง่ ไม่ต้องห่วงหรอกอีกสองสามวันก็หาย” เป้ยฉ่ายเวยรู้ว่าอวี๋ซือซือล้อเล่นเธอจึงไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ

“มือเย็นฉันเลี้ยงเอง ถือเป็นการชดเชยให้เธอ” อวี๋ซือซืออยากบอกเป้ยฉ่ายเวยว่า สถาบันความงามแห่งนั้น ถึงแม้ทางกฎหมายจะเป็นชื่อถังฉีตง แต่ว่าผู้ลงทุนที่แท้จริงก็คือฉูเจ๋อหยาง

ในแง่ของผู้ถือหุ้นแล้ว ฉูเจ๋อหยางเป็นเจ้าของตัวจริงผู้อยู่เบื้องหลัง ถ้าเธอรู้เมื่อไหร่คงจะประหลาดใจมากแน่นอน

เธอไม่รู้ว่าฉูเจ๋อหยางเกี่ยวข้องกับกี่อุตสาหกรรมกันแน่ ยิ่งรู้ ยิ่งน่ากลัว

ไม่รู้ว่าเวยเวยและฉูเจ๋อหยางจะจบกันด้วยดีรึเปล่า

เป้ยฉ่ายเวยก็ไม่ได้ซ้ำซี้อะไรอีก เธอพูดอย่างมีความสุข “ทานหม้อไฟนะ”

“ทานหม้อไฟอะไร ดูมือตัวเองซะก่อน ไม่อย่างนั้นไปทานปิ้งย่างแทนไหม” อวี๋ซือซือเสนอ

เป้ยฉ่ายเวยแหย่ “แล้วปิ้งย่างไม่ต้องใช้มือหรือไง”

“ฉันเป็นคนเลี้ยงเธอยังกล้าขัดหรอ ไม่อย่างนั้นก็ไปทานอาหารญี่ปุ่น ฉันจำได้ว่ามีร้านหนึ่งไม่เลวเพิ่งเปิดใหม่อยู่บนถนนใจกลางเมือง ไปลองกันไหม”

“เอาล่ะ งั้นก็ไปลองกันแล้วกัน” ยังไงวันนี้เธอก็ไม่ต้องการที่จะกลับไปเร็วอยู่แล้ว

พวกเธอไม่รู้ว่า หลังจากนั้นเป็นต้นมาสถาบันความงามอันดับต้นๆของเมืองจิ่นอันก็ไม่ให้การต้อนรับหนานฉิงและคนกลุ่มนั้นอีก

เพราะว่าหัวใจของชายบางคนเล็กเสียยิ่งกว่าปลายเข็ม

ที่โต๊ะอาหาร ทั้งสองยังไม่ได้เริ่มต้นสนทนา ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาก่อน

“เวยเวยเจ้าชายขี่ม้าขาวกำลังมองหาเธออยู่น่ะ” อวี๋ซือซือนั่งไขว่ห้าง เธอทนไม่ได้กับการนั่งทับสั้นเท้าแบบคนญี่ปุ่น ช่างเป็นการทรมานร่างกาย

“เจอละ ฉันถ่วงอยู่” หลังจากที่รู้ว่าคนของลิ่วเอ่อร์คอยติดตามเธอ เธอโทรหาจื่อเชียน เธอได้แต่ถ่วงเอาไว้ ถ้าถ่วงไว้ไม่ได้ก็จะบอกว่าสัญญาณไม่ดี

ลางทีเมื่อคิดแล้วเธอก็รู้สึกเขิน

“ม้าขาวช่างน่าสงสาร ดูเหมือนจะไม่มีโอกาสแล้ว” อวี๋ซือซือถอนหายใจก่อนจะคีบซูชิปลาไหลเขาปากไปและเคี้ยวหมับหมับ

เมื่อเห็นหัวเป้ยฉ่ายเวยเต็มไปด้วยเส้นสีดำ “ซือซือ เธอบอกว่าคนของลิ่วเอ่อร์หลายวันนี้หายไปแล้วหรอ”

“ใครจะไปรู้ล่ะ ระวังตัวไว้ดีที่สุด” อวี๋ซือซือพูดพลางเคี้ยงซูชิในปากไปด้วยทำให้ฟังดูไม่ค่อยจะเป็นคำ ความจริงเธอมีความลับ “การลงมือทรมาน” กับถังฉีตงอยู่เล็กน้อย

รู้มากกว่าเวยเวยเล็กน้อย วันนั้นก่อนที่ถังฉีตงและฉูเจ๋อหยางจะตามไปที่บาร์Ambilight พวกเขาได้ไปหาลิ่วเอ่อร์ ได้ยินว่าพาตำรวจบุกเข้าไป ทำเอาลิ่วเอ่อร์เหวอเป็นไก่ตาแตก

คาดว่าตอนนี้ลิ่วเอ่อร์คงจะไม่มีกะจิตกะใจจะมาหาเรื่องพวกเธอ ถ้าหากว่ายังมีอารมณ์ล่ะก็ คงจะไม่ได้แค่แจ้งความธรรมดาๆเหมือนกับคราวก่อนแน่ เป็นไปได้ว่าพวกเธอทั้งสองคนอาจจะระบายความโกรธออกมา

“อื้อ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เธอจะกลับไปไหม” เป้ยฉ่ายเวยรักษาภาพลักษณ์กว่าอวี๋ซือซือนิดหน่อย ไม่เหมือนเธอที่ยัดทั้งคำเข้าไปเต็มปาก แต่หล่อนค่อยๆกัดละเมียดทีละนิดเพื่อลิ้มรส

ต้องพูดอะไรอีก อาหารร้านญี่ปุ่นร้านนี้รสชาติไม่เลวเลย

อวี๋ซือซือที่ของกินอยู่เต็มปากอีกนิดเดียวอาหารเกือบจะทะลักออกมาเพราะว่าเป้ยฉ่ายเวย เธอรีบงับเข้าไป และพูดอย่างกระหืดกระหอบ “เวยเวยอย่าโพล่งออกมาอย่างนี้ได้ไหม”

เป้ยฉ่ายเวยเลิกคิ้วถามอย่างไร้เดียงสา “คำถามที่ฉันถามมันตอบยากนักหรอ หรือว่าเธอมีอะไรปิดบังอยู่”

“บ้าหรอ ก็เพราะคำถามของเธอนั่นล่ะ ถ้ากลางคืนฉันไม่กลับไปแล้วจะให้ฉันไปแย่งม้านั่งในสวนสาธารณะหรือยังไง” อวี๋ซือซือหมายถึงว่าจะให้เธอไปนอนบนม้านั่งในสวนสาธารณะเหมือนคนจรจัด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว